อัยการภาค1เลื่อน
สั่งฟ้องคดี‘แตงโม’
ให้พงส.ไปสอบเพิ่ม
ขีดเส้นภายใน15วัน
รองโฆษก อสส.แจงอธิบดีอัยการภาค 1 เลื่อนสั่งคดี “แตงโม”ให้พนักงานสอบสวนสอบเพิ่มในหลายประเด็นสำคัญ ขีดเส้น15 วัน ให้แล้วเสร็จ ออกโรงโต้คนให้ข่าวมั่วผ่านทางโซเชียล อ้างฟ้องคดีเองแล้วอัยการไม่มีสิทธิฟ้องอีก ย้ำขัด กม.และระเบียบ อสส.
เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา (นิดา) หรือแตงโม พัชรวีระพงษ์ ดาราสาวชื่อดัง วัย 37 ปี ภายหลังนางภนิดา ศิระยุทธโยธิน มารดาแตงโม ยกเลิกการมอบอำนาจให้นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เป็นที่ปรึกษาคดีดังกล่าว เนื่องจากนายอัจฉริยะ ได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลในข้อหาฆาตกรรม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 แต่ทางนางภนิดา ซึ่งได้ปรึกษากับนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หรือเต้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ แล้วเห็นว่าพยานหลักฐานเอาผิดได้เพียงข้อหาทำร้ายร่างกาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 ว่า นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงความคืบหน้าคดีแตงโม หลังจากพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนนทบุรี ส่งสำนวนการสอบสวนให้อัยการจังหวัดนนทบุรี ไปแล้ว
นายประยุทธ กล่าวว่า ภายหลังอัยการจังหวัดนนทบุรีได้พิจารณาสำนวนคดีในเบื้องต้นแล้ว ได้ส่งสำนวนให้นายธีระนนท์ ไหวดี อธิบดีอัยการภาค 1 พิจารณา ต่อมาทางอธิบดีอัยการภาค 1 ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณาสั่งคดีนี้ โดยให้รองอธิบดีอัยการภาค 1 เป็นหัวหน้าคณะซึ่งจากการตรวจพิจารณาสำนวนของคณะทำงานเห็นว่าคดีมีประเด็นสำคัญที่จะต้องสอบสวนเพิ่มเติมหลายประเด็น เพื่อให้สิ้นกระแสความคณะทำงานจึงเสนออธิบดีอัยการภาค 1 สั่งสอบสวนเพิ่มเติม อธิบดีอัยการภาค 1 จึงมีคำสั่งสอบสวนเพิ่มเติม และมีหนังสือลงวันที่ 17 มิถุนายน 2565 ให้พนักงานสอบสวนสอบสวนเพิ่มเติมให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน
นายประยุทธ กล่าวต่อว่า ในชั้นนี้จึงจำเป็นต้องรอผลการสอบสวนเพิ่มเติม เมื่อผลการสอบสวนเพิ่มเติมครบถ้วน คณะทำงานและอธิบดีอัยการภาค 1 จะพิจารณาสั่งคดีต่อไป ส่วนที่จะครบกำหนดในวันที่ 23 มิถุนายนนี้ ยังคงนัดตามเดิมเพราะทางพนักงานสอบสวนอาจจะส่งสำนวนการสอบเพิ่มเติมทันกำหนด แต่หากไม่ทันก็ต้องเลื่อนออกไปก่อน
“ประเด็นที่มีบุคคลบางคนให้ข่าวกับสื่อมวลชนว่าหากผู้เสียหายฟ้องคดีนี้ต่อศาลแล้ว อัยการจะไม่สามารถฟ้องคดีนี้ได้อีก โดยบุคคลดังกล่าวอ้างถึงระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการดำเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการ พ.ศ.2563 นั้น สำนักงานอัยการสูงสุดขอชี้แจงว่าความเห็นของบุคคลดังกล่าวไม่ถูกต้องทั้งตามข้อกฎหมายและระเบียบของสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวคือระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการดำเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการ พ.ศ.2563 ข้อ48 (10) ระบุว่า เมื่อคดีเป็นความผิดต่อส่วนตัวและผู้เสียหายได้ยื่นฟ้องแล้ว ไม่ว่าจะได้ยื่นฟ้องก่อนหรือหลังจากที่อัยการได้รับสำนวนการสอบสวน และไม่ว่าคดีที่ผู้เสียหายได้ยื่นฟ้องแล้วนั้นศาลจะพิพากษาแล้วหรือไม่ก็ตาม พนักงานอัยการจะมีคำสั่งยุติการดำเนินคดีนั้นระเบียบดังกล่าวไม่ใช้บังคับกับคดีอาญาแผ่นดินแต่อย่างใดและความเห็นของบุคคลดังกล่าวยังไม่ถูกต้องตามหลักกฎหมายที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา” นายประยุทธ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า การฟ้องเองกับการยื่นฟ้องของอัยการจะส่งผลกระทบต่อคดีหรือไม่ นายประยุทธ กล่าวว่า ในส่วนนี้ขอไม่ก้าวล่วง และไม่ขอออกความเห็น แต่ในส่วนของอัยการนั้นจะดำเนินการตามพยานหลักฐานในสำนวน ส่วนประเด็นที่สอบเพิ่มเติมอีกหลายประเด็นล่าสุดนั้น เป็นความลับทางคดีไม่สามารถเปิดเผยได้เพราะจะเป็นความเสียหายต่อความยุติธรรม แต่บอกได้ว่าเป็นประเด็นที่สำคัญในคดี
ส่วนที่ต้องแถลงในครั้งนี้เนื่องจากมีนักกฎหมายทำคลิปที่อ้างถึงระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดแพร่หลายในโลกโซเชียลว่าหากผู้เสียหายฟ้องคดีเองจะเป็นการตัดสิทธิพนักงานอัยการ จึงต้องออกมาชี้แจงเพราะไม่ตรงกับข้อกฎหมายและระเบียบของสำนักงานอัยการ
วันเดียวกัน นายอัจฉริยะ เข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ต.สมโชติ รัตนอำภา สว.(สอบสวน) กก.4บก.ปปป.ให้ดำเนินคดี พ.ต.ท.พชต วงศ์ประณุฑ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.รัตนาธิเบศร์ กับพวก ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีแตงโม ในข้อหาปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และเป็นเจ้าพนักงานกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 200หลังจากนายอัจฉริยะ ถูกออกหมายเรียกในความผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานและหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา เนื่องจากถูกแจ้งความดำเนินคดีไว้
นายอัจฉริยะ กล่าวว่า นอกจากตนที่ถูกหมายเรียก นายมนตรี เกตุจรัส ผู้เชี่ยวชาญด้านแสง ซึ่งไม่เคยพาดพิงตำรวจ ก็ถูกออกหมายเรียกเป็นผู้ต้องหาร่วมกับตน จึงรู้สึกแปลกใจและมองว่าเป็นการกลั่นแกล้ง คดีนี้อัยการสูงสุด สั่งให้อัยการนนทบุรี สอบสวนเพิ่มเติม คดีจึงยังไม่มีข้อยุติ และเชื่อว่ามีบางประเด็นที่อัยการภาค 1 ให้สอบเพิ่มนั้นเป็นเรื่องที่ตนร้องเรียนให้ตรวจสอบอย่างแน่นอน ซึ่งอาจทำให้คดีประมาทเป็นคดีฆาตกรรมได้ หลังจากนี้ก็จะไปพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก แต่หากไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะออกหมายเรียกพนักงานสอบสวนอาจถูกฟ้องกลับได้
นายอัจฉริยะ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ได้ร่างฟ้องกลับนางภนิดา ศิระยุทธโยธิน มารดาแตงโม เสร็จเรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะเริ่มฟ้องร้องหลังจากศาลนัดไต่สวนคดีในวันที่ 20 กรกฎาคมนี้ โดยกำลังไล่ถอดเทป เชื่อว่ามีคดีนับสิบคดีที่เจ้าตัวกล่าวหาและต่อว่าตน ตอนแรกว่าจะไม่เอาความ แต่ต้องออกมาปกป้องสิทธิเชื่อว่าไม่มีใครมายุยงนางภนิดา เป็นที่ตัวเขาเอง จึงไม่ต้องการไกล่เกลี่ย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี