ปลัดสธ.ยืนยันโรคโควิด-19
สิ้นสุดระบาดใหญ่
เตรียมปรับสู่โรคประจำถิ่น
ติดโควิดใหม่2,474คน-ดับ20ศพ
ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นไม่ถึง50%
จีนป่วยเพิ่ม275-ผับบาร์แพร่เชื้อ
ศบค.เผยวันนี้ติดโควิดใหม่ 2,474 คน ดับ 20 ศพ ฉีดวัคซีนเข็ม 3 แตะ 41.5% นายกฯกำชับความปลอดภัยปชช.สำคัญที่สุด หลังสธ.เตรียมพร้อมเปลี่ยนผ่านสู่โรคประจำถิ่น ย้ำการปรับมาตรการต้องสอดคล้องเหมาะสมกับสถานการณ์ ส่วน “จีน” พบผู้ป่วยโควิดรายใหม่ 275 คน ปักกิ่งเตือนสถานบันเทิงแหล่งแพร่เชื้อ
เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม รับทราบที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) รายงานเตรียมแนวทางปฏิบัติสำหรับสถานพยาบาลในช่วงระยะเปลี่ยนผ่านเข้าสู่โรคประจำถิ่น ทั้งการตรวจคัดกรองโควิดสำหรับผู้ป่วยทั่วไปและบุคลากร เพื่อรองรับกับสถานการณ์จำนวนผู้ติดเชื้อให้สามารถเข้าถึงการวินิจฉัยการรักษาได้ทันท่วงทีและลดอัตราเสียชีวิต ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เตรียมพร้อมทั้งการดูแลรักษาพยาบาล เตียง เวชภัณฑ์ เครื่องมือทางการแพทย์และวัคซีนให้เพียงพอ เพื่อให้ประชาชนมั่นใจว่าจะได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม
นายธนกรกล่าวต่อว่า นายกฯยังย้ำว่าการปรับหรือผ่อนคลายมาตรการที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและควบคุมการระบาดโควิด-19 ในประเทศ ต้องสอดคล้องและเหมาะสมกับสถานการณ์ โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นสิ่งสำคัญที่สุด รวมทั้งการดูแลรักษาผู้ป่วยโควิดและโรคทั่วไปได้อย่างรวดเร็วเหมาะสมด้วย ซึ่งการปรับมาตรการต่างๆจะหารือในที่ประชุม ศบค.ต่อไป
วันเดียวกัน ศบค.รายงานสถานการณ์ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยประจำวันว่า
พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 2,474 ราย จำแนกเป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 2,464 ราย ติดเชื้อจากผู้เดินทางต่างประเทศไม่มี และติดเชื้อในเรือนจำ/ที่ต้องขังเพิ่ม 10 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสม 2,261,428 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 4,484,863 ราย หายป่วยเพิ่มวันนี้ 4,236 ราย หายป่วยสะสม 2,263,705 ราย หายป่วยสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 4,432,199 ราย
ส่วนผู้เสียชีวิตมี 20 คน เสียชีวิตสะสม 8,636 คน เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 2563 รวม 30,334 ราย ผู้ป่วยรักษาอยู่ 22,330 ราย แบ่งเป็นรักษาในโรงพยาบาล 12,130 ราย โรงพยาบาลสนามและอื่นๆ 10,203 ราย ผู้ป่วยอาการหนักปอดอักเสบรักษาตัวในโรงพยาบาล 659 รายและใส่เครื่องช่วยหายใจ 317 ราย ครองเตียงระดับ 2-3 คิดเป็น10 % สำหรับผู้เสียชีวิต 20 ราย แบ่งเป็นชาย 14 ราย หญิง 6 ราย แบ่งเป็น กทม. 3 ราย ร้อยเอ็ด 3 ราย อำนาจเจริญ กาฬสินธุุ์ ระยอง จังหวัดละ 2 ราย สมุทรปราการ นครราชสีมา เลย นครศรีธรรมราช ปราจีนบุรี และ สุพรรณบุรีจังหวัดละ 1ราย จำนวนผู้ฉีดวัคซีนโควิด-19 เพิ่มขึ้นจำนวน 139,020 โดส แบ่งเป็น เข็มที่ 1 จำนวน 17,595 ราย สะสมจำนวน 56,855,301 คิดเป็น 81.7 % เข็มที่ 2 จำนวน 31,272 ราย สะสมจำนวน 52,915,316 ราย คิดเป็น 76.1% และเข็มที่ 3 จำนวน 90,153 ราย สะสมจำนวน 28,890,682 ราย คิดเป็น 41.5 % โดยยอดฉีดวัคซีนสะสมตั้งแต่วันที่ 28 กุุมภาพันธ์ 2564 มีจำนวน 138,661,299 โดส
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในจีนยังคงต้องจับตาใกล้ชิด ล่าสุดคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีนระบุว่า มีรายงานผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้น 275 คน วันที่ 11 มิถุนายน ในจำนวนนี้ 134 คนแสดงอาการ และอีก 141 รายติดเชื้อแต่ไม่มีอาการ จำนวนผู้ป่วยรายใหม่ของจีนเพิ่มขึ้นจากหนึ่งวันก่อนหน้าหรือวันที่ 10 มิถุนายน ที่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 210 คน โดยเป็นผู้ป่วยที่แสดงอาการ 79 ราย ไม่แสดงอาการ 131ราย อย่างไรก็ตาม ไม่มีผู้เสียชีวิตจากโควิดเพิ่มขึ้น โดยจำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิดทั่วประเทศจีนยังอยู่ที่ 5,226คน ขณะที่ผู้ป่วยที่แสดงอาการอยู่ที่ 224,781 คน การเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อรายใหม่ในจีนมีขึ้น ขณะที่ทางการกรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของจีนประกาศเตือนว่า ปักกิ่งกำลังเผชิญการระบาดของโควิด ซึ่งเชื่อมโยงกับบาร์แห่งหนึ่ง หลังกรุงปักกิ่งเพิ่มความเข้มงวดใหม่เมื่อปลายสัปดาห์ก่อน ด้วยการสั่งปิดสถานบันเทิงใน 2เขต
ด้านโฆษกเทศบาลกรุงปักกิ่งระบุว่า ผู้ติดเชื้อใหม่ 61 ราย เมื่อวันที่ 10 มิถุนายนเชื่อมโยงกับบาร์เฮเวนซุปเปอร์มาร์เก็ต ถือเป็นการระเบิดอย่างรุนแรงโดยธรรมชาติ เวลาต่อมาฝ่ายบริหารด้านกีฬาของปักกิ่งประกาศให้ทุกมหาวิทยาลัยยกเลิกการจัดกิจกรรมกีฬานอกมหาวิทยาลัยและกิจกรรมกีฬาออฟไลน์สำหรับวัยรุ่นทั้งหมดก็จะถูกยกเลิกเช่นกันตั้งแต่วันที่ 12มิถุนายนเป็นต้นไป แม้อัตราการติดเชื้อโควิด-19 ของจีนจะอยู่ระดับต่ำเมื่อเทียบกับหลายประเทศทั่วโลก แต่นโยบายคุมโควิดเป็นศูนย์ของจีนทำให้การบริหารจัดการเป็นไปอย่างเข้มงวด โดยทางการจีนอ้างถึงความจำเป็นในการปกป้องผู้สูงอายุ และระบบสาธารณสุขในประเทศ ขณะที่ประเทศอื่นเริ่มหันมายึดนโยบายใช้ชีวิตร่วมกับโควิดแล้วก็ตาม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี