เตือนผ่อนคลายแล้วอย่าการ์ดตก
‘ประยุทธ์’สงเดินหน้า
แก้วิกฤตโควิดแบบครอบจักรวาล
ร่วมกันเปลี่ยนผ่านประเทศไทย
ศูนย์บางซื่อเปิดฉีดวัคซีนไม่อั้น
อนามัยแนะกลุ่มเสี่ยงสวมแมสก์
ป่วยใหม่2,272รายตาย23ศพ
‘หมอยง’จี้รบ.ให้ระวังฝีดาษลิง
ไทยพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 2,272 ราย เสียชีวิต 23 ศพ “นายกฯ”ขอให้ประชาชนยังคงปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขอย่างแข็งขัน แม้ ศบค. จะผ่อนคลายมาตรการต่างๆ แล้ว เพื่อร่วมเปลี่ยนผ่านประเทศไทยเข้าสู่ระยะโรคประจำถิ่น พร้อมแสดงความพอใจ กรณี Google ชี้ทิศทางการท่องเที่ยวในประเทศไทยเป็นที่สนใจ กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับยุทธศาสตร์ให้เท่าทันทิศทางรูปแบบการท่องเที่ยวในปัจจุบัน กรมอนามัย เน้นย้ำกลุ่ม 608 ที่ไม่ได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ ควรสวมหน้ากากอนามัย เมื่ออยู่ร่วมกับบุคคลอื่น รวมทั้งผู้ติดเชื้อ/ผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ให้สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา
เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2565 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ย้ำแม้คณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ได้ผ่อนคลายมาตรการต่างๆ เพื่อให้มีการประกอบกิจการ กิจกรรมการผ่อนคลายมากขึ้น ทั้งการปรับเป็นพื้นที่สีเขียวทั้งหมดทั่วประเทศ ผ่อนคลายมาตรการสังคม ชุมชนและองค์กรเปลี่ยน เพื่อร่วมเปลี่ยนผ่านประเทศไทยสู่ระยะ Post-pandemic ต่อไป
ขอปชช.ยังคงยึดมาตรการเข้ม
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี ยังต้องขอความร่วมมือประชาชนให้ยังคงยึดปฏิบัติตามมาตรด้านสาธารณสุข มาตรการ 2U อย่างแข็งขัน ได้แก่ การป้องกันการติดเชื้อแบบครอบจักรวาล (Universal Prevention) ซึ่งเป็นการป้องกันตนเองขั้นสูงสุดตลอดเวลาของทุกคน และเร่งรัดฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น (Universal Vaccination) โดยเฉพาะในกลุ่ม 608 เพื่อลดอาการรุนแรงและเสียชีวิต
ป่วยเพิ่ม2,272รายดับ23ศพ
สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 วันนี้ (18 มิ.ย.2565) พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ ผู้ป่วยใหม่ จำนวน 2,272 ราย จำแนกเป็น ผู้ป่วยในประเทศ 2,266 ราย และผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 6 ราย รวมผู้ป่วยสะสม 2,273,717 ราย (ตั้งแต่ 1 ม.ค.2565) ขณะที่หายป่วยกลับบ้าน 1,964 ราย รวมหายป่วยสะสม 2,276,898 ราย (ตั้งแต่ 1 ม.ค.2565) โดยมีผู้ป่วยกำลังรักษา 21,315 ราย และเสียชีวิต 23 ราย รวมเสียชีวิตสะสม 8,747 ราย (ตั้งแต่ 1 ม.ค.2565) ทั้งนี้ จำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 593 ราย
ขณะที่ภาพรวมการฉีดวัคซีนโควิด-19 สรุปจำนวนผู้ที่ได้รับได้รับวัคซีนสะสม ตั้งแต่ (28 ก.พ. 2564 - 16 มิ.ย. 2565) รวม 138,915,561 โดส ใน 77 จังหวัด จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 1 สะสม 56,885,533 ราย จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 2 สะสม 52,969,670 ราย และจำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 3 สะสม 29,060,358 ราย
นายกฯพอใจท่องเที่ยวไทยฟื้นตัว
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ ขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมทำงานส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยให้เป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวทั่วโลก จนภาคเอกชนระดับโลกอย่าง Google ประกาศว่าทิศทางภาคการท่องเที่ยวไทยว่ามีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเป็นผลจากการพบว่ามีผู้ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับประเทศไทยเพิ่มขึ้น โดยในการประชุม Google Hotelier Summit 2022 ที่กรุงเทพมหานคร ได้เปิดเผยทิศทางของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในภูมิภาค ซึ่ง Google พบว่า ภาคการท่องเที่ยวในภูมิภาคเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัว โดยในส่วนของท่องเที่ยวไทยเริ่มมีการฟื้นตัวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หลังภาครัฐยกเลิกการระบบลงทะเบียนในระบบ Test & Go ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2565 ซึ่งจากข้อมูลการค้นหาของ Google พบว่า มีผู้ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ที่คลี่คลายลง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยพบว่า แนวโน้มของผู้คนที่เริ่มกลับมาเดินทางอีกครั้งมีแนวโน้มการท่องเที่ยวพร้อมกับทำงานควบคู่กัน โดยนักท่องเที่ยวมีความสนใจในเรื่องความยั่งยืน และสนใจในนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ลุ้นดันภูเก็ตเป็นศูนย์กลางสุขภาพ
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ มอบหมายนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข นำทีมไทยแลนด์ซึ่งประกอบด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ(TCEP) และจังหวัดภูเก็ต เข้าร่วมการนำเสนอข้อมูลประเทศที่ยื่นเสนอตัวเป็นเจ้าภาพการจัดงาน (Country Presentation) เอ็กซ์โปวาระพิเศษ (Specialised Expo) ณ สำนักงานองค์การนิทรรศการนานาชาติ(Bureau of International Expositions : BIE) กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 19-21 มิ.ย. 2565
สำหรับ Specialised Expo ครั้งนี้ มีประเทศที่เสนอตัวเพื่อเป็นเจ้าภาพการจัดงานทั้งหมด 5 ประเทศ ประกอบด้วย ไทย สหรัฐอเมริกา อาร์เจนตินา เซอร์เบียและสเปน โดยประเทศไทยเสนอการเป็นเจ้าภาพ ภายใต้ชื่องาน EXPO 2028 – Phuket, Thailand มีเป้าหมายเพื่อผลักดันบทบาทของประเทศไทยและภูเก็ตให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub) เป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับโลก ตลอดจนเวทีการแลกเปลี่ยนนนวัตกรรมการด้านการแพทย์และสาธารณสุขหลังการแพร่ระบาทใหญ่ของโควิด-19
ชี้เป็นผลบวกต่อเศรษฐกิจในภาพรวม
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ประเทศไทยได้ยื่นเสนอตัวเพื่อเป็นเจ้าภาพการจัดงานอย่างเป็นทางการในนามรัฐบาลไทย(Letter of Candidature) เมื่อวันที่ 7 ม.ค. และนำส่งเอกสารทางเทคนิคในช่วงเดือนพ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งในเดือนมิ.ย. นี้เป็นขั้นตอนของ Country Presentation ครั้งที่1 จากที่ต้องดำเนินการทั้งหมด 3 ครั้ง ส่วนในเดือนก.ค. ที่จะถึง BIE จะเริ่มสำรวจพื้นที่การจัดงาน ครั้งที่1 จากที่ต้องดำเนินการทั้งหมด 2 ครั้ง ส่วนการประกาศผลประเทศที่ได้รับคัดเลือกจะมีขึ้นในช่วงเดือนมิ.ย. 2566
ทั้งนี้ หากประเทศไทยชนะการคัดเลือกจะใช้เวลาในการจัดเตรียมงานระหว่างปี 2567-70 รวม 4 ปี และมีกำหนดการจัดงานระหว่างวันที่ 20 มี.ค. -17 มิ.ย. 2571 รวมระยะเวลา 3 เดือน ซึ่ง TCEP ประเมินว่าจะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าร่วมงาน 4.93 ล้านคน เป็นชาวไทย ร้อยละ 54 และต่างชาติ ร้อยละ 46 ส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจในภาพรวมทั้งการผลักดันจีดีพีให้เติบโตจากกิจกรรมของงาน รายรับภาษี ส่งเสริมภาพลักษณ์สาธารณสุขไทย การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพไทย ในระดับนานาชาติ ตลอดจนเกิดการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภค ระบบการกำจัดขยะและระบบกำจัดน้ำเสียที่ได้มาตรฐานสากลในพื้นที่การจัดงาน
กรมอนามัยย้ำกลุ่มเสี่ยงสวมแมสก์
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า จากสถานการณ์แนวโน้มการติดเชื้อโควิด-19 ลดลง ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) จึงมีมติเห็นชอบ ให้ปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ทั่วราชอาณาจักรเป็นพื้นที่เฝ้าระวัง (สีเขียว) 77 จังหวัด และยังเห็นชอบผ่อนคลาย ให้ถอดหน้ากากได้ นอกอาคารหรือที่โล่งแจ้ง โดยเน้นความสมัครใจของแต่ละบุคคล ซึ่งเริ่มดำเนินการได้หลังประกาศราชกิจจานุเบกษา แต่สำหรับกลุ่ม 608 ที่ไม่ได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ ควรสวมหน้ากาก เมื่ออยู่ร่วมกับบุคคลอื่น รวมทั้งผู้ติดเชื้อ และผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ให้สวมหน้ากากตลอดเวลา เมื่อจำเป็นต้องอยู่ร่วมกับบุคคลอื่นเช่นเดียวกัน
สำหรับประชาชนทั่วไป หากเป็นสถานที่ภายนอกอาคาร ที่โล่งแจ้ง ถอดหน้ากากได้ แต่ให้สวมหน้ากาก เมื่ออยู่ร่วมกับบุคคลอื่น โดยไม่สามารถเว้นระยะห่าง มีความแออัด มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก หรือมีการระบายอากาศไม่ดี เช่น ขนส่งสาธารณะ ตลาด สนามกีฬา หรือสถานที่แสดงดนตรีที่มีผู้ชม เป็นต้น แต่เมื่ออยู่ภายในอาคาร ให้สวมหน้ากาก สามารถถอดได้ในกรณีที่อยู่คนเดียว หากอยู่ร่วมกับบุคคลอื่น ที่ไม่ได้อาศัยอยู่ที่พำนักเดียวกัน ต้องสามารถเว้นระยะห่างได้ ไม่รวมกลุ่มแออัด ให้อยู่ในที่ระบายอากาศได้ดี และกรณีมีกิจกรรมที่จำเป็น ต้องถอดหน้ากาก เช่น รับประทานอาหาร ออกกำลังกาย บริการบริเวณใบหน้า ศิลปะการแสดง เป็นต้น โดยให้ดำเนินการด้วยความระมัดระวัง เมื่อกิจกรรมนั้นเสร็จสิ้น ควรสวมหน้ากากทันที
เงื่อนไขสถานที่ประกอบกิจการ-กิจกรรม
ในส่วนของสถานที่ประกอบกิจการหรือกิจกรรมได้กำหนดเงื่อนไข ดังนี้ 1) ผู้ให้บริการ ขอให้สวมหน้ากากตลอดเวลาขณะให้บริการ โดยได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์และเข็มกระตุ้น ให้ตรวจ ATK เมื่อมีอาการ หรือมีความเสี่ยง ส่วนผู้ติดเชื้อ ให้งดมาปฏิบัติงาน และผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูงไปทำงานได้ แต่ให้แยกพื้นที่กับผู้อื่น 2) สถานที่ ให้ปฏิบัติตามหลักของสุขาภิบาล และอนามัยสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด โดยจัดให้มีอุปกรณ์และสถานที่ล้างมืออย่างเพียงพอ มีการทำความสะอาด มีการจัดการของเสีย ส้วมและสิ่งปฏิกูลเป็นไปตามมาตรฐาน พื้นที่สัมผัส/อุปกรณ์ที่ใช้ร่วมกัน ให้ทำความสะอาดอย่างน้อยทุก 2 ชั่วโมง จัดให้มีการระบายอากาศ และกำหนดความจุคนในอาคาร ให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ทั้งนี้ จากข้อมูลการสำรวจอนามัยโพลของกรมอนามัย เกี่ยวกับมาตรการ สวมหน้ากากตลอดเวลาในสถานที่สาธารณะ และสถานประกอบการ พบว่า ประชาชนร้อยละ 93.3 เห็นว่ายังคงต้องสวมหน้ากากต่อไป มีเพียงร้อยละ 6.7 ที่เห็นว่าให้เลิกทำ ดังนั้น เมื่อต้องสวมหน้ากากทุกครั้ง จึงต้องสวมให้ถูกวิธี และให้กระชับกับใบหน้า
ศูนย์บางซื่อเปิด Walk in เข้าฉีดวัคซีน
ขณะที่เฟซบุ๊กCVC กลางบางซื่อ โพสต์ข้อความระบุว่า #บางซื่อฉีดวัคซีนทุกคนทุกเข็มทุกวัน จากมติที่ประชุมอนุกรรมการสร้างเสริม ภูมิคุ้มกันโรค ครั้งที่ 4/2565 เมื่อวันที่ 14 มิ.ย.2565 แนะนำให้ประชาชนทุกคน ควรได้รับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นอย่างน้อยเข็มที่ 3 เป็นพื้นฐานและรับเข็มกระตุ้นต่อๆไปทุก 4 เดือนโดยให้เป็นไปตามความสมัครใจ และความจำเป็นอื่นๆ ตามดุลยพินิจของแพทย์นั้น ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อจึงได้ให้บริการวัคซีนป้องกันโควิดทุกเข็ม ตั้งแต่ เข็มที่ 1, 2 และ ตั้งแต่เข็มที่ 3 ขึ้นไป ในรูปแบบ Walk inโดยไม่ต้องจองคิวล่วงหน้าให้กับประชาชนอายุ 5 ปีขึ้นไปทุกคน ทุกสัญชาติ ไม่จำกัดภูมิลำเนา ไม่จำกัดจำนวนวัคซีนต่อวัน
ทั้งนี้ สามารถเลือกรับบริการตามชนิดวัคซีน ประตู 1 วัคซีนโมเดอร์นา สำหรับผู้มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ประตู 2 วัคซีนไฟเซอร์ฝาสีม่วง สำหรับผู้มีอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป (วัคซีนแอสตร้าเซเนก้า และวัคซีนซิโนแวค แจ้งเจ้าหน้าที่) ประตู 3 วัคซีนไฟเซอร์ฝาสีส้ม สำหรับเด็กอายุ 5-11 ปี ให้บริการเข็มที่ 1 จนถึงวันที่ 19 มิ.ย. เพื่อให้ทันรับเข็มที่ 2 ก่อนวันที่ 31 ก.ค. โดยเปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 9.00-16.00 น.
“หมอยง”เตือนเฝ้าระวังฝีดาษวานร
ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กYong Poovorawanหัวข้อ “ฝีดาษวานร การระบาดของโรคนอกทวีปแอฟริกา” มีเนื้อหาดังนี้ นับตั้งแต่การระบาดของฝีดาษวานร นอกทวีปแอฟริกา ตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคมจนถึงปัจจุบัน มีผู้ป่วยแล้วทั้งสิ้นมากกว่า 2000 ราย ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย อายุระหว่าง 20-50 ปี การระบาดส่วนใหญ่ ยังอยู่ในทวีปยุโรปและอเมริกาเหนือ จากรูป จะเห็นว่าประเทศที่มีผู้ป่วยเกิน 100 คนหลายประเทศ เช่น อังกฤษ สเปน โปรตุเกส แคนาดา
โรคนี้จะติดต่อได้ต้องสัมผัสอย่างใกล้ชิด การกระจายของโรคเป็นไปอย่างช้าๆ ความรุนแรงของโรคไม่มาก ไม่มีผู้ใดเสียชีวิตนอกแอฟริกา โรคไม่รุนแรง ขยายวงกว้าง ประมาณ 30 ประเทศ และยังเป็นเฉพาะกลุ่ม จึงยากในการควบคุม โรคนี้ยังไม่พบในเอเชียตะวันออก และตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งประเทศไทย จะต้องเฝ้าระวังเพราะเมื่อมีการเปิดประเทศ การกระจายของโรคจึงยากต่อการป้องกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี