รองประธานสภา อบต.สำราญ อำเภอสามชัย แจ้งความจับแก๊งมอดไม้ลักลอบตัดกลางป่าสงวนแห่งชาติภูพาน แฉพฤติกรรมอุกอาจไม่กลัวอำนาจรัฐคาดเป็นคนในพื้นที่ตัดไม้ตามใบสั่งนายทุนส่งขายให้เกษตรกรทำเสากางมุ้งสวนพุทรา ขณะที่ ผบก.กาฬสินธุ์ลั่นไม่หวั่นผู้มีอิทธิพลสั่งตำรวจท้องที่ประสานเจ้าหน้าที่ป่าไม้จับพิกัดแนวเขตป่าสงวน เร่งแกะรอยคนร้ายดำเนินคดีตามกฎหมาย
วันที่ 20 พ.ค.65 ที่ป่าสงวนแห่งชาติภูพาน บริเวณด้านหลังวัดป่าท่างาม ต.สำราญ อ.สามชัย จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งอยู่ในการดูแลของหน่วยป้องกันและพัฒนาป่าไม้สามชัย ศูนย์ป่าไม้กาฬสินธุ์ สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 7 กรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และเป็นที่ตั้งของหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ กส.3 (ภูพาน) สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 7 (ขอนแก่น) พ.ต.ท.กิตติ์ธานี ทรัพย์ศิริคำ พนักงานสอบสวน สภ.สามชัย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ประจำหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ กส.3 (ภูพาน) และนายกอบโชคชีพ โพธิ์สอน รองประธานสภา อบต.สำราญ ร่วมตรวจสอบและจับพิกัดแนวเขตป่าสงวนแห่งชาติภูพาน หลังเกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวนเข้ามาลักลอบตัดไม้และนำขึ้นรถอีแต๋น เตรียมขนย้ายออกจากสถานที่เกิดเหตุ ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถสกัดจับ พร้อมตรวจยึดรถและไม้ของกลางได้ ขณะที่ผู้ก่อเหตุซึ่งคาดว่าเป็นคนในพื้นที่หลบหนีไปได้ โดยเหตุเกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 6 เมษายน 2565 ที่ผ่านมา
นายกอบโชคชีพ โพธิ์สอน รองประธานสภา อบต.สำราญ กล่าวว่า ในวันเกิดเหตุดังกล่าว ตนได้รับแจ้งทางโทรศัพท์จากชาวบ้าน มีคนร้ายลักลอบตัดไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติภูพาน ซึ่งอยู่ด้านหลังสำนักงานป้องกันรักษาป่า กส.3 ติดกับหลังวัดป่าท่างาม จึงประสานผู้ใหญ่บ้านและผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านท่างามร่วมกันตรวจสอบ ซึ่งได้พบรถอีแต๋น 1 คัน บรรทุกไม้ของกลางประมาณ 20 ท่อน จอดอยู่ข้างกระท่อมนากลางเขตป่าสงวนฯ จึงโทรศัพท์แจ้งตำรวจ สภ.สามชัย เพื่อนำกำลังเข้าสกัดจับประมาณ 10 นาทีต่อมาขณะที่รอเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่นั้น ได้มีรถอีแต๋นบรรทุกไม้ขับผ่านมาอีก 1 คันจึงได้แสดงตัวขอตรวจค้น คนขับไหวตัวทันและอาศัยความชำนาญในพื้นที่ ขับรถอีแต๋นบรรทุกท่อนไม้หลบหนีไปได้ 1 คัน ในการเข้าตรวจสอบเหตุลักลอบตัดไม้วันนั้น จึงสามารถตรวจยึดของกลางรถอีแต๋น 1 คัน ท่อนไม้ประมาณ 20 ท่อน และเลื่อยยนต์ จากนั้นนำของกลางไปเก็บไว้เป็นหลักฐานที่ สภ.สามชัย
นายกอบโชคชีพ กล่าวอีกว่า หลังจากนั้นตนจึงได้แจ้งความร้องทุกข์ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ทั้งนี้ ตนมั่นใจว่าคนก่อเหตุเป็นคนในพื้นที่แน่นอน เพราะพอจะคุ้นหน้าคุ้นตากัน แต่จนถึงวันนี้ยังไม่มีความคืบหน้าของคดี ขณะที่เจ้าหน้าที่ป่าไม้หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ กส.3 (ภูพาน) โดยเฉพาะหัวหน้าหน่วยฯ ที่ทำหน้าที่ดูแลรักษาผืนป่าแห่งนี้ กลับไม่ให้ความร่วมมือเท่าที่ควร จะติดต่อประสานงานก็ติดต่อไม่ได้และทราบว่ายังไม่ได้เข้าไปให้ปากคำพนักงานสอบสวนในฐานะผู้เสียหายเลย ตนจึงได้ประสานพนักงานสอบสวน สภ.สามชัยและเจ้าหน้าที่ป่าไม้บางส่วนฯ เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุเพิ่มเติม พร้อมจับพิกัดแนวเขตให้ชัดเจนว่าเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติจริงหรือไม่อย่างไร
ทั้งนี้ เพื่อเป็นข้อมูลในการนำไปประกอบสำนวนคดี ติดตามหาตัวผู้กระทำผิดรับโทษตามกฎหมายต่อไป โดยในการเข้าตรวจสอบครั้งนี้ ยังได้พบร่องรอยการตัดไม้กระจายทั่วไปในผืนป่าสงวน รวมทั้งบริเวณหลังวัดป่าท่างามเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังพบไม้แปรรูปอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งตนก็ได้แจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนเพิ่มอีกคดีหนึ่ง พร้อมขอความร่วมมือเจ้าหน้าที่ป่าไม้ เก็บไว้เป็นหลักฐานด้วย
ด้าน พล.ต.ต.วรวัฒน์ มะลิ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า เหตุดังกล่าวได้รับรายงานเบื้องต้นจาก สภ.สามชัยแล้ว และทราบว่าตัวแทนชาวบ้าน ใน ต.สามชัย ยังได้มีหนังสือถึงนายทรงพล ใจกริ่ม ผวจ.กาฬสินธุ์ ผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งตนก็ได้รับการประสานจากทางจังหวัดแล้ว ทั้งนี้ ได้กำชับไปยังหัวหน้าสถานี สภ.สามชัย ให้ปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ รวบรวมพยานหลักฐานหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งได้สั่งการไปแล้วเรียบร้อย
พล.ต.ต.วรวัฒน์กล่าวอีกว่า ในส่วนที่อาจจะเกิดความล่าช้าบ้าง เนื่องจากต้องรวบรวมพยานหลักฐาน สอบปากคำผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง กรณีที่ชาวบ้านที่ร้องทุกข์แจ้งว่ายังไม่ได้รับความร่วมมือจากหัวหน้าศูนย์ป่าไม้ กส.7 นั้นจะได้ประสานผู้อำนวยการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือด้านป่าไม้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ต้องดูรายละเอียดด้านแนวเขต ให้ชัดเจน โดยยึดแนวทางของป่าไม้เป็นหลัก ตำรวจต้องอาศัยหลักฐานนี้ประกอบ และต้องปฏิบัติตามเกณฑ์อยู่แล้วในส่วนที่ชาวบ้านเกิดความกังวลผู้มีอิทธิพลนั้น ซึ่งอาจจะเป็นอดีตข้าราชการหรืออะไรก็แล้วแต่ ก็จะดำเนินการตามกรอบของกฎหมาย และจะช่วยจัดการให้เรียบร้อย คงไม่น่าเป็นห่วงอะไร ขอให้ชาวบ้านสบายใจ และขอเวลาให้ตำรวจดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานสักระยะหนึ่งก่อน
สำหรับป่าสงวนแห่งชาติภูพานบริเวณดังกล่าว เมื่อปี 2557 ชาวบ้านท่างาม และบ้านด่านเม็ก ต.สำราญ อ.สามชัย จ.กาฬสินธุ์ ได้เรียกร้องเจ้าหน้าที่ 4 ฝ่าย ทั้งฝ่ายปกครอง ตำรวจ ป่าไม้ และทหาร ผลักดันนายทุนที่เข้าไปบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติภูพาน ในเขต อ.สามชัย เพื่อปลูกยางพารา และมันสำปะหลัง ทำให้พื้นที่ป่าเสียหายกินพื้นที่มากถึง 16,000 ไร่ จากการตรวจสอบพบว่ามีทั้งกลุ่มนายทุนนักการเมืองท้องถิ่น กลุ่มอดีตข้าราชการ และผู้บุกรุกรายอื่นรายละหลายร้อยไร่
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่สามารถทวงคืนผืนป่าที่เคยถูกบุกรุกมาได้ และต่อมาทั้งส่วนราชการ เอกชน ได้ร่วมกันปลูกต้นไม้คืนผืนป่าหลายโครงการ ทำให้ความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าสงวนแห่งชาติภูพานเริ่มกลับคืนมา ก่อนที่จะถูกบุกรุกอีกครั้งในช่วงนี้ โดยพฤติการณ์อุกอาจ ไม่กลัวอำนาจรัฐ ใช้มีดกานบริเวณโคนไม้ให้ยืนต้นตายก่อนเข้ามาตัด เชื่อว่าเป็นใบสั่งนายทุน ที่ต้องการนำไม้ไปขายให้เกษตรกรชาวสวนพุทรา เพื่อทำเสารั้วและทำเสากางมุ้งให้พุทรา ทั้งในพื้นที่และนอกพื้นที่ ราคาท่อนละ 300 บาท - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี