วันนี้ (4 มิ.ย.65) ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดระนองว่า การลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายตามแนวชายแดนด้านจังหวัดระนอง ยังพบแรงงานต่างด้าวหลบหนีผ่านช่องทางตามธรรมชาติข้ามลำน้ำกระบุรี ซึ่งมีความยาวตลอดสายประมาณ 95 กิโลเมตรเข้ามายังฝั่งไทยอยู่ต่อเนื่อง 

ล่าสุดทหารชุดปฏิบัติการพิเศษ กองกำลังเทพสตรี ได้ออกลาดตระเวนตามตะเข็บชายแดน ริมแม่น้ำกระบุรี ในพื้นที่บ้านหนองผักบุ้ง ม.1 ต.ปากจั่น อ.กระบุรี จ.ระนอง ตรงข้ามกับหมู่บ้านเอชันตะ อ.เขม่าจี จ.เกาะสอง ประเทศเมียนมาได้พบกลุ่มแรงงานพม่าลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายโดยบังเอิญ ขณะกำลังเดินเท้าลุยน้ำมาตามป่าจากพร้อมสัมภาระ เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าแสดงตัวกลุ่มแรงงานพม่าทั้งหมดได้พากันวิ่งหลบหนีกลับลงน้ำลึกผ่านกอป่าจาก เจ้าหน้าที่ต้องรีบลุยน้ำตาม เนื่องเกรงว่าแรงงานต่างด้าวจะจมน้ำเสียชีวิต เพราะเป็นช่วงเวลาน้ำขึ้นพอดี 

โดยแรงงานพม่าที่พบซ่อนตัวอยู่ที่กอป่าจากอยู่ห่างจากตลิ่งเกือบ 30 เมตรน้ำลึกเกือบ 1 เมตรครึ่งโผล่ขึ้นมาได้เพียงลำคอ นอกจากนี้ยังพบแรงงานพม่าครอบครัวหนึ่งพ่ออุ้มลูกสาววัย 3 ขวบหนีลงน้ำด้วย ทางเจ้าหน้าที่ทหารต้องรีบเข้าไปช่วยอุ้มลูกมาให้พ้นน้ำลึก พร้อมกับบอกให้พ่อรีบว่ายน้ำออกไปช่วยแม่กลับมาด่วน เดี๋ยวจะจมน้ำเสียชีวิต ทหารไทยไม่ทำอะไร เข้าใจชีวิตที่หนีร้อนมาพึ่งเย็น เพียงแต่อยากจะให้เข้ามาในช่องทางที่ถูกกฎหมาย ก่อนจะส่งลูกสาวคืนให้พ่ออุ้มและให้เดินกลับขึ้นตลิ่ง พร้อมกับให้ตะโกนเรียกเพื่อนๆ แรงงานที่ยังหลบซ่อนอยู่ให้ออกมารวมทั้งหมด 8 คน แยกเป็นชาย 6 คน หญิง 1 คน และเด็กหญิง 1 คน 

จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า แรงงานทั้งหมดเดินทางมาจากเมืองทวาย ครอบครัว พ่อ แม่ ลูก จะมุ่งหน้าไปทำงานที่ จ.ชุมพร เสียค่าใช้จ่ายให้นายหน้าคนละ 16,000 ส่วนอีก 5 คนจะเดินทางไปประเทศมาเลเซีย โดยเสียค่าใช้คนละ 20,000 บาท ก่อนถูกจับกุม นายหน้าได้ขับเรือมาส่งยังเป้าหมายและชี้ให้เดินฝ่าน้ำขึ้นฝั่งไทยไปพักรอ เดี๋ยวจะมีรถมารับช่วงเดินทางต่อ แต่กลับผิดนัด คนไทยที่จะมารับไม่ทันเข้ามาก็มาเจอกับทหารชุดลาดตระเวนเสียก่อน แรงงานเถื่อนต่างขอบคุณทหารไทยที่ไม่ทำอะไรและช่วยให้ขึ้นจากแม่น้ำกระบุรี  

จากนั้นทหารได้ดำเนินการตามมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ก่อนควบคุมแรงงานเถื่อนทั้งหมดส่ง สภ.ปากจั่น เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป