"รองผู้ว่าฯอุตรดิตถ์" ประชุมด่วน! 4 หน่วยงานหลัก ที่ดินจังหวัด อำเภอเมือง 2 เทศบาลสางความเดือดร้อนให้ชาวบ้านเร่งตรวจสอบแนวเขตทางเดินสาธารณะเจ้าปัญหา ชุมชนธรรมกิจจาภิบาลใช้ร่วมกันมานานกว่า 40 ปี กลางระวางแผนที่ 5045 และ 2050 กลุ่มบุคคลสร้างกำแพง-รั้วสังกะสีปิดทางนานกว่า 10 ปี จังหวัดมอบอำเภอ-เทศบาล ยื่นตรวจสอบแนวเขตพร้อมจ่ายค่าธรรมเนียม นำช่างรังวัดที่ดินสอบแล้วเสร็จใน 30 วันทราบผลชัดเจน ชี้ชัดมีเจ้าของต้องถอย พิสูจน์ทางใช้ร่วมกันต้องรื้อสิ่งกีดขวางออก ไม่รื้อฟ้องศาลทันที
วันที่ 7 มิ.ย.65 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณี ร.ท.มนตรี ลือชัย ประธานชุมชนธรรมกิจ จาภิบาล อดีตข้าราชการบำนาญ พร้อมชาวบ้านในชุมชนธรรมกิจจาภิบาล ได้รวมตัวกันที่บริเวณสามแยกท้ายซอย 15 สำราญรื่น ชุมชนธรรมกิจจาภิบาล เทศบาลเมืองอุตรดิตถ์ จ.อุตรดิตถ์ เพื่อเรียกร้องขอเส้นทางสาธารณะประโยชน์ มีความกว้างประมาณ 4 เมตร ยาวประมาณ 300 เมตร อยู่ทางทิศใต้ และเส้นทางสาธารณะประโยชน์ ที่มีความกว้างประมาณ 4 เมตร ยาวประมาณ 300 เมตร และด้านทิศเหนือของริมแม่น้ำน่าน ได้มีกลุ่มบุคคล ก่อกำแพงปูนทำรั้วบ้านและรั้วสังกะสี ปิดกันเส้นทางสาธารณะประโยชน์ ซึ่งเป็นทางที่ประชาชนในชุมชนเคยใช้ร่วมกันมา ทั้งด้านทิศเหนือและด้านทิศใต้ ปิดกันไม่ให้ประชาชนในพื้นที่ชุมชนธรรมกิจจาภิบาล ได้ใช้เส้นทางดังกล่าวสัญจรไปมาลงสู่หาดน้ำน่านและพื้นที่ของแม่น้ำน่าน รวมถึงพื้นที่เกาะใหญ่ เกาะเล็ก ในเขตพื้นที่ตำบลท่าเสา เพื่อหาพืชผักที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติและหาปลาในแม่น้ำน่าน นำมาปรุงเป็นอาหารเลี้ยงชีพให้กับคนในครอบครัว ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับทุกคนที่มีความจำเป็นต้องใช้เส้นทางดังกล่าวและต้องเดินทางอ้อมไปใช้เส้นทางพื้นที่เขตเทศบาลตำบลท่าเสาที่อยู่ห่างไกลออกไปอีก
ทางสาธารณะแห่งนี้ชาวบ้านเคยใช้ร่วมกันมานานกว่า 40 ปี โดยไม่ยอมให้ใช้เส้นทางผ่านมานานถึง 10 ปี ทั้งที่ เป็นทางสาธารณะประโยชน์ของคนในชุมชนต้องใช้ร่วมกัน จึงมารวมตัวเรียกร้องขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขปัญหาทางสาธารณะประโยชน์ให้ชาวบ้านได้กลับมาใช้ร่วมกันดั่งเดิม พร้อมชูป้ายข้อความว่า "ท่าน ผู้ว่า จ.อุตรดิตถ์" ช่วยพวกเราด้วยจ้า! คนในหมู่บ้านของชุมชนและหมู่บ้านใกล้เคียง ได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมากๆจากการปิดเส้นทางสาธารณะ ทำให้ชาวบ้านไม่สามารถใช้เส้นทางอื่นเก่าแก่และดั้งเดิมไปหาเก็บอาหารทางธรรมชาติได้เหมือนเดิมอีกแล้ว ช่วยเหลือพวกเราด้วยนะจ๊ะ พวกเราต้องการทางสาธารณะกลับคืนมาเหมือนเดิม เพื่อประโยชน์ร่วมของชาวบ้าน เอาทางสาธารณะส่วนรวมคืนมาๆๆ ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดนายสหวิช อภิชัยวิศรุตกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ ได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย ที่ดินจังหวัดอุตรดิตถ์ อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ เทศบาลเมืองอุตรดิตถ์ และเทศบาลตำบลท่าเสา อาทิ นางสาวอรพันธ์ ประเสริฐศักดิ์ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดอุตรดิตถ์ นายประเดิม เดชายนต์บัญชา นายอำเภอเมืองอุตรดิตถ์ นางชุติมา อาจณรงค์กร นายกเทศมนตรีตำบลท่าเสา สำราญ เอื้อจิรวาณิชย์ ที่ปรึกษานายกเทศบาลเมืองอุตรดิตถ์ พร้อมเจ้าหน้าที่ที่ดินจังหวัดอุตรดิตถ์ เจ้าหน้าที่ปลัดเทศบาล เจ้าหน้า ที่ช่างของเทศบาล จากเทศบาลทั้ง 2 แห่ง คณะทำงานเจ้าหน้าที่ส่วนที่เกี่ยวข้อง รวม 13 คนเข้าร่วมประชุม ชั้น 5 ห้องประชุม ณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหากรณีชาวบ้านชุมชนธรรมกิจจาภิบาล ซอย 15 เทศบาลเมืองอุตรดิตถ์ ขอเปิดใช้เส้นทางสาธารณะท้ายซอย 15 เส้นทางลงสู่แม่น้ำน่าน ซึ่งมีกลุ่มบุคคลก่อกำแพงปูนทำรั้วและรั้วสังกะสี ปิดกันเส้นทางสาธารณะประโยชน์ ซึ่งเป็นทางที่ประชาชนในชุมชนเคยใช้ร่วมกันมาปิดเส้นทางดังกล่าว
เจ้าหน้าที่ที่ดินจังหวัดอุตรดิตถ์ได้นำแผนที่ทางอากาศพร้อมชี้แนวเขตโดยรอบของพื้นที่ที่มีความขัดแย้งกัน ในระวางแผนที่ 5045 และ 2050 ด้านทิศตะวันออกและทิศตะวันตกจดทางสาธารณะประโยชน์ทุกแปลง เนื่องจากราษฎรไม่สามารถใช้ทางสาธารณะประโยชน์ได้ ทำให้เกิดหญ้ารกทึบปิดเส้นทาง และยังมีการก่อสร้างกำแพงคอนกรีตและสังกะสีปิดทางสาธารณประโยชน์ พื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตติดต่อระหว่างเทศบาลเมืองอุตรดิตถ์และเทศบาลตำบลท่าเสา อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ โดยอำเภอเมืองอุตรดิตถ์ เทศบาลเมืองอุตรดิตถ์ และเทศบาลตำบลท่าเสาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ในฐานะผู้ดูแลรักษาที่ดินสาธารณะประโยชน์ตามมาตรา 122 แห่งพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ.2457 และที่แก้ไขเพิ่มเติมเพื่อแก้ไขข้อพิพาทดังกล่าวต่อไป ซึ่งทางสำนักงานที่ดินจังหวัดอุตรดิตถ์ ได้ให้การสนับสนุนข้อมูลระวางแผนที่ตรวจสอบข้างเคียงขอโฉนดที่ดินบริเวณดังกล่าว ให้แก่อำเภอเมืองอุตรดิตถ์และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแล้ว
รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ กล่าวว่า ปัญหาข้อพิพาทระหว่างแนวเขตที่ดินเอกชนกับทางสาธารณะของเทศบาลท่าเสาและเทศบาลเมืองอุตรดิตถ์ นายผล ดำธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ รับทราบปัญหาเรื่องนี้แล้ว ได้สั่งการให้ตนประสานงานและแก้ไขให้การช่วยเหลือเร่งรัดแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนให้เร็วที่สุด ซึ่งได้มอบหมายให้ที่ดินจังหวัดในฐานะเลขานุการแก้ไขปัญหาเรื่องดังกล่าวเชิญผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม พูดคุยถึงขั้นตอนที่ได้ดำเนินการไปแล้วถึงไหนอย่างไร เพื่อที่จะเร่งรัดแก้ไขปัญหาว่า จุดไหนติดขัดอยู่ตรงไหน โดยสรุปจากที่ประชุมร่วมกันทุกฝ่ายได้ตรวจสอบแล้ว ขั้นตอนอยู่ที่การมอบหมายให้เทศบาลตำบลท่าเสาและเทศบาลเมืองอุตรดิตถ์ ยื่นเอกสารขอตรวจสอบแนวเขตตามระเบียบกฏหมายเทศบาลทั้ง 2 แห่งรับเรื่องไปดำเนินการ ด้วยการจัดทำเอกสารหนังสือส่งไปที่เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดอุตรดิตถ์
"จากนั้นเจ้าพนักงานที่ดินเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการตรวจสอบรังวัดที่ดินแนวเขตทางสาธารณะ หลังจากนั้นเป็นขั้นตอนของเจ้าพนักงานที่ดินพร้อมด้วยผู้นำท้องที่ท้องถิ่นเทศบาล ต้องไปชี้แนวเขตและระวางแนวเขตตามโฉนดที่ดินและแนวเขตทางสาธารณะ ตอนนี้ยังไม่ทราบผลที่ชัดเจนยังฟันธงไม่ได้ ต้องรอขั้นตอนนี้ให้เสร็จเรียบร้อยภายใน 30 วันจึงจะสามารถฟันธงและวินิจฉัยได้ว่า ตรงไหนเป็นที่เอกชนตรงไหนเป็นทางสาธารณะ เพื่อทำความเข้าใจกันและเป็นขั้นตอนที่ต้องปฏิบัติกันหากเป็นที่ดินของเอกชนชัดเจนก็ต้องยุติกัน ถ้าเป็นที่ทางสาธารณะประโยชน์ก็เป็นขั้นตอนที่ทางเทศบาลตามที่กฏหมายให้อำนาจ ต้องแจ้งให้ผู้บุกรุกหรืออาจเข้าใจผิดบุกรุก ต้องรื้อถอนกำแพงและรั้วสังกะสีออก หากไม่ดำเนินการต้องฟ้องร้องต่อศาลตามขบวนการของกฏหมายถือเป็นที่สิ้นสุด หากศาลตัดสินเป็นที่ดินทางสาธารณะ แล้วไม่รื้อถอนทางเทศ บาลก็มีอำนาจรื้อถอนได้ทันที ค่ารื้อถอน ค่าธรรมเนียมฟ้องร้อง เรียกเก็บกับผู้บุกรุกที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล" นายสหวิช กล่าว - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี