วันที่ 13 มิถุนายน 2565 จากกรณีเมื่อวันที่ 10 มิ.ย.65 ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจเขตภู่เฉิง นครนิวไทเป ประเทศไตหวัน ได้รับแจ้งมีกลิ่นเหม็นคลายกลิ่นศพ บริเวณลานจอดรถสถานีรถไฟความเร็วสูงเถาหยวน พบรถเอสยูวี BMW X4 มีน้ำเหลืองไหลออกจากท้ายรถ ตรวจสอบ พบศพคู่สามีภรรยา โดยภรรยาตั้งครรภ์แฝดยัดท้ายรถ บริเวณศีรษะถูกตีด้วยของแข็ง สภาพศพเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 2 วัน ไม่มีร่องรอยการต่อสู้ภายในรถ คาดว่าผู้ตายถูกทำร้ายมาจากที่อื่นแล้วเอาศพมายัดท้ายรถต่อมาได้ทราบชื่อผู้เสียชีวิตทั้งสองว่านายประเสริฐ หรือ เฮียมาร์ค เจ้าของธุรกิจทำข้าวกล่องส่งขายแรงงานไทยในโรงงานเถาหยวน ฝ่ายหญิงทราบชื่อนางสาวพจนีย์ อายุ 35 ปี ชาวบ้านต.หนองบัว อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ กำลังท้องได้สองเดือน โดยจากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่าผู้ต้องหารายนี้คือนายสันติ บ้านอยู่ ต.หนองบัว อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ โดยก่อนเกิดเหตุทั้งสามคนนัดเจรจาปัญหาธุรกิจในวันที่ 8 มิถุนายน ก่อนมีคนพบทั้งสองถูกฆ่าตาย ส่วนนายสันติ บินกลับประเทศไทย
ความคืบหน้าล่าสุด นายยิ่งยศ วัย 38 ปี พี่ชายของนางสาวพจนีย์ เหยื่อสาวที่ตั้งท้องซึ่งถูกฆ่าพร้อมสามี ที่ไต้หวัน เดินทางมาร้องขอความเป็นธรรมกับตำรวจภูธรภาค5 โดยมีทางพล.ต.ต.วีรชน บุญทวี รองผบช.ภ.5 นำคณะทีมกฏหมาย และทีมสอบสวน เข้ารับเรื่องร้องเรียน โดยนายยิ่งยศ เปิดเผยว่า อยากให้ตำรวจติดตามตัวนายสันติ คนร้ายที่ฆ่าน้องสาวและน้องเขยพร้อมลูกแฝดในท้อง หลังมีชาวบ้านแจ้งว่าหลังนายสันติ ก่อเหตุและหลบหนีกลับมาเมืองไทย มีคนพบเห็นนายสันติ อยู่ที่บ้านเกิด บ้านใหม่หนองบัว ในอำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่
จึงอยากให้ตำรวจสอบสวนและติดตามตัวคนร้าย เพราะการก่อเหตุกระทำโดยความอำมหิตผิดมนุษย์ และก่อเหตุแล้วกลับมารอยนวล สำหรับน้องสาวและนายสันติ สนิทกันมากเพราะโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ก่อนที่น้องสาวจะสอบชิงทุนเรียนที่ใต้หวันตั้งแต่อายุ 16-17ปี และมีครอบครัวที่โน่นจนได้สัญชาติไต้หวัน ส่วนนายสันติ พึ่งจะไปไต้หวันเมื่อ 2 ปีแล้วและยังไปกักตัวที่บ้านน้องสาวก่อนได้งานทำ ซึ่งทั้งสองคนสนิทกันมากถึงขั้นรู้รหัสประตูเจ้าบ้าน ยืมสร้อยทองมาใส่ได้ และน่าจะทำธุรกิจร่วมกัน ก่อนเกิดเหตุ น้องสาวโทรมาปรึกษาหลังถูกแรงงานไทยคนหนึ่ง ขโมยเงิน 8 แสนบาท พร้อมสร้อยคอทองคำหนัก 15 บาท ไป ตนเชื่อว่าปมที่นายสันติ ลงมือฆ่าน้องสาวพร้อมลูกในท้องและสามีมาจากเรื่องเงินแน่นอน โดยครอบครัวไม่คิดว่าจะเกิดเหตุร้ายแรงแบบนี้ขึ้น และคนที่ลงมือฆ่าเป็นคนที่สนิทมาก เป็นญาติห่างๆกันด้วย ไม่คิดว่าจะมีจิตใจที่โหดเหี้ยมแบบนี้ได้ ส่วนศพของน้องคงจะทำพิธีที่ไต้หวันเลยในวันที่ 16 มิถุนายนนี้ ก่อนจะนำกระดูกกลับมาทำบุญที่บ้านตามประเพณี
ด้านพล.ต.ต.วีรชน บุญทวี รองผบช.ภ.5 เปิดเผยว่า หลังรับเรื่องให้ทีมกฏหมาย ประสานงานหน่วยงานต่างๆ พร้อมประสานไปยังตำรวจไต้หวันเพื่อรับทราบข้อมูลต่างๆ และก็มีการประสานทราบว่า ตัวคนร้ายที่หนีกลับมาประเทศไทย นั้นตอนนี้อยู่ที่ไหน แต่เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีนอกราขอาณาจักร ต้องดูเรื่องสนธิสัญญาเรื่องส่งผู้ร้ายข้ามแดน รวมทั้งทางตำรวจไต้หวันเอง ยังไม่มีการประสานเรื่องมาให้กับตำรวจไทย แต่เราก็จะเตรียมการทั้งหมดไว้ก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าในวันนี้ทางชุดกองปราบกอง 4 กองปราบปราม ได้จัดชุดลงพื้นที่บ้านหนองบัว และข้อมูลว่านายสันติ นั้นถือสัญชาติพม่า และไทย รวมถึงไตหวัน นั้นกลับมาอยู่ที่บ้านและได้เดินทางออกไปประเทศพม่าแล้ว
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับนายสันตินั้นพื้นเพเป็นชาว อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ ซึ่งจากการตรวจสอบแล้วพบว่า พ่อของผู้ต้องสงสัยนั้นเคยเป็นทหารของพรรคก๊กมินตั๋ง ที่หลังจากแตกทัพได้หลบหนีเข้ามาตั้งรกรากอยู่ในประเทศไทย ตั้งแต่สมัยสงครามลัทธิในประเทศจีน จนกระทั่งต่อมาในรุ่นลูก ทำให้ผู้ต้องสงสัยนั้นได้รับสิทธิ์เป็นพลเมืองของไต้หวัน เพราะถือว่าพ่อเคยเป็นทหารของผู้ก่อตั้งไต้หวันมาก่อน
ส่วนแนวทางการสืบสวนติดตามตัวนั้น ทางคณะสืบสวนของกองปราบปรามพบรถยนต์ต้องสงสัย ซึ่งทราบต่อมาว่า เป็นรถยนต์ของบุคคลใกล้ชิดกับผู้ต้องสงสัยรายนี้ เดินทางเข้ามาในพื้นที่จ.พิษณุโลก อีกด้วย โดยขณะนี้ทีมสืบสวนกำลังตรวจสอบความเป็นไปได้ ว่าจะมีการพาตัวผู้ต้องสงสัยหลบหนีออกมาจากพื้นที่ด้วยหรือไม่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี