รองผู้ว่าฯจักกพันธุ์ ตรวจจุดผ่อนผันทำการค้าย่านคลองสานและธนบุรี ย้ำผู้ค้าและประชาชนสามารถใช้ประโยชน์ในพื้นที่ทางเท้าร่วมกัน
เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.2565 นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ตรวจจุดผ่อนผันทำการค้า 3 จุด ในพื้นที่เขตคลองสาน และธนบุรี ประกอบด้วย 1.จุดผู้ค้าหาบเร่แผงลอยตลาดท่าดินแดง (บริเวณหน้าธนาคารกรุงไทย) เขตคลองสาน 2.จุดผู้ค้าหาบเร่แผงลอยถนนลาดหญ้า (ฝั่งโรบินสันเก่า) เขตคลองสาน และ 3.จุดผู้ค้าหาบเร่แผงลอยหน้าตลาดสำเหร่ เขตธนบุรี โดยมี นายศุภกฤต บุญขันธ์ผู้อำนวยการสำนักเทศกิจ นางสาวอารียา เพ็งประเสริฐผู้อำนวยการเขตคลองสาน ว่าที่ร.ต.สรวุฒิ วิเศษสงวนผู้อำนวยการเขตธนบุรี พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่สำนักเทศกิจ สำนักงานเขตในพื้นที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่และรายงานข้อมูล
รองผู้ว่าฯกทม. เปิดเผยว่า ปัจจุบันในพื้นที่กรุงเทพมหานครมีจุดผ่อนผันทั้งหมด 86 จุด มีผู้ค้าทั้งสิ้น 5,340 ราย วันนี้ได้ลงพื้นที่ตรวจจุดผ่อนผันในพื้นที่เขตคลองสาน ซึ่งมีจุดผ่อนผันทั้งหมด 10 จุด ผู้ค้าประมาณ 630 ราย โดยมาตรวจ2 จุด คือ บริเวณตลาดท่าดินแดง มีผู้ค้า 119 รายริมถนนลาดหญ้า มีผู้ค้า 51 ราย ส่วนในพื้นที่เขตธนบุรี มีจุดผ่อนผันทั้งหมด 4 จุด ในส่วนของบริเวณตลาดสำเหร่ มีผู้ค้า 60 ราย จากการตรวจจุดผ่อนผันบริเวณตลาดท่าดินแดง ริมถนนลาดหญ้าเขตคลองสาน พบว่าผู้ค้าตั้งแผงค้าเป็นระเบียบเรียบร้อยแต่ในขณะเดียวกันยังมีปัญหาในเรื่องความไม่สะอาดมีการเทน้ำลงไปในพื้นผิวจราจร ส่วนบริเวณตลาดสำเหร่เขตธนบุรี พบว่ามีบางร้านค้าที่อยู่ในอาคาร ได้ตั้งวางสิ่งของรุกล้ำเข้ามาในพื้นทางเท้า ซึ่งทางสำนักงานเขตได้พูดคุยสร้างความเข้าใจกับผู้ค้าในเรื่องนี้แล้ว ว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องให้ผู้ค้าปรับปรุงแก้ไข ซึ่งผู้ค้ารับปากที่จะดำเนินการแก้ไขในเรื่องดังกล่าว
รองผู้ว่าฯกทม. กล่าวอีกว่า ในส่วนของแผงค้าซึ่งมีความกว้างประมาณ 1 ม. ผู้ค้าได้ร้องขอให้กรุงเทพมหานครขยายแผงค้าให้กว้างขึ้นเป็น1.50 ม. ซึ่งการขยายแผงค้านั้น จะต้องเป็นไปตามกฎเกณฑ์ขั้นตอนของกรุงเทพมหานคร ต้องมีการพิจารณากันอีกที อย่างไรก็ตาม การพิจารณากำหนดจุดผ่อนผันแต่ละจุดนั้น กรุงเทพมหานครจะสอบถามความคิดเห็นจากประชาชนผู้ใช้ทางเท้าและใช้พื้นผิวการจราจร เจ้าของอาคาร รวมถึงประชาชนที่ทำงานอยู่ในบริเวณดังกล่าว ว่ามีความเห็นด้วยหรือไม่ที่จะให้มีจุดผ่อนผันบริเวณดังกล่าว ซึ่งจะต้องพิจารณาไปตามกฎเกณฑ์ต่างๆนอกจากนี้ จะจัดหาพื้นที่ของเอกชนหรือหน่วยงานราชการ ซึ่งเป็นที่ว่างหรือบริเวณหน้าอาคาร ที่สามารถจัดเป็นพื้นที่ขายของสำหรับหาบเร่หรือศูนย์อาหารโดยจะพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อหาแนวทางดำเนินการนำร่องในแต่ละพื้นที่เขตต่อไป
“การใช้พื้นที่ทางเท้านั้น นอกเหนือจากจะเป็นจุดผ่อนผันให้ผู้ค้าหาบเร่แผงลอยได้ใช้ทำการค้าขายแล้ว ในขณะเดียวกันยังเป็นพื้นที่เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้ใช้สอยและใช้ในการเดินทางสัญจร ที่สำคัญผู้ค้าและประชาชนจะสามารถใช้ประโยชน์ในพื้นที่ทางเท้าร่วมกัน” นายจักกพันธุ์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี