ศาลแพ่งกรุงเทพฯใต้สั่ง สตช.จ่ายค่าเสียหาย 3.38 ล้าน พร้อมดอกเบี้ย 7.5 ต่อปี ให้เหยื่อวัยโจ๋เมื่อปี 52 หลังถูกตำรวจสืบสวนปราจีนฯ จับใช้ถุงดำคลุมหัวบังคับให้สารภาพคดีวิ่งราวทรัพย์ทั้งที่จับผิดตัว
เมื่อเวลา 9.30 น. วันที่ 28 มิ.ย. ที่ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ถ.เจริญกรุง ศาลอ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำ พ.949/2560 ที่นายฤทธิรงค์ ชื่นจิตร ผู้เสียหายเหยื่อที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจซ้อมทรมานเป็นโจทก์ฟ้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) เป็นจำเลย เรื่องละเมิด เรียกค่าสินไหมทดแทนจำนวน 13 ล้านบาท กรณีสืบเนื่องจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 28 ม.ค. 2552 นายฤทธิรงค์ ชื่นจิตร อายุ 18 ปี โจทก์ (ขณะนั้น) ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดปราจีนบุรี (กก.สส.บก.ภจ.ปราจีนบุรี) จับกุมและซ้อมทรมานทำร้ายร่างกายโจทก์ โดยใช้ถุงดำคลุมศีรษะให้ขาดอากาศหายใจ เพื่อบังคับให้รับสารภาพคดีวิ่งราวทรัพย์ ซึ่งจากการสืบสวนภายหลังพบว่า เป็นการจับคนร้ายผิดคน ต่อมา ปี 2558 นายฤทธิรงค์จึงได้ฟ้องดำเนินคดีอาญาต่อเจ้าหน้าที่ผู้กระทำความผิดในกรณีดังกล่าวรวม 7 นาย
โดยในคดีนี้ ศาลอุทธรณ์ภาค 2 มีคำพิพากษาถึงที่สุดว่า พ.ต.ท.วชิรพันธ์ โพธิราช จำเลยที่ 3 กระทำความผิดจริง เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ตามประมวลอาญา มาตรา 157, 200 วรรคสอง, 295, 296, 309, 310 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 83 ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 อันเป็นบทหนักสุด ให้ลงโทษจำคุก 2 ปี ปรับ 12,000 บาท ฐาน“เป็นเจ้าพนักงานมีอำนาจหน้าที่สืบสวนสอบสวนคดีอาญา กระทำการเพื่อจะแกล้งให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดต้องรับโทษ” จำเลยให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาบ้าง ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 1 ปี 4 เดือน ปรับ 8,000 บาท เมื่อคำนึงถึงประวัติ อาชีพ และสภาพความผิดแล้ว และไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน จึงให้รอการลงโทษเพื่อให้โอกาสจำเลยกลับตัว กล่าวคือรอลงอาญาไว้เป็นเวลา 2 ปี
ต่อมาวันที่ 26 พ.ค.2560 นายฤทธิรงค์ ได้เป็นโจทก์ฟ้อง สตช.ในฐานะหน่วยงานต้นสังกัด เป็นจำเลย ต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้ เรียกค่าเสียหายตาม พ.ร.บ.ความละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 และขอให้ลบทะเบียนประวัติอาชญากรของโจทก์ออกจากทะเบียนประวัติอาชญากร สตช. เพื่อเป็นการชดเชยความเสียหายต่อร่างกายจากการถูกซ้อมทรมานด้วยการทำร้ายและการคลุมถุงดำบังคับให้รับสารภาพ ถือเป็นการละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ใช้อำนาจกักขังหน่วงเหนี่ยวไม่ชอบ ทำให้โจทก์และครอบครัวเสียชื่อเสียง รวมทั้งต้องแบกรับบาดแผลทางจิตใจและภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาและดำเนินคดีมาตลอด 13 ปี
ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า “บาดแผลตามร่างกายของโจทก์ที่ปรากฎตามผลชันสูตร โดยแพทย์ผู้ตรวจมีบาดแผลการกดทับที่ข้อมือสองข้าง รอยกดเจ็บทับที่คอด้านหลัง ไม่พบบาดแผลที่ท้อง มีรอยถลอกด้านซ้ายบน ที่ท้องด้านซ้ายล่าง ใช้เวลารักษา 3 วัน และนายฤทธิรงค์เบิกความด้วยว่า ถูกทำร้ายร่างกายโดยใช้ถูกพลาสติกคลุมศรีษะและมัดรวบด้านหลังหลายครั้งทำให้ขาดอากาศหายใจ เกิดอาการชักเกรง รวมทั้งใช้เข่ากดบริเวณลำตัวไม่ให้ดิ้น ทั้งข่มขู่ว่า หากโจทก์ไม่รับสารภาพ ถ้าโจทก์ตายจะนำศพไปทิ้งที่เขาอีโต้ เป็นเพียงคดีคนหายเท่านั้น เพียงเพื่อให้โจทก์รับสารภาพว่าได้กระทำความผิดอาญา
การกระทำของจำเลยเป็นการทรมานโจทก์ในฐานะผู้ต้องหาโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐเพื่อไม่ให้เกิดร่องรอยบาดแผลบนลำตัวของโจทก์และเป็นการป้องกันตนเองให้พ้นจากความรับผิดทางกฎหมาย ถือเป็นการละเมิดต่อสิทธิมนุษยชนตามกฎบัตรของสหประชาชาติและกฎหมายรัฐธรรมนูญอีกด้วย”
ศาลพิเคราะห์คำเบิกความ และพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายแล้ว เห็นว่า จำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์จริง พิพากษาให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.)ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ จำนวนเงินทั้งสิ้น 3,380,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันกระทำละเมิดต่อโจทก์เมื่อวันที่ 28 ม.ค. 2552 จนถึงวันที่ 10 เม.ยใ 2564 หากรวมดอกเบี้ยถึงวันฟ้อง เป็นจำนวนเงิน 6,844,500 และให้คิดดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปี นับแต่วันที่ 11 เม.ย. 2564 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระให้แก่โจทก์เสร็จสิ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี