โจรใต้เหิมหนักที่ตากใบ
ถล่มตร.น้ำ/บึ้มร้านค้า
อส.-พลทหารเจ็บ3นาย
ผบ.ตร.ตั้งทีมไล่ล่าแล้ว
โจรใต้โจมตีตำรวจน้ำตากใบ วางระเบิดร้านสะดวกซื้อ ทำให้พลทหาร-อส.บาดเจ็บ 3 นาย รถยนต์เสียหายหลายคัน รองโฆษกตร.วอนช่วยแจ้งเบาะแสโจรที่ 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
เกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดและซุ่มยิงเจ้าหน้าที่ที่บริเวณหน้าสถานีตำรวจน้ำตากใบในพื้นที่บ้านตาบา หมู่ที่1ต.เจ๊ะเห อ.ตากใบ จ.นราธิวาส เมื่อเวลา 21.20 น.วันที่ 25 พฤษภาคม แต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ และวางระเบิดที่ร้านสะดวกซื้ออีก 1ลูก ซึ่งห่างจากตำรวจน้ำประมาณ 1.3กม.ทำให้มีเจ้าหน้าที่อส.และพลฯทหารได้รับบาดเจ็บ 3นาย คือ 1.พลฯ สุไลมาน อายุ 23ปี อาการบาดเจ็บโดนสะเก็ดระเบิดที่ขาขวาเหนือตาตุ่ม 2.อส.อ.โอภาส อายุ 33ปี อาการขาซ้ายโดนสะเก็ดระเบิดเนื้อฉีกขาด ขาขวาโดนสะเก็ดระเบิดเล็กน้อย 3.อส.อ.เอกวัฒน์ อายุ 41ปี อาการโกนสะเก็ดระเบิดระหว่างชายโครง กับเอว เจาะใส่สายยาง ลำตัวมีสะเก็ดระเบิดเล็กน้อย
จากการตรวจสอบที่เหตุเหตุเจ้าหน้าที่พบปลอบกระสุน m-16 ตกบริเวณหน้าที่สถานีตำรวจน้ำจำนวนหลายนัด และรถยนต์กระบะของเจ้าหน้าที่ ได้รับเพลิงไหม้ จำนวน 3คัน และรถเก่ง ได้ถูกสก็ตระเบิดได้รับความเสียหาย จำนวน1คัน และยังพบระเบิดแบบไปป์บอมบ์ที่ยังไม่ทำงานอีก1ลูก เจ้าหน้าที่ได้นำยางรถยนต์ปิดไว้ ให้เจ้าหน้าที่อีโอดี เข้ามาตรวจสอบ มีบ้านพักและสำนักงานตำรวจน้ำได้มีรอยกระสุนปืนทำให้กระจกแตกได้รับความเสียหาย ได้มีรถดับเพลิงของเทศบาลตากใบได้ฉีกน้ำ
เจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวว่า ตนเองกำลังเข้าเวรอยู่พอดีพอได้ยินเสียงกระสุนได้หลบและหาที่กำบังแล้วตอบโต้ยิง ประมาณ 10 นาที ส่วนร้านค้าขายอาหารที่อยู่ติดกับรั้วสถานีตำรวจน้ำ ลูกค้าและเจ้าของร้านได้หนีกันกระเจิง
เช้าวันที่ 26พฤษภาคมนี้ เจ้าหน้าที่ อีโอดี และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และผู้เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเพื่อหลักฐานจับคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป
ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสํานักงานตํารวจแห่งชาติ ชี้แจงเหตุดังกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้เข้าควบคุมสถานการณ์ไว้ได้แล้วรวมถึงได้ช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ที่ได้รับบาดเจ็บทั้งหมดออกจากที่เกิดเหตุและนำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อทำการรักษาต่อไป หลังจากควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ พนักงานสอบสวน เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เจ้าหน้าที่ EOD และเจ้าหน้าที่ตำรวจในส่วนที่เกี่ยวข้อง จะได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ เพื่อทำการรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิด ทำการพิสูจน์ทราบหาตัวคนร้ายเพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
เรื่องดังกล่าวทาง ทาง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กำชับสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยที่เกี่ยวข้องร่วมปฎิบัติหน้าที่ร่วมกับหน่วยงานความมั่นคง เร่งทำการสืบสวนสอบสวนหาข่าวเชิงรุก เพื่อเป็นการป้องกันเหตุ และเร่งหาตัวผู้กระทำความผิดอย่างเต็มที่ รวมถึงการใช้หลักนิติวิทยาศาสตร์ในการเข้าตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ การเก็บวัตถุพยานในสถานที่เกิดเหตุ และการตรวจพิสูจน์หลักฐาน ซึ่งในการสอบสวนยังไม่ตัดประเด็นมูลเหตุจูงใจใดๆ และกำชับให้เจ้าหน้าที่ระมัดระวังในการเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ โดยให้มุ่งเน้นความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่และประชาชนในพื้นที่เป็นหลัก รวมถึงขอความร่วมมือประชาชนแจ้งเบาะแสผู้ก่อเหตุในครั้งนี้ หากพบเบาะแสใดๆ สามารถแจ้ง Call Center สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หมายเลขโทรศัพท์ 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
“ปคบ.” รวบหมอเก๊ เปิดคลินิกลวงรับสมัครหมอจริงเข้าทำงานก่อนนำเอกสารของหมอไปใช้สวมรอย เข้าทำงานตามคลินิกเสริมความงามหลายแห่ง พบทำผิดซ้ำซาก 13 คดี ได้ประกันออกมาก่อเหตุซ้ำอีก
เมื่อวันที่ 26พฤษภาคม ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ.พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ ผกก.4บก.ปคบ.พร้อมด้วย นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพแถลงจับกุมน.ส.ณัฐชานันท์ พิทักษ์ชัยกร อายุ 30 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรีข้อหาประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาต, ใช้คำหรือข้อความแสดงให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตนเป็นผู้มีความรู้ความชำนาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรมสาขาต่างๆ และฉ้อโกงโดยการแสดงตนเป็นบุคคลอื่นจับกุมได้ที่บ้านพักย่านถนนจรัญสนิทวงศ์ แขวงบางขุนศรี เขตบางกอกน้อย กทม.
พล.ต.ต.อนันต์ กล่าวว่า การจับกุมดังกล่าวเนื่องจากก่อนหน้านี้ น.ส.ณัฐชานันท์ มีพฤติการณ์เปิดคลินิกที่ย่านบางนา กทม.และประกาศรับสมัครแพทย์ โดยมีจุดประสงค์จะนำใบประกอบวิชาชีพของผู้สมัคร ไปใช้ปลอมแปลงเป็นของตนเพื่อสวมรอยเป็นแพทย์เสริมความงามเข้าไปทำงานในคลินิกหลายแห่ง ต่อมา พ.ญ.เอ๋ (นามสมมติ) เจ้าของคลินิกผู้เสียหายในพื้นที่ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ทราบเรื่อง จึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.บางบัวทอง กระทั่งศาลจังหวัดนนทบุรี ได้ออกหมายจับไว้
ผบก.ปคบ.กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบประวัติทางคดีของ น.ส.ณัฐชานันท์ พบว่าตั้งแต่ปี 2556 ถึง ปัจจุบัน ถูกดำเนินคดีรวม13คดี ในต่างท้องที่กัน ส่วนใหญ่เป็นคดีหลอกลวงเอาเอกสารของผู้อื่นไปสวมรอยทำธุรกรรม หรือนำเอกสารของแพทย์ที่หลอกลวงมาได้ไปสวมรอยเป็นแพทย์ด้วยการใช้ความรู้จากที่เคยทำงานในคลินิกเสริมความงาม เข้าทำงานในคลินิกต่างๆ โดย น.ส.ณัฐชานันท์ ต้องโทษจำคุกตามคำพิพากษาศาลตั้งแต่เดือนธันวาคม 2559 ถึงสิงหาคม 2564 เมื่อพ้นโทษแล้วก็ยังกลับมาก่อเหตุลักษณะเดิมอีกจึงถูกจับกุมตัว ก่อนจะยื่นประกันตัวต่อศาล แล้วก็มาก่อเหตุซ้ำอีก
อย่างไรก็ดี ทางชุดสืบสวน กก.4 บก.ปคบ.สืบทราบว่า น.ส.ณัฐชานันท์ ได้หลบหนีมาอาศัยอยู่ที่ย่านถนนจรัญสนิทวงศ์ เขตบางกอกน้อย จึงวางแผนนำกำลังเข้าติดตามจับกุมตัวไว้ได้ดังกล่าว
จากการสอบสวนผู้ต้องหารับสารภาพว่า ได้กระทำความผิดจริง โดยกระทำการลักษณะเดิม คือเปิดคลินิกและประกาศหาแพทย์เข้าทำงานในคลินิกเสริมความงามผ่านทางออนไลน์ เพื่อหลอกลวงเอาเอกสารของแพทย์ที่มาสมัครงานไปใช้สวมรอยเป็นแพทย์ โดยใช้วิธีการตัดต่อตกแต่งภาพและจะใช้บัญชีญาติเพื่อรับโอนเงินเดือน เมื่อทำงานไปสักพักก็จะย้ายคลินิกทำงานไปเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้ถูกจับพิรุธได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี