ตร.ตามรวบ3โจ๋

ดักจี้ชิงเข็มกลัดพระเกี้ยว

ทำร้ายนร.โรงเรียนชื่อดัง

ตร.บุกรวบทันควัน 3 โจ๋ ก่อเหตุจี้ชิงทรัพย์นร.โรงเรียนดัง ปมแย่งเข็มกลัดพระเกี้ยว เหยื่อฮึดสู้จึงทำร้ายร่างกาย ก่อนเผ่นหนี ไปไม่รอด เปิดปากรับสารภาพ ทำไปด้วยความคึกคะนอง อยากขอโทษเหยื่อ

เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีที่สื่อสังคมออนไลน์ได้โพสต์คลิปวีดีโอกลุ่มวัยรุ่น 3 คน ขับจักรยานยนต์ แล้วใช้อาวุธมีดจี้ชิงทรัพย์เป็นเข็มกลัดตราพระเกี้ยวของนักเรียนโรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) พร้อมกับทำร้ายร่างกายเหยื่อ ก่อนจะหลบหนีไป โดยเหตุเกิดขึ้นไม่ไกลจากบริเวณด้านหน้าของโรงเรียนดังกล่าว เมื่อวันที่ 29 มิถุนายนที่ผ่านมา ว่าทางตำรวจ สน.วังทองหลาง สามารถติดตามจับกุม 3 เยาวชนที่ร่วมกันก่อเหตุในครั้งนี้ไว้ได้แล้ว โดยทั้งหมดถูกควบคุมตัวไปสอบสวนดำเนินคดี ที่ สน.วังทองหลาง

ต่อมา พล.ต.ต.พรชัย ขจรกลิ่น ผบก.น.4ได้เดินทางมาร่วมสอบปากคำผู้ก่อเหตุทั้งหมดด้วยตนเอง ที่ สน.วังทองหลาง โดย พล.ต.ต.พรชัย กล่าวว่า ผู้ต้องหาทั้ง 3 คน เป็นเยาวชนอายุไม่เกิน 15 ปี ซึ่งยังศึกษาอยู่ในสถาบันการศึกษาแห่งหนึ่ง 2 คน ส่วนอีก 1 คน ไม่ได้เรียนหนังสือ ทางเจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมตัวได้ที่บ้านพักในย่านรามคำแหง พร้อมของกลาง อาวุธมีด และจักรยานยนต์ที่ใช้เป็นพาหนะในการก่อเหตุและหลบหนี รวมถึงเสื้อผ้าที่สวมใส่ขณะก่อเหตุ

จากการสอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหาทั้งหมดรับสารภาพว่าลงมือก่อเหตุจริง ส่วนสาเหตุที่ทำลงไปนั้น เป็นเพราะความคึกคะนอง อยากได้เข็มกลัดตราพระเกี้ยวไปห้อยกับโซ่ติดเสื้อ โดยไม่เคยก่อเหตุลักษณะนี้มาก่อน และไม่เคยรู้จักกับผู้เสียหายมาก่อนด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ดี ในช่วงก่อนเกิดเหตุกำลังจะไปซื้อของ เมื่อขับจักรยานยนต์มาใกล้จุดเกิดเหตุพบเห็นกลุ่มผู้เสียหายเดินอยู่ จึงเกิดความคึกคะนอง ลงมือทำร้ายร่างกายและข่มขู่เอาเข็มกลัดตราพระเกี้ยว แต่ผู้เสียหายต่อสู้ขัดขืน ไม่ยอมให้แต่โดยดี จึงชกต่อยเข้าที่ใบหน้าเหยื่อ แล้วพากันหลบหนีไป กะทั่งมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวในเวลาต่อมา

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาร่วมกันชิงทรัพย์โดยมียานพาหนะและทำร้ายร่างกาย ก่อนจะนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี และส่งตัวไปยังศาลเยาวชนฯ ต่อไป

รายงานข่าวระบุว่า ภายหลังเกิดเหตุและกลายเป็นข่าวผ่านสื่อ3เยาวชนที่ก่อเหตุได้ร่วมกันชำแหละซากจักรยานยนต์เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่ติดตามตัวได้ โดยในระหว่างสอบปากคำทั้ง 3คน ก็อยากจะขอโทษผู้เสียหายกับสิ่งที่ได้กระทำลงไป พร้อมกับย้ำว่าเป็นคึกคะนอง ไม่ได้มีสาเหตุโกรธเคืองผู้เสียหายแต่อย่างใด