กองปราบฯ บุกรวบอีก 1 ร่วมทีม “สันติ” ฆ่าโหด สองสามี-ภรรยา ฝ่ายหญิงตั้งท้องลูกแฝด ที่ไต้หวัน ก่อนหนีกบดานในไทย เปิดปากรับค่าจ้าง 5 แสน ก่อเหตุ ถูกแจ้งข้อหาหนัก เร่งล่าอีก 1 ราย ที่ยังคงหลบหนี

เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีตำรวจกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) จับกุมนายสันติ ศุภอภิรดีไพลิน อายุ 35 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนหลังจากร่วมกับพวกลงมือฆ่านายประเสริฐ โนราษ อายุ 32 ปี และ น.ส.พจนีย์ แซ่หลี อายุ 35 ปีสองสามีภรรยา ซึ่งฝ่ายหญิงตั้งครรภ์อยู่ด้วย ทิ้งศพท้ายรถยนต์ยี่ห้อบีเอ็มดับบลิว เหตุเกิดที่ไต้หวัน เมื่อวันที่ 8 มิถุนายนที่ผ่านมา ก่อนหลบหนีเข้าประเทศไทย และถูกจับกุมดังกล่าว โดยเบื้องต้นผู้ต้องหารับสารภาพว่า ลงมือก่อเหตุจากปัญหาขัดแย้งเรื่องยาเสพติด ว่า พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป.เปิดเผยว่า สำหรับผู้ที่ร่วมกับนายสันติ ก่อเหตุในคดีนี้ คือ นายสามารถ แซ่หลี อายุ 33 ปี และนายธนวัฒน์ พุ่มเข็มทอง อายุ 41 ปี

พ.ต.อ.เอนก เปิดเผยด้วยว่า ภายหลัง พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.สั่งการให้ชุดสืบสวน บก.ป.เร่งติดตามผู้ที่ร่วมก่อเหตุดังกล่าวแล้ว ต่อมาชุดสืบสวนสามารถติดตามตัว นายธนวัฒน์ ไว้ได้แล้ว

ต่อมาเวลา 14.20 น.วันเดียวกัน ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ท.จิรภพพ.ต.อ.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ รอง ผบก.ป.รักษาราชการแทน ผบก.ป.พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ รอง ผบก.ป.พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป.พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป.พ.ต.อ. ปทักข์ ขวัญนา ผกก.4 บก.ป.พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผกก.3บก.ป.พร้อมคณะ แถลงข่าวจับกุมนายธนวัฒน์ พุ่มเข็มทอง อายุ 42 ปี ผู้ต้องหาหมายจับศาลอาญาที่ 1221/2565 ลงวันที่ 18 มิถุนายน 2565 ข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนโดยสามารถจับกุมตัวได้ที่บ้านไม่มีเลขที่ ต.ดงมูล อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์

พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้ เนื่องจากนายธนวัฒน์ได้ร่วมกับนายสันติ ศุภอภิรดีไพลิน หรือหวัง อายุ 35 ปี และนายสามารถ แซ่หลี อายุ 33 ปี ก่อเหตุฆ่านายประเสริฐ โนราษ อายุ 32 ปี และน.ส.พจนีย์ แซ่หลี่ หรือมี่ อายุ 35 ปี สองสามีภรรยาชาวไทย โดย น.สงพจนีย์ ตั้งครรภ์ลูกแฝดอยู่ เหตุเกิดที่ไต้หวัน ต่อมานายสันติ ถูกเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมตัวไว้ได้เมื่อวันที่ 17มิถุนายนที่ผ่านมา

สอบสวนเบื้องต้นนายธนวัฒน์รับสารภาพว่าร่วมกับนายสันติ กับพวกอีก 1คน ก่อเหตุใช้ท่อนเหล็กตีสองสามีภรรยาจนเสียชีวิตจริง หลังจากนั้นจึงนำศพขึ้นรถยนต์แล้วนำศพไปทิ้งไว้ ก่อนจะหลบหนีคดีกลับมาประเทศไทย แล้วมากบดานอยู่ในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ กระทั่งมาถูกจับกุมตัวอย่างไรก็ดี ในส่วนของนายสามารถ ผู้ก่อเหตุอีกรายหนึ่งนั้น ขณะนี้ยังคงอยู่ระหว่างหลบหนีการติดตามจับกุมของเจ้าหน้าที่อยู่ ซึ่งทางชุดสืบสวน บก.ป.ยังคงเร่งดำเนินการสืบสวนติดตามเพื่อจับกุมตัวมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว

พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวถึงการแบ่งหน้าที่ของกลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมด ว่านายสันติเป็นผู้ว่าจ้างให้นายธนวัฒน์และนายสามารถ ร่วมกันก่อเหตุ โดยให้ค่าจ้างเป็นเงิน 500,000 บาท แต่จะมัดจำไว้ก่อน 20,000 บาท ภายหลังก่อเหตุแล้วในวันที่ 8 มิถุนายน นายสันติได้เดินทางกลับประเทศไทยในวันที่ 9 มิถุนายน ก่อนจะให้ผู้ต้องหาอีก 2 ราย เดินทางกลับประเทศไทยในวันที่ 11 มิถุนายน แล้วพากันหนีไปกบดาน

พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวต่อว่า สำหรับมูลเหตุในการลงมือฆาตกรรมยังคงมุ่งประเด็นไปที่เรื่องความขัดแย้งระหว่างนายสันติกับผู้เสียชีวิตทั้งสอง เป็นหลัก ส่วนเหตุผลนั้นยังไม่ขอเปิดเผย โดยผู้ก่อเหตุอีก1 ราย คือนายสามารถ ขณะนี้ยังหลบหนีการจับกุมอยู่ แต่ทางเจ้าหน้าที่จะเร่งสืบสวนติดตามตัวมาดำเนินคดี

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีการส่งผู้ต้องหาไปให้ทางการไต้หวัน พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า เรื่องนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ได้สั่งการไว้แล้ว และได้จัดคณะทำงานไว้ 6 นาย ที่จะเดินทางไปสางคดีที่ไต้หวัน ส่วนการดำเนินคดีข้อหาฆ่าผู้อื่น ยืนยันว่าดำเนินคดีในประเทศไทย อย่างไรก็ดี ในข้อหาอื่นๆเช่นการอำพรางศพต้องดำเนินคดีที่ไต้หวัน แต่ทั้งผู้เสียชีวิตและผู้ต้องหา จะมีการพัวพันเกี่ยวกับเรื่องยาเสพติดหรือไม่นั้น คงต้องไปสอบสวนขยายผลอย่างละเอียดต่อไป

ต่อข้อถามว่าคดีนี้เป็นคดีที่เกิดขึ้นนอกราชอาณาจักร อัยการสูงสุดเป็นผู้มีอำนาจในการสอบสวนคดี ขณะนี้มีการตั้งทีมสอบสวนแล้วหรือไม่ โดย พ.ต.อ.เอนก กล่าวว่า เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็มีอำนาจในการสอบสวน และการดำเนินการในขั้นตอนต่างๆ ได้รายงานถึงอัยการสูงสุดตามกระบวนการทางกฎหมาย เพราะคดีที่เกิดขึ้นนอกราชอาณาจักร การสืบสวนสอบสวนต้องมีผู้รับผิดชอบ ดังนั้น ในระยะหนึ่งก็ต้องรายงานท่านอัยการสูงสุดเพื่อพิจารณา จากนั้นจึงต้องรอผลการพิจารณาจากอัยการสูงสุดอีกครั้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ภายหลังแถลงข่าวเสร็จสิ้น นายตี๋ ญาติของ น.ส.พจนีย์ ผู้เสียชีวิต ได้เข้ามอบกระเช้าเพื่อขอบคุณเจ้าหน้าที่ ก่อนจะเปิดเผยกับสื่อมวลชนว่าอยากให้ดำเนินคดีในประเทศไทยหรือไต้หวัน ว่าขอให้เป็นไปตามขั้นตอนทางกฎหมาย เชื่อว่ากฎหมายบ้านเราศักดิ์สิทธิ์ ส่วนที่ผู้ต้องหาอ้างว่าน้องสาวของตนเกี่ยวพันกับสิ่งผิดกฎหมายหรือธุรกิจมืดนั้นโดยส่วนตัวไม่ปักใจเชื่อเพราะน้องสาวตนเป็นคนขยันทำมาหากิน เก็บหอมรอบริบ มีรายได้พอสมควรและชอบช่วยเหลือผู้อื่น จึงไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น