ทั่วโลกป่วย2.1พันคน-ลาม42ปท.
‘ฝีดาษลิง’เริ่มหนัก
WHOเล็งถกฉุกเฉิน-ผวาผู้ป่วยพุ่ง
ไทยป่วยโควิด1,892คน/ตาย22ศพ
ปอดอักเสบนอนโรงพยาบาล607คน
หมอย้ำใส่หน้ากากยังมีความสำคัญ
นายกฯชี้สธ.ปรับแจ้งเตือนภัยโควิดเป็นระดับ 2 ทั่วประเทศ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ที่มียอดผู้ป่วยลดลง กำชับเจ้าหน้าที่ตรวจเข้มสถานประกอบการเคร่งครัดโควิด ฟรี เซ็ตติ้ง ติดเชื้อรายวัน1,892 ราย เสียชีวิต 22 ศพปอดอักเสบ607คน ด้านฝีดาษลิง WHO ออกประกาศเลิกระบุ ‘ฝีดาษลิง’เป็นโรคเฉพาะถิ่น หวังทุกปท.ร่วมเฝ้าระวัง คาดผู้ป่วยเพิ่มทั่วโลก ปัจจุบันติดเชื้อ2.1พันคน กระจาย42ประเทศ
เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ประจำวันว่า ผู้ป่วยใหม่ 1,892 ราย จำแนกเป็นผู้ป่วยในประเทศ 1,888 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 4 ราย ผู้ป่วยสะสม 2,275,609 ราย นับตั้งแต่ 1 มกราคม หายป่วยกลับบ้าน 1,874 ราย หายป่วยสะสม 2,278,772 ราย ตั้งแต่ 1 มกราคม ผู้ป่วยกำลังรักษา 21,311 ราย เสียชีวิต 22 ราย เสียชีวิตสะสม 8,769 ราย ตั้งแต่ 1 มกราคม2จำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบ รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 607 ราย
นายกฯย้ำจนท.เข้มโควิดฟรีเซ็ตติ้ง
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมรับทราบตามที่กระทรวงสาธารณสุขปรับแจ้งเตือนภัยโควิดเป็นระดับ 2 ทั่วประเทศ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์โควิด ที่มียอดผู้ป่วยลดลงต่อเนื่อง รวมทั้งผู้ป่วยรายใหม่ ผู้ป่วยอาการหนักและผู้เสียชีวิตในจังหวัดส่วนใหญ่ เข้าระยะขาลง แม้จะมีการผ่อนคลายมาตรการ ทั้งเปิดสถานบันเทิง ผับบาร์ คาราโอเกะ แต่ยังไม่มีรายงานการระบาดกลุ่มคลัสเตอร์จากแหล่งสถานบันเทิงต่างๆ ซึ่งนายกฯกำชับเจ้าหน้าที่ในแต่ละท้องที่ ลงพื้นที่ ตรวจสอบ กวดขันให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามมาตรการ COVID Free Setting อย่างเคร่งครัด พร้อมแนะนำประชาชนทั่วไปควรรักษาสุขอนามัย สวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างทางสังคม ล้างมือให้สะอาดและถูกวิธี และหลีกเลี่ยงการอยู่ในพื้นที่แออัด ซึ่งไม่เพียงช่วยป้องกันรับเชื้อโควิด ยังช่วยลดความเสี่ยงโรคระบบทางเดินหายใจอี่นด้วย
สำหรับการปรับคำแนะนำการเตือนภัยโควิดจากระดับ3 เป็นระดับ2ทั่วประเทศนั้น มีคำแนะนำการปฏิบัติตัว อาทิ กลุ่มเสี่ยง608 ได้แก่ ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้ป่วยโรคเรื้อร้งและหญิงตั้งครรภ์ รวมถึงผู้รับวัคซีนไม่ครบตามเกณฑ์งดเข้าสถานบันเทิง หรือสถานที่ระบบปิดหรือแออัด หลีกเลี่ยงการร่วมกิจกรรมที่มีคนรวมกลุ่มจำนวนมาก หลีกเลี่ยงโดยสารขนส่งสาธารณะทุกประเภท และเลี่ยงเดินทางไปต่างประเทศ ส่วนประชาชนทั่วไปปฏิบัติตัวใช้ชีวิตได้ตามปกติ
หมอย้ำ’หน้ากาก’ยังมีความสำคัญ
รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า สถานการณ์ระบาดของไทย จากข้อมูล Worldometer เช้านี้พบว่า จำนวนเสียชีวิตเมื่อวาน สูงเป็นอันดับ 8 ของโลก และอันดับ 2 ของเอเชีย แม้สธ.ไทยจะปรับระบบรายงานตั้งแต่ 1 พ.ค.จนทำให้จำนวนที่รายงานนั้นลดลงไปมากก็ตาม …อัพเดตวัคซีนเด็กเล็ก ล่าสุดเมื่อคืนนี้ US CDC Panel โหวต 5-0 ให้วัคซีน mRNA ในเด็กเล็กอายุ 6 เดือนถึง <5 ปี คาดว่าน่าจะมีการเริ่มฉีดกันได้ในสัปดาห์หน้า เป็นข่าวดีสำหรับประชากรตัวน้อย เพื่อที่จะได้มีวัคซีนใช้ป้องกันการป่วยรุนแรงและการเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 การเปิดเสรีการใช้ชีวิตร่วมกับโควิด-19 จะสังเกตได้ว่าพิษทางเศรษฐกิจส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนโยบายระดับประเทศทั่วโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การอยู่รอดปลอดภัยท่ามกลางสถานการณ์ระบาดนั้น ต้องเข้าใจให้ชัดเจนว่า วัคซีนไม่ใช่คำตอบหลักเพียงคำตอบเดียว การฉีดวัคซีน จะช่วยลดโอกาสติดเชื้อแพร่เชื้อลงได้บ้างแต่ไม่มากนัก แต่จะช่วยลดโอกาสป่วยรุนแรง และลดความเสี่ยงในการเสียชีวิตลงได้
อย่างไรก็ตาม แม้ฉีดวัคซีนไปตามกำหนด ก็ไม่ได้การันตี 100% ถ้าไม่ป้องกันตัวอย่างสม่ำเสมอ ก็จะติดเชื้อได้ ป่วยได้ และตายได้ ดังที่เราเห็นสถิติในแต่ละวันจากทั่วโลก สถานการณ์สังคมโลกในปัจจุบันรวมถึงประเทศไทย จึงเป็นไปในลักษณะต้องพึ่งพาตนเอง ใส่ใจตนเอง และป้องกันตนเองมากขึ้น ไม่สามารถพึ่งพานโยบายหรือมาตรการทางสังคมได้ด้วยข้อจำกัดที่อธิบายมาข้างต้น การใช้ชีวิตประจำวัน การทำมาค้าขาย การพบปะติดต่อธุรกิจ รวมถึงการศึกษาเล่าเรียนนั้น จำเป็นต้องดำเนินไปในวิถีทางที่ใส่ใจและเน้นความปลอดภัย จึงจะทำให้แต่ละคนอยู่รอดปลอดภัยไปได้ตลอดช่วงเวลาที่โควิดยังไม่ซาลง โควิด ไม่ได้ติดแล้วชิลๆ ไม่กระจอก ไม่ใช่หวัดธรรมดา โควิด ไม่จบแค่หาย แต่ป่วยได้ ตายได้และก่อให้เกิดความผิดปกติระยะยาวอย่าง Long COVID ได้ ย้ำอีกครั้งว่า “การใส่หน้ากากเสมอ ใช้ให้ชิน เป็นอวัยวะที่33 ของตัวเรา จะช่วยลดความเสี่ยงไปได้มาก”
สหรัฐไฟเขียวฉีดวัคซีนทารก6เดือน
ด้านสถานการณ์ระบาดโควิด -19 ในต่างประเทศ ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคสหรัฐ หรีอ ซีดีซี ออกคำแนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันติดเชื้อโควิด-19 ให้ทารกอายุตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป และอนุญาตให้เริ่มฉีดวัคซีนให้เด็กทารกได้ตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป ประกาศดังกล่าวเกิดขึ้นหลังคณะกรรมการที่ปรึกษาของซีดีซี ลงมติให้แนะนำการฉีดวัคซีนให้เด็กเล็กได้ ทั้งนี้ สำนักงานอาหารและยาของสหรัฐ อนุมัติให้ฉีดวัคซีนของโมเดอร์นาให้เด็กอายุ 6 เดือน- 5 ขวบ และไฟเซอร์สามารถฉีดให้เด็กอายุระหว่าง 6 เดือน- 5 ขวบ ก่อนหน้านี้ ไฟเซอร์ได้รับอนุญาตให้ฉีดวัคซีนให้เด็กอายุ 5 ปีขึ้นไปได้ รัฐบาลสหรัฐมีแผนเริ่มฉีดวัคซีนให้เด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบสัปดาห์นี้อย่างเร็วที่สุด
เลิกระบุฝีดาษลิงเป็นโรคเฉพาะถิ่น
สำนักข่าวต่างประทศรายงานว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุ ได้ยกเลิกการกำหนดข้อมูลเกี่ยวกับโรคฝีดาษลิงว่าเป็นโรคที่พบได้เฉพาะถิ่นหรือพบได้เพียงในบางประเทศแล้ว เพื่อให้การตอบสนองต่อการแพร่ระบาดเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมากขึ้น ก่อนหน้านี้โรคฝีดาษลิงเป็นโรคที่จะพบได้เฉพาะในประเทศแถบแอฟริกาตะวันตกและแอฟริกากลาง แต่ปัจจุบันพบผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงในหลายประเทศทั่วทุกทวีป นำไปสู่การดำเนินการดังกล่าวตามมา ในข้อมูลความคืบหน้าสถานการณ์ระบาดขององค์การอนามัยโลก ได้ลบการกำหนดความแตกต่างระหว่างประเทศที่เคยถูกระบุสถานะโรคเฉพาะถิ่น กับโรคที่ไม่ใช่โรคเฉพาะถิ่นแล้ว และจะรายงานถึงสถานการณ์ในประเทศต่างๆ ร่วมกัน เพื่อสะท้อนการตอบสนองให้เป็นหนึ่งเดียวกัน เพราะมีความจำเป็น
ผู้ป่วยจริงแนวโน้มพุ่งWHOถกฉุกเฉิน
ทั้งนี้ นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-15 มิถุนายน องค์การอนามัยโลกยืนยันพบผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงแล้ว 2,103 คน ใน 42 ประเทศ และในจำนวนนี้พบผู้ป่วยที่น่าจะเสียชีวิตจากสาเหตุดังกล่าว 1 ราย โดยองค์การอนามัยโลกมีกำหนดจัดประชุมฉุกเฉินวันที่ 23 มิถุนายน เพื่อพิจารณาว่าจะจัดการกับการระบาดของโรคฝีดาษลิงที่พบทั่วโลกขณะนี้อย่างไร รวมถึงต้องประกาศให้การระบาดดังกล่าวกลายเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขที่น่าวิตกกังวลระดับนานาชาติ ถือเป็นระดับเตือนภัยสูงสุดด้วยหรือไม่ ในบรรดาผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงที่พบร้อยละ 84 ที่ได้รับการยืนยันอยู่ในภูมิภาคยุโรป ตามด้วยอเมริกา แอฟริกา เมดิเตอเรเนียนตะวันออกและแปซิฟิกตะวันตก อย่างไรก็ดี องค์การอนามัยโลกเชื่อว่า จำนวนผู้ป่วยที่แท้จริงมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี