รัฐบาลไม่หวั่นโรคใบด่างมันสำปะหลัง พัฒนาชุดตรวจแบบ ATK เดินหน้าแผนจัดการแบบครบวงจร มั่นใจเกษตรกรรายได้เพิ่ม ส่งออกมูลค่าสูงสุดในรอบ 14 ปี
13 มิถุนายน 2565 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการดูแลเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ซึ่งเป็นกลุ่มเกษตรกรที่มีจำนวนมากถึง 5.24 ครัวเรือน และเป็นพืชเศรษฐกิจของประเทศ มีการส่งออกมากเป็นอันดับ 3 ของโลก สร้างรายได้เข้าประเทศ เฉลี่ยหนึ่งแสนล้านบาทต่อปี ซึ่งปีที่แล้วมีมูลค่าการส่งออกสูงสุดในรอบ 14 ปี นับตั้งแต่ปี 2550 และราคามันสำปะหลังเพิ่มสูงกว่าราคาประกันรายได้ที่ 2.50บาท/กก. ล่าสุดขยับขึ้นไปสูงถึง 2.70 และ 2.92 บาท/กก.
ทั้งนี้ ควบคู่ไปกับโครงการประกันรายได้ รัฐบาลยังได้เห็นชอบแผนการจัดการกับโรคใบด่างระยะ 5 ปี (2566- 2570) ต่อจากแผนเดิม ซึ่งโรคนี้เข้าสู่ประเทศไทยเมื่อปี 2561 และได้ก่อความเสียหายให้แก่เกษตรกรและอุตสาหกรรมแปรรูปมันสำปะหลังเป็นอย่างมาก ขณะนี้สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้พัฒนาชุดตรวจแบบรวดเร็วคล้ายกับการตรวจ ATK โดยใช้กับการตรวจวินิจฉัยโรคใบด่างมันสำปะหลัง สามารถพกพาไปใช้ในภาคสนาม โดยไม่ต้องเก็บตัวอย่างส่งมาตรวจยังห้องปฏิบัติการทราบผลได้ภายใน 15 นาที
นางสาวรัชดา กล่าวว่า รัฐบาลยังคงให้ความสำคัญกับการจัดการโรคใบด่างทั้งระบบแบบครบวงจร โดยแผนการจัดการกับโรคใบด่างระยะ 5 ปี ประกอบด้วย 6 มาตรการ คือ 1)การสร้างการรับรู้เรื่องโรคใบด่าง 2)เฝ้าระวังและป้องกัน 3)ควบคุมการระบาด 4)ให้ความช่วยเหลือ 5)การทำวิจัยพัฒนา และ 6)มาตรการติดตามประเมินผล สำหรับการวิจัยและพัฒนา ทาง สวทช. ได้พัฒนาชุดตรวจโรคใบด่างอย่างรวดเร็ว สามารถทำได้ในทุกขั้นตอนของการผลิตและเพาะปลูกมันสำปะหลัง เริ่มตั้งแต่การตรวจแปลงผลิตต้นพันธุ์สะอาดก่อนการเก็บเกี่ยว การตรวจในส่วนขยายพันธุ์ เช่น mini-stem cutting หรือ tissue culture นอกจากนี้ยังใช้ในการติดตามเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคหลังการเพาะปลูกเพื่อจัดการและควบคุมโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงที และขณะนี้อยู่ระหว่างการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับบริษัทเอกชน เพื่อช่วยในการตรวจคัดกรองท่อนพันธุ์มันสำปะหลังปลอดโรคก่อนส่งมอบให้เกษตรกร ซึ่งเป็นการลดความเสี่ยงในการนำท่อนพันธุ์ที่เป็นโรคไปปลูกต่อ นับเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยป้องกันการแพร่ระบาด
ในส่วนของการควบคุมโรค กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมโรคใบด่าง ซึ่งนับตั้งแต่ปี ธ.ค.2563-มี.ค 2565 สามารถกำจัดต้นมันสำปะหลังที่เป็นโรคในพื้นที่ระบาด 6.5 หมื่นไร่ พร้อมจ่ายค่าชดเชยการทำลายต้นเป็นโรคให้กับเกษตรกรเจ้าของแปลง 5,249 ราย มีการจัดส่งท่อนพันธุ์สะอาดและทนทานต่อโรคใบด่างถึงมือเกษตรกรแล้วกว่า 25 ล้านลำ ครบถ้วนตามความต้องการของเกษตรกร
“ผลสำเร็จจากการแก้ไขปัญหาโรคใบด่าง ส่งผลให้มันสำปะหลังที่มีพื้นที่ปลูกรวมทั้งประเทศ 9.4 ล้านไร่ ยังคงเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญ สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรและประเทศไทย ซึ่งในปี2564 มีการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังปริมาณสูงถึง 10.38 ล้านตัน มูลค่า 1.23 แสนล้านบาท ปริมาณและมูลค่าเพิ่มขึ้น 45% และ 48% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมูลค่าการส่งออกสูงสุดในรอบ 14 ปี นับตั้งแต่ปี 2550 มากไปกว่านั้น รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรมมันสำปะหลังด้วยเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (BCG Model : Bio – Circular – Green Economy) ที่ครอบคลุมอุตสาหกรรมแปรรูป (มันเส้น มันอัดเม็ด แป้งดิบและแป้งดัดแปร) และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง (สารให้ความหวาน แอลกอฮอล์ กรดอินทรีย์ กรดอะมิโน กระดาษและสิ่งทอเป็นต้น) ซึ่งเป็นการเพิ่มความต้องการใช้มันสำปะหลังอย่างมาก ทั้งนี้ ประมาณ 70% ของผลผลิตจะถูกใช้ในการแปรรูปเพื่อส่งออก ส่วนที่เหลือใช้ในการบริโภคและเป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมต่อเนื่องในประเทศ ส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน” รองโฆษกฯ กล่าว
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี