ศาลสั่งจำคุกตลอดชีวิต
อดีตผกก.โจ้
กับพวก7คนคดีคลุมถุงดำ
ผู้ต้องหาคดียาเสพติดดับ
พ่อเหยื่อพอใจไม่อุทธรณ์
ขอให้เยียวยาตามที่ตกลง
ศาลพิพากษาสั่งประหารชีวิต“อดีต ผกก.โจ้”กับพวกรวม 7 คน คดีคลุมถุงดำเหยื่อผู้ต้องหาค้ายาจนตายชี้เจตนาฆ่าโดยทารุณโหดร้ายแต่ให้การเป็นประโยชน์ลดโทษเหลือ“จำคุกตลอดชีวิต”ส่วนจำเลยที่ 6 รับโทษจำคุก 5 ปี 4 เดือน ด้าน“พ่อเหยื่อ”พอใจคำพิพากษาไม่สู้ต่อ ขอให้เยียวยาตามที่ตกลง“แม่เหยื่อ”อยากให้ประหารชีวิต
เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2565 ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีที่อัยการฝ่ายคดีอาญาทุจริต3 เป็นโจทก์ฟ้อง พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผกก.โจ้ อดีตผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ , พ.ต.ต.รวีโรจน์ ดิษทอง สว.สส. ,ร.ต.อ.ทรงยศ คล้ายนาค รอง สว.ป.,ร.ต.ท.ธรณินทร์มาศวรรณา รอง สว.ป.,ด.ต.วิสุทธิ์ บุญเขียว ผบ.หมู่ ป. ,ด.ต.ศุภากร นิ่มชื่น ผบ.หมู่ ป.และส.ต.ต.ปวีณ์กร คำมาเร็ว ผบ.หมู่ ป.เป็นจำเลยที่ 1-7 ตามลำดับ
ทั้งนี้ จำเลยทั้งหมดถูกดำเนินคดีในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, เป็นเจ้าพนักงานของรัฐร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ,ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย และร่วมกันตั้งแต่5คนขึ้นไปข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำหรือไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใดโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นหรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น
ฟ้องโจทก์สรุปว่าช่วงระหว่างวันที่ 4-6สิงหาคม 2564 จำเลยได้ร่วมกันใช้ถุงดำ7 ใบ คลุมศีรษะนายจิระพงษ์ หรือมาวินธนะพัฒน์ ผู้ต้องหาคดียาเสพติดจนถึงแก่ความตาย เหตุเกิดที่ สภ.เมืองนครสวรรค์ขณะที่อยู่ในความควบคุมของเจ้าพนักงาน โดยจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ ข้อหาฆ่าผู้อื่นแต่รับสารภาพข้อหาอื่น ทั้งนี้ ศาลได้อ่านคำพิพากษา ผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ ไปยังเรือนจำที่คุมขังจำเลยทั้ง 7ไม่ได้คุมตัวจำเลยมาฟังในห้องพิจารณาคดี
ด้าน เรืออากาศตรี จักรกฤษกลั่นดี และนางจันจิรา ธนะพัฒน์บิดาและมารดาของนายจิระพงษ์ หรือมาวิน ผู้เสียชีวิต พร้อมด้วยทนายความ เดินทางมาฟังคำพิพากษา โดยเรืออากาศตรีจักรกฤษ กล่าวยืนยันว่าได้ต่อสู้คดีเพื่อลูกชายอย่างเต็มที่ และมั่นใจในหลักฐาน แต่ผลของคดีจะออกมาอย่างไรก็พร้อมยอมรับ และจะไม่ขออุทธรณ์ หรือฎีกา ขอสู้แค่ศาลเดียวพอ โดยขอให้ฝ่ายจำเลยจ่ายเงินเยียวยา 1.5 ล้านบาทตามที่ตกลง
ทั้งนี้ ศาลพิพากษาว่าจำเลยที่ 1-5 และ7 กระทำผิดตามฟ้อง เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทให้ลงโทษทุกกระทงความผิดโดยให้ลงโทษมาตรา 289(5) ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและกระทำด้วยความทรมานทารุณโหดร้าย ซึ่งเป็นบทหนักสุดตามมาตรา 90 ลงโทษประหารชีวิต ส่วนจำเลยที่ 6 มีความผิดตามมาตรา 157 ละเว้นหรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ร่วมกันข่มขืนใจให้กระทำการใด หรือไม่กระทำการใด ให้ลงโทษจำคุก 8 ปี อย่างไรก็ดี จำเลยที่1-7ให้การเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีการให้เงินค่าปลงศพ 30,000 บาท และเพื่อบรรเทาผลร้ายได้ชดใช้เงินให้บิดามารดาผู้ตาย คนละ 300,000 บาท และช่วยปฐมพยาบาลและนำส่งไปโรงพยาบาล จนกู้สัญญาชีพกลับมาได้ จึงลดโทษให้จำเลยคนละ1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยที่ 1-5 และ 7 ไว้ตลอดชีวิต ส่วนจำเลยที่ 6 คงจำคุก 5 ปี 4 เดือน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังฟังคำพิพากษาคดีแล้ว เรืออากาศตรีจักรกฤษณ์ กล่าวว่า ศาลอ่านคำพิพากษาละเอียดมาก ก่อนหน้านี้ที่ยังไม่เห็นคลิป อดีต ผกก.โจ้ได้เข้ามากอดพ่อกับแม่ร้องไห้ พอได้ฟังศาลอ่านพฤติการณ์อย่างละเอียดก็รู้สึกคาดไม่ถึงว่าจะทำขนาดนี้ ส่วนเรื่องการเรียกร้องค่าสินไหม หลังจากนี้จะไปดำเนินการฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง ซึ่งตอนแรกคำนวณจากการที่ลูกยังมีชีวิตอีก 10 ปี จะสามารถดูแลครอบครัวได้เป็นเงิน 1.5 ล้านบาท แต่ทนายความแนะนำว่าให้เพิ่มวงเงิน จึงขอปรึกษากันก่อน
“ระหว่างฟังคำพิพากษา ได้เห็นท่าทีของจำเลย คิดว่าเขาคงคิดว่าทำในสิ่งที่คิดว่าถูกแล้ว ซึ่งผมเข้าใจในการทำงาน แต่เมื่อพลาดพลั้งไปแล้ว มีการรวมกลุ่มกันก็น่าจะห้ามปราม ไม่ใช่ร่วมกันทำให้บอบช้ำทั้งตัว ส่วนโทษที่ศาลตัดสินในวันนี้ ผมเองพอใจแล้ว และคงจะไม่สู้ต่อในชั้นต่อไป เพราะมองว่าไม่อยากจะไปอาฆาตกัน” เรืออากาศตรีจักรกฤษณ์ กล่าว
เรืออากาศตรี จักรกฤษณ์ กล่าวต่อว่า เรื่องการเรียกร้องค่าเสียหายมีการเรียกร้องเกี่ยวกับเรื่องค่าเลี้ยงดูตนและภรรยาเป็นระยะเวลา10ปีวงเงินประมาณ1.5ล้านบาท ซึ่งฝ่ายจำเลยได้วางเงินไว้ส่วนหนึ่งแล้ว ยืนยันว่าไม่มีการเคลียร์นอกรอบ แต่ต้องขอปรึกษาทนายความอีกครั้งว่าจะยื่นอุทธรณ์อีกหรือไม่ ต้องบอกตามตรงว่ารู้สึกเหนื่อยล้ากับการต่อสู้มามากพอสมควรแล้ว แต่ขอให้ฝ่ายจำเลยจ่ายเงินเยียวยาตามที่ตกลงกัน
ด้าน นางจันทร์จิรา มารดาผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ไม่รู้ว่าจำเลยสำนึกจริงหรือไม่ ตนก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำให้ลูกตนจนถึงตายแบบนี้ ส่วนตัวอยากให้ศาลลงโทษประหารชีวิต เพราะจากที่ฟังศาลบรรยาย พฤติการณ์มันยิ่งกว่าที่ตนเคยได้ดูคลิป ฟังแล้วรับไม่ได้ จึงอยากให้ประหาร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี