เดินหน้าโรคประจำถิ่น
ศบค.ชุดใหญ่ถก8ก.ค.ปรับแผน
รับสายพันธุ์BA.4-BA.5ติดพุ่ง
ศูนย์จีโนมคาดยึดไทยต้นก.ย.
เชื่อ‘อนุทิน’ติดสายพันธุ์ใหม่
ป่วยโควิดรายวัน2,354/ตาย16
ศบค.สรุปยอดติดโควิดรายวัน 2,354 ราย ปอดอักเสบเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็น 690 คน ตาย 16 ศพ ด้านศูนย์จีโนมฯชี้โอมิครอนสายพันธุ์ BA.4-BA.5 ลามหลายประเทศทั่วโลกคาดปลายเดือนสิงหาคม-ต้นกันยายนยึดครองไทย ส่วน “อนุทิน” คาดว่าติดแล้ว เลขาฯสมช.เผย 8 กรกฎาคม ศบค.ชุดใหญ่ ถกปรับแผนเดินหน้าเข้า “โรคประจำถิ่น” ประเมินสถานการณ์ระบาด ยัน สธ.รับมือได้ แม้ยอดติดเชื้อเพิ่มขึ้น อนามัยโพลพบปชช.ป้องกันตัวเองมากขึ้น สมัครใจใส่แมสก์เพิ่มขึ้นถึง 91%
เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2565 ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค.รายงานสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยว่า ไทยพบผู้ติดเชื้อ 2,354 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 2,350 ราย ติดเชื้อในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 0 ราย ผู้เดินทางจากต่างประเทศ 4 ราย ขณะที่ยอดการตรวจ ATK ตามข้อมูลกระทรวงสาธารณสุข พบติดเชื้อเข้าข่ายหรือ ATK เป็นบวกอีก 4,814 ราย ส่วนยอดผลบวกสะสมอยู่ที่ 1,865,191 ราย
ปอดอักเสบพุ่ง690-ตายเพิ่ม16ศพ
ขณะที่ผู้ป่วยรักษาหายเพิ่มขึ้น 2,154 ราย หายป่วยสะสม 4,470,495 ราย นับตั้งแต่ปี 2563 อยู่ระหว่างรักษาตัว 24,115 ราย แบ่งเป็นในโรงพยาบาล 10,415 ราย โรงพยาบาลสนามและอื่นๆ 13,700 ราย ในจำนวนนี้มีอาการหนัก ปอดอักเสบ 690 ราย ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ 286 ราย อัตราครองเตียงระดับ 2-3 คิดเป็น 10.10% มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 16 ศพ ยอดผู้เสียชีวิตสะสม 30,664 ศพ นับตั้งแต่ปี 2563 ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 4,525,269 ราย
ทั่วโลกติดBA.4-BA.5เพิ่มต่อเนื่อง
ศ.เกียรติคุณ วสันต์ จันทราทิตย์ หัวหน้าศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาล (รพ.) รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดลเปิดเผยถึงสถานการณ์ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ย่อยโอมิครอน BA.4 และ BA.5 ในประเทศแถบยุโรปว่า จากฐานข้อมูลโควิดโลกหรือ GISAID พบตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น แต่ไม่ได้เพิ่มชันมากจนมีนัยสำคัญ ขณะที่อัตราเสียชีวิตยังคงที่ ทั้งนี้ หากเปรียบเทียบอาจใกล้เคียงหรือน้อยกว่าช่วงการระบาดของเชื้อโอมิครอนแรกๆที่เป็น BA.1 และ BA.2 และเมื่อดูประเทศโปรตุเกส ที่ก่อนหน้านี้มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นของผู้ติดชื้อรายใหม่ที่เป็น BA.4 และ BA.5 ที่น่าตกใจ ขณะนี้กราฟตัวเลขเริ่มลดความชันลง หากมีสถานการณ์น่ากังวล องค์การอนามัยโลกต้องเรียกประชุมด่วน เตรียมการรับมือ แต่ขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณใดๆ
“จากข้อมูลถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมและอัพโหลดแชร์ไว้บน GISAID สัดส่วนโอไมครอนสายพันธุ์ย่อยที่ระบาดในประเทศไทย 18 วันที่ผ่านมา ระหว่างวันที่ 7-24 มิถุนายน พบเป็น BA.2 จำนวน 23 ราย คิดเป็นร้อยละ 28.4, BA.4 จำนวน 11 ราย คิดเป็นร้อยละ 13.6, BA.5 จำนวน 18 ราย คิดเป็นร้อยละ 22.2, BA.2.12.1 จำนวน 8 ราย คิดเป็นร้อยละ 9.9 และอื่นๆ 21 ราย คิดเป็นร้อยละ 25.9”ศ.เกียรติคุณวสันต์ระบุ
คาดยึดไทยปลายส.ค.-ต้นก.ย.
และว่า เปรียบเทียบก่อนหน้านี้เห็นชัดว่า BA.4 และ BA.5 มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น แต่ไม่ชันมาก สอดคล้องกับแนวโน้มทั่วโลกที่ BA.4 และ BA.5 เพิ่มมากขึ้นจนอาจครองพื้นที่ เนื่องจากทุกประเทศก็ผ่อนคลายมาตรการ แม้แต่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) สหรัฐอเมริกา ก็มีแนะนำให้บริษัทผู้ผลิตวัคซีนปรับสูตรวัคซีนเข็มกระตุ้น (บูสเตอร์ โดส) รับมือกับสายพันธุ์ย่อยที่ระบาดขณะนี้ จึงเป็นแนวโน้มทั่วโลกที่สายพันธุ์ย่อยใหม่ๆ จะเข้ามาครองพื้นที่ สำหรับไทย เชื่อว่าประมาณปลายเดือนสิงหาคม หรือต้นเดือนกันยายนนี้ เชื้อโอมิครอน BA.4 และ BA.5 ก็คงครองพื้นที่เช่นกัน
“อนุทิน”น่าจะติด2สายพันธุ์ใหม่
ศ.เกียรติคุณ วสันต์ยังกล่าวถึงกรณี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข (สธ.) ที่ติดเชื้อโควิดหลังกลับจากประชุมในต่างประเทศนั้น เท่าที่ประเมินจากอาการ และยังได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 6 ไปแล้ว อีกทั้ง เป็นการติดเชื้อจากประเทศฝรั่งเศส ซึ่งมีการแพร่ระบาดของเชื้อโอมิครอน BA.4 และ BA.5 เป็นอันดับต้นๆ รองจากโปรตุเกส ก็คงติดเชื้อสายพันธุ์ BA.4 หรือ BA.5 เช่นกัน
กรมวิทย์ฯแถลงผลตรวจหาเชื้อ4กค.
ด้านนพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ให้สัมภาษณ์ว่า เตรียมจะแถลงสถานการณ์การเฝ้าระวังสายพันธุ์โควิด-19 ที่ระบาดในประเทศไทยขณะนี้ วันที่ 4 กรกฎาคม ซึ่งกรมวิทยาศาสตร์ฯตรวจสายพันธุ์และวิเคราะห์เป็นรายสัปดาห์ เพื่อพิจารณาความเร็วในการแพร่ระบาดว่ามากน้อยแค่ไหน ส่วนความรุนแรงของเชื้อ ต้องใช้ระยะเวลาวิเคราะห์ข้อมูล โดยขณะนี้ได้ประสานโรงพยาบาล (รพ.)ต่างๆ ส่งเชื้อผู้ป่วยอาการรุนแรงนำมาถอดรหัสพันธุกรรมเพื่อวิเคราะห์ข้อมูล
อนามัยโพลพบคนใส่แมสก์เพิ่ม91%
นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า หลังราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ข้อกำหนดตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ฉบับที่ 46 ประกาศ เรื่อง การสวมหรือถอดหน้ากากตามความสมัครใจเป็นแบบมีเงื่อนไขนั้น จากข้อมูลการสำรวจอนามัยโพลของกรมอนามัย เรื่อง แนวโน้มพฤติกรรมการปฏิบัติตนตามมาตรการป้องกันโรคระหว่างวันที่ 24-27 มิถุนายน พบว่าประชาชนสวมหน้ากากเมื่อเข้าสถานที่ปิด เมื่อใกล้ชิดผู้ป่วย ผู้เสี่ยงสูงหรือร่วมกิจกรรมที่มีคนรวมตัวกันหนาแน่นเพิ่มขึ้นจาก 89.7% เป็น 91% ล้างมือด้วยสบู่ หรือแอลกอฮอล์ทุกครั้ง เมื่อสัมผัสวัตถุหรือสิ่งของที่ใช้ร่วมกัน เพิ่มขึ้นจาก 89.8% เป็น 91% และคัดกรองตนเองเมื่อมีอาการ หรือเมื่อมีความเสี่ยงด้วย ATK เพิ่มขึ้นจาก 81.4% เป็น 83.5%
สปสช.แถลงยันป่วยโควิดยังรักษาฟรี
วันเดียวกัน ที่สำนักหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสํานักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)แถลงถึงความพร้อมการเข้าสู่โรคประจำถิ่นว่า จากกรณีที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 21 มิถุนายนมอบหมายให้ สธ.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมความพร้อมดําเนินการรองรับการเดินไปสู่โรคประจําถิ่น โดยประชาชนยังได้รับการดูแลรักษาพยาบาลตามสิทธิสุขภาพที่ตนมีอยู่ ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมตามนโยบายรัฐบาล รองรับการเดินหน้าสู่โรคประจําถิ่นเช่นกัน โดยจะนำเข้าพิจารณาในที่ประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพ แห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) วันที่ 4 กรกฎาคม
นพ.จเด็จชี้แจงด้วยว่า มีความเข้าใจคลาดเคลื่อนตั้งแต่ 1 กรกฎาคม สปสช.จะลอยแพผู้ป่วยโควิด ซึ่งสปสช.ขอชี้แจงและยืนยันว่าไม่มีการลอยแพผู้ป่วยโควิดแต่อย่างใด ผู้ป่วยยังได้รักษาฟรีเหมือนเดิม หลังจากนี้หากประชาชนเข้าข่ายติดโควิด ขอรับชุดตรวจ ATK ที่ร้านขายยาใกล้บ้านที่เข้าร่วมโครงการผ่านแอปเป๋าตังหรือใช้บัตรประชาชนไปรับ เพื่อตรวจยืนยันได้ทันที หากขึ้น 2 ขีดคือ ผลเป็นบวกว่าติดเชื้อโควิด กลุ่มที่อาการไม่มากหรือกลุ่มสีเขียวเข้า รักษาที่แผนกผู้ป่วยนอกที่หน่วยบริการประจําตามสิทธิหรือหน่วยบริการปฐมภูมิในพื้นที่ตามนโยบาย 30 บาท รักษาทุกที่ จะได้รับการดูแลรักษาตามแนวทางเจอแจกจบของกระทรวงสาธารณสุข หรือ โทร.ประสานร้านขาย ยาตามรายชื่อที่อยู่ในเว็บไซต์ สปสช.เพื่อรับยาตามโครงการเจอแจกจบที่ร้านขายยาได้เช่นกัน
ใช้“เจอ แจก จบ”หน่วยใกล้บ้านได้
ผู้สื่อข่าวถามถึงประเด็นที่มีการยกเลิกการรักษาตัวที่บ้าน (HI) กับ Hospitel แล้ว มีแต่ “เจอ แจก จบ” หากมีอาการเริ่มรุนแรงเขียวไปเหลือง จะไปรักษาได้ที่ไหน เพราะบางแห่งมีคนร้องว่า ยังมีเรียกร้องให้เอาใบส่งตัวนพ.จเด็จชี้แจงว่า ถ้าอาการผู้ติดเชื้อรุนแรงเพิ่มขึ้นเข้ารับบริการยังหน่วยบริการใกล้บ้านได้เช่นเดิม ถ้าอยู่บริการสีเขียวหรืออยู่เจอแจกจบ หรือหน่วยใดหน่วยบริการดังกล่าว จะประสานส่งตัวให้รักษาที่ เจอแจกจบ ด้วย หากเป็นโรงพยาบาล หรือคลินิก อาจประสานโรงพยาบาลเพื่อส่งต่อซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้ใบส่งตัวเพื่อยืนยันว่าสปสช.จะจ่ายเงินให้แต่การรับใบส่งตัวต้องเป็นใบเพื่อประโยชน์ของผู้ป่วย
ย้ำไม่จำเป็นต้องใช้ใบส่งตัว
นอกจากนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา กรณีผู้ป่วยไปรับบริการยังระบบบริการปฐมภูมิทั่วประเทศไม่จำเป็นต้องให้ผู้ป่วยกลับไปรับใบส่งตัว เช่นเดียวกับผู้ป่วยที่จำเป็นต้องนอนพักรักษาตัวโรงพยาบาลที่ใช้บริการ แม้ผู้ป่วยไม่ได้อยู่ในเขตพื้นที่สามารถให้บริการได้ แล้วค่อยมาเรียกเก็บค่าใช้จ่ายจาก สปสช. โดยไม่จำเป็นต้องให้ผู้ป่วยกลับไปรับใบส่งตัวยังหน่วยบริการต้นสังกัด
8กค.ศบค.ถกปรับแผนเข้าโรคประจำถิ่น
วันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุม ศบค.ชุดใหญ่วันที่ 8 กรกฎาคม จะมีมาตรการต้องปรับเพิ่มหรือไม่ อย่างไรว่า ประเด็นหลักการประชุมวันดังกล่าวจะพิจารณาแผนการเดินหน้าให้โควิด-19 เป็น Endemic หรือการเป็นโรคประจำถิ่นตามที่กระทรวงสาธารณสุข และศบค.ตั้งเป้าไว้ว่าจะเกิดขึ้นวันที่ 1 กรกฎาคม แต่เนื่องจากมาตรการที่เราผ่อนคลายรวมถึงการระบาดทำให้ต้องปรับแผน โดยหารือกันมา 2 สัปดาห์ ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขอยู่ระหว่างปรับแผนให้มีความชัดเจน แล้วจะเสนอให้ศบค.พิจารณาเห็นชอบ
ยันสธ.รับมือโอมิครอนกลายพันธุ์ได้
ส่วนเรื่องอื่นๆที่จะประชุมวันที่ 8 กรกฎาคมคือ การประเมินสถานการณ์การผ่อนคลายที่ผ่านมา การประเมินตัวเลขผู้ติดเชื้อหลังมีเชื้อตัวใหม่เข้ามาว่าเพิ่มขึ้นอย่างไร แต่เท่าที่ฟังมากระทรวงสาธารณสุขยังมีขีดความสามารถรองรับอัตราการครองเตียงอยู่ในเกณฑ์ที่น้อยมาก ภาพรวมทั้งประเทศอยู่ที่ 9% เราตั้งเกณฑ์ไว้ที่ 25% ถ้าเกินก็ต้องยกระดับโดย สธ.รองรับไว้ รวมทั้งจะประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบต่อเนื่อง ทั้งเรื่องฉีดวัคซีน ใส่หน้ากากอนามัย รวมถึงมาตรการป้องกันตัวส่วนบุคคลแบบครอบจักรวาลรวมถึงสถานประกอบการที่ต้องใช้มาตรการโควิดฟรีเซตติ้ง เพื่อให้ทุกคนใช้ชีวิตได้ปลอดภัย
ผู้สื่อข่าวถามว่า ปัจจุบันมีโควิดสายพันธุ์ใหม่ BA.4 BA.5 เข้ามา พล.อ.สุพจน์กล่าวว่า เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องเชื้อโรค แพทย์จะวิเคราะห์วิจัย แต่ตัวเลขผู้ติดเชื้อหนักที่ลงปอดมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ขอให้รอฟังแพทย์ ถึงอย่างไรขอให้ประชาชนสบายใจได้ เพราะแพทย์มีความพร้อมรองรับ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี