คุกตร.325ปีรับส่วย
อาบอบนวดชื่อดัง
65กระทงเงิน6แสน
แลกไม่ถูกดำเนินคดี
ศาลอาญาคดีทุจริต พิพากษาจำคุก 325 ปี ดาบตำรวจนครบาล เรียกรับเงินสถานบริการอาบอบนวด 65 ครั้งเป็นเงิน 6 แสนบาท ลงโทษจำคุกจำเลย กระทงละ 5ปีรวม 65 กระทง จำคุก 325 ปี รวมโทษทุกกระทงให้จำคุก50 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา สันติบาลสะเทือน! สั่งเด้งกราวรูด 7 ตร.ปมโดนร้องเรียนรีด 1 ล้านแก๊งเงินกู้
เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2565 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.)เผยแพร่เอกสารข่าวระบุว่าศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พิพากษาลงโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กระทำการเรียกรับเงินจากสถานบริการอาบอบนวด
คดีนี้ ได้มีการกล่าวหา ดาบตำรวจ ส.ตำแหน่ง ผู้บังคับหมู่ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติว่า กระทำการทุจริตในภาครัฐ กล่าวคืออาศัยโอกาส ที่ตนมีอำนาจหน้าที่สืบสวนและจับกุมผู้กระทำความผิดตามกฎหมาย กระทำการเรียกหรือรับทรัพย์สินโดยมิชอบด้วยกฎหมาย จากสถานบริการนาตารี เอ็นเตอร์เทนเมนท์ อาบอบนวด เพื่อแลกเปลี่ยนกับการไม่ดำเนินการสืบสวนคดีอาญาและเข้าตรวจค้นจับกุมผู้กระทำความผิดทางอาญา จำนวน 65 ครั้ง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 641,000 บาท
คณะกรรมการ ป.ป.ท. พิจารณาแล้วในคราวประชุมครั้งที่ 29/2563 เมื่อวันที่ 12 มี.ค.2563 มีมติชี้ว่า การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 และมาตรา 157 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 และมาตรา 123/2
ต่อมา พนักงานอัยการยื่นฟ้อง ผู้ถูกกล่าวหาเป็นจำเลยต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เมื่อวันที่ 2 ก.พ.2565 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้มีคำพิพากษาเป็นคดีหมายเลขดำที่ อท 18/2564 คดีหมายเลขแดงที่ อท 12/2565
โดยพิพากษาว่า จำเลย มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 (เดิม) พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123/1
พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 173 การกระทำของจำเลยเป็นความผิด หลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐาน เป็นเจ้าพนักงานเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่น ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่น
และฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานเป็นเจ้าพนักงานเรียก รับ หรือ ยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่น ซึ่งเป็นกฎหมาย บทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ลงโทษจำคุกจำเลย กระทงละ 5 ปี รวม 65 กระทง จำคุก 325 ปี แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว ให้จำคุก 50 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (3)
พนักงานอัยการพิจารณาแล้วเห็นว่าศาลพิพากษาลงโทษจำเลยต่างกรรมตามคำฟ้อง ของโจทก์ ลงโทษจำคุกกระทงละ 5 ปี รวม 65 กระทง จำคุก 325 ปี แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว ให้จำคุก 50 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (3) ชอบแล้ว ไม่มีเหตุอุทธรณ์ เห็นควรไม่อุทธรณ์
ทั้งนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ท.พิจารณาเมื่อวันที่10 พ.ค.2565แล้ว มีมติเห็นชอบ ไม่อุทธรณ์คำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ตามความเห็นของพนักงานอัยการ
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.)มีรายงานว่าพล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ส.ได้มีสั่งคำสั่ง ผบก.ส.1 บช.ส.ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง และรายงานผลเบื้องต้นเรื่องเจ้าหน้าที่ตำรวจถูกกล่าวหาทุจริตต่อหน้าที่ ให้ทราบโดยด่วน จากกรณีที่เมื่อ 9 มิถุนายน 2565 เวลา 16.10 น. ร.ต.อ.ชูสกุล วงศ์วรรณา รอง สว.กก.2 บก.ส.1 กับพวก จับกุมผู้ต้องหา จำนวน 2 คน โดยกล่าวหาว่า ร่วมกันให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินโดยมีลักษณะเรียกดอกเบี้ยสูงเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด เหตุเกิด บ้านเลขที่ 239 หมู่ 6 ต.นาดี อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี เมื่อ 9 มิถุนายน 2565 เวลาประมาณ 08.30 น. นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี ตามคดีอาญาที่ 2097/2565 จากเหตุการณ์ดังกล่าวมีผู้ร้องเรียนกล่าวหา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมมีพฤติกรรมหน่วงเนี่ยวกักขังเรียกรับทรัพย์สิน เป็นจำนวนเงิน 500,000 บาท ขณะนี้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี อยู่ระหว่างสอบสวนผู้ร้อง เพื่อดำเนินการต่อไปนั้น
ล่าสุด พล.ต.ต.อุดร วงษ์ชื่น ผบก.ส.1 มีคำสั่งให้1.ร.ต.อ.ชูสกุล วงศ์วรรณา รอง สว.กก.2 บก.ส.1 2. จ.ส.ต.พงษ์เพชร พลตื้อ ผบ.หมู่ กก.2 บก.ส.1 3.ส.ต.อ.ธนาดล ดาทอง ผบ.หมู่ กก.2 บก.ส.1 4.ส.ต.อ.เกียรติศักดิ์ ไชยสีหา ผบ.หมู่ กก.2 บก.ส.1 5.ส.ต.อ.วัชรพงษ์ สุวรรณศรี ผบ.หมู่ กก.2 บก.ส.1 6.ส.ต.อ.เฉลิมราช พิมพ์แก้ว ผบ.หมู่ กก.2 บก.ส.1 และ 7. ส.ต.อ.เกษม สายมณี ผบ.หมู่ กก.2 บก.ส.1 ไปปฏิบัติหน้าที่ ศปก.บก.ส.1 โดยขาดจากตำแหน่งเดิม ทั้งนี้ เพื่อให้การบริหารราชการของ บก.ส.1 เป็นไปด้วยความเรียบร้อยต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ
ก่อนหน้านี้ พล.ต.ต.ไพศาล ลือสมบูรณ์ รอง ผบช.ภ.4ในฐานะโฆษก ภ.4เผยว่าจากกรณีเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน เวลาประมาณ21.00น.นายกิตติพงษ์ ศรีวิไล และนายเอกพจน์ พรหมนินิจ มาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี ว่ามีกลุ่มตำรวจสันติบาลไปจับกุมตนกับพวกรวม 8 คน โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันให้บุคคลอื่นยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินกว่ากฎหมายกำหนด” จากนั้นตำรวจกลุ่มนี้นำตนกับพวกมายังที่ทำการตำรวจสันติบาลจังหวัดอุดรธานี แล้วเรียกเงิน 1,000,000 บาท เพื่อแลกกับการไม่ถูกดำเนินคดีนายกิตติพงษ์และนายเอกพจน์ สามารถหาเงินได้เพียง 500,000 บาท จึงมอบเงินให้กับกลุ่มตำรวจสันติบาลนี้ไป ตำรวจสันติบาลกลุ่มดังกล่าวขอจับกุม2คนใน 8 คนคือนายศิริพงษ์ โฉมศรีและนายรัชชานนท์ เภาโพธิ์ ตามข้อกล่าวหาข้างต้น ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองอุดรธานีและปล่อยตัวตนกับพวกที่เหลือตนกับพวกมาแจ้งความร้องทุกข์เพื่อประสงค์ให้ดำเนินคดีกับกลุ่มตำรวจสันติบาลกลุ่มนี้ตามกฎหมาย
โดยพ.ต.อ.จามร อันดี ผกก.สภ.เมืองอุดรธาน แจ้งว่าลงบันทึกประจำวันรับแจ้งเหตุ วันที่ 9 มิถุนายน ไว้เรียบร้อยแล้วดำเนินการสอบสวนปากคำนายกิตติพงษ์ และนายเอกพจน์ พร้อมพวกรวม 4 ปากไว้แล้วและเรียกตัวอีก 4 คน เพื่อมาสอบสวนปากคำให้แล้วเสร็จโดยเร็ว สั่งให้ชุดสืบสวนออกรวมรวมเก็บพยานหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องโดยละเอียดเพื่อนำมาประกอบสำนวนการสอบสวน และจะเสนอให้ ป.ป.ช.ภายใน 30 วัน เพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
มีรายงานว่าพล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ส. มีสั่งคำสั่ง ผบก.ส.1 บช.ส.ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง และรายงานผลเบื้องต้นเรื่องเจ้าหน้าที่ตำรวจถูกกล่าวหาทุจริตต่อหน้าที่ ให้ทราบโดยด่วนจากกรณีที่เมื่อ 9 มิถุนายน 2565 เวลา16.10น.ร.ต.อ.ชูสกุล วงศ์วรรณา รอง สว.กก.2 บก.ส.1 กับพวก จับกุมผู้ต้องหา จำนวน 2 คน โดยกล่าวหาว่าร่วมกันให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินโดยมีลักษณะเรียกดอกเบี้ยสูงเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด เหตุเกิด บ้านเลขที่ 239 หมู่ 6 ต.นาดี อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี เมื่อ 9 มิถุนายน 2565 เวลาประมาณ 08.30น.นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี ตามคดีอาญาที่ 2097/2565 จากเหตุการณ์ดังกล่าวมีผู้ร้องเรียนกล่าวหา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมมีพฤติกรรมหน่วงเนี่ยวกักขังเรียกรับทรัพย์สิน เป็นจำนวนเงิน 500,000 บาท ขณะนี้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี อยู่ระหว่างสอบสวนผู้ร้อง เพื่อดำเนินการต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี