‘ตรีนุช’ แจงไม่บังคับแต่งลูกเสือเต็มรูปแบบ จี้ ร.ร.อนุโลมตามสภาพเศรษฐกิจ สพฐ.เตรียมแจงผอ.เขตพื้นที่ 7 มิ.ย.นี้
จากกรณีโลกโซเชียล วิพากษ์วิจารณ์ประเด็นเรื่องเครื่องแต่งกายของ ลูกเสือ-เนตรนารี ว่า มีราคาสูง สร้างภาระให้ผู้ปกครอง รวมถึงการตั้งคำถาม ถึงประโยชน์ในการเรียนลูกเสือ-เนตรนารี ว่า ควรจะยังมีต่อหรือไม่ นั้น
วันที่ 6 มิถุนายน 2565 น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวว่า เนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้ผู้ปกครองต้องประสบปัญหาด้านเศรษฐกิจ ขาดสภาพคล่อง ศธ.จึงได้มีมาตรการช่วยเหลือลดค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะเรื่องเครื่องแบบลูกเสือ เนตรนารี ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้มีหนังสือ กำชับไปยังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ให้สื่อสารไปยังโรงเรียนในสังกัดทั่วประเทศ ขอให้โรงเรียนอนุโลม กรณีนักเรียนรายใดไม่มีความพร้อม ขอให้ยืดหยุ่นไม่ต้องแต่งกายเต็มรูปแบบ เพียงแค่มีสัญลักษณ์ที่บ่งบอกความเป็นลูกเสือ เนตรนารี อาทิ ผูกผ้าพันคอแสดงสัญลักษณ์ เป็นต้น เพราะเป้าหมายการจัดการเรียนการสอน อยู่ที่กิจกรรมต่าง ๆ ที่จะช่วยฝึกให้เด็กได้เรียนรู้ได้มากกว่า
“กรณีที่มีการเรียกร้องนี้ ศธ. ได้ออกระเบียบเพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้ผู้ปกครอง ตั้งแต่ ปี 2564 โดยไม่ได้บังคับให้นักเรียนต้องสวมใส่ชุดลูกเสือเต็มรูปแบบ เพียงแต่อาจจะมีการสื่อสารที่คลาดเคลื่อน ขณะเดียวกัน ศธ.เตรียมของบเพิ่มเงินอุดหนุนรายหัว ให้สอดคล้องกับค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นในปัจจุบัน และพยายามที่จะมีมาตรการดูแลครอบคลุมทุกกลุ่ม ทั้งนี้ สำหรับชุดลูกเสือ อยู่ใน 5 รายการเรียนฟรีอยู่แล้ว หากได้รับเงินอุดหนุนรายหัวเพิ่มเติมเข้ามา เชื่อว่าจะช่วยลดภาระผู้ปกครองได้มากขึ้น ”น.ส.ตรีนุช กล่าว
น.ส.ตรีนุช กล่าวต่อว่า ส่วนที่มีการเสนอให้ยกเลิกกิจกรรมลูกเสือ-เนตรนารี นั้น โดยส่วนตัวมองว่า กิจกรรมลูกเสือ-เนตรนารี ยังจำเป็นอยู่ เพราะเป็นกิจกรรมที่มีประโยชน์ ปลูกฝังให้นักเรียนมีจิตอาสา รู้จักช่วยเหลือผู้อื่น รวมถึง มีวินัย ซื่อสัตว์ แต่อาจจะต้องมีการปรับรูปแบบกิจกรรมให้เหมาะสมกับการเรียน การสอนในปัจจุบัน ซึ่งมีรูปแบบที่เปลี่ยนแปลงไป แต่เป้าหมายยังคงเดิม คือให้เด็กมีวินัย จิตอาสา และมีความซื่อสัตย์
ขณะที่ที่ นายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(เลขาธิการ กพฐ.)เปิดเผยว่า จากที่สถานศึกษาได้เปิดภาคเรียนย่างเข้าสัปดาห์ที่ 3 แล้ว จะเห็นมีข่าวเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของนักเรียน และนักเรียนเกิดความเครียด เรื่องชุดนักเรียน รวมถึงการอยู่ร่วมกันของนักเรียน เป็นต้น สะท้อนให้เห็นมิติของอารมณ์ และสังคม ซึ่งเป็นปัญหาเร่งด่วนของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.)จะต้องรีบแก้ไข โดยจะร่วมมือกับกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข อย่างจริงจัง ซึ่งในวันที่ 7 มิ.ย.นี้ ตนจะประชุมผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศ เพื่อทำความเข้าใจเรื่องดังกล่าว เพื่อให้ทุกคนได้มาพูดคุยกันในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน ครู ผู้ปกครอง เพื่อให้อยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข โดยการประชุมครั้นนี้ ตนจะมอบให้เขตพื้นที่ฯแบ่งรับผิดชอบโรงเรียนอย่างจริงจัง จนกว่าจะวางมือได้ว่าโรงเรียนไหนมีความปลอดภัยในทุกมิติ
ขณะที่ ว่าที่ร้อยตรีธนุ วงษ์จินดา รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(รองเลขาธิการ กพฐ.) กล่าวว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ตนได้รับมอบจากนางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศึกษาธิการ) และ นายอัมพร พินะสา เลขาธิการ กพฐ. ให้ลงพื้นที่อำเภอวังชิ้น จังหวัดแพร่ เพื่อเยี่ยวยา ดูแล และให้ขวัญกำลังใจเด็ก ผู้ปกครอง คณะผู้บริหาร เพื่อนครู พร้อมกันนี้ได้สั่งการให้จัดประชุมติวเข้ม มาตราการความปลอดภัยในสถานศึกษา โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมได้แก่ ผู้บริหารสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ ผู้บริหารสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาแพร่ เขต 1-2 ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาแพร่ ผู้อำนวยการสถานศึกษาสังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ 178 แห่งทั่วประเทศ ผ่านระบบออนไลน์ เพื่อเน้นย้ำกำชับมาตรการความปลอดภัยตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ ป้องกันไม่ให้เหตุเหล่านี้เกิดขึ้นซ้ำอีก
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : แพงไปไหม? ชาวเน็ตถกสนั่นควรยกเลิก 'ชุดลูกเสือ-เนตรนารี'หรือไม่?
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี