เผยคลิปภาพวงจรปิดนาทีหนุ่มวัย 36 ถูกการ์ดใช้ของแข็งตีหัวและรุมทำร้ายในร้านอาหารดัง อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ ก่อนล้มฟุบหมดสติและเสียชีวิตที่ รพ. ด้านการ์ดที่ก่อเหตุยังอ้างแต่ชกต่อยตัวต่อตัวไม่คิดจะถึงตายระบุเสียใจอยากไปขอขมาศพ ขณะญาติไม่อนุญาตให้เข้าไปขอขมาศพเพราะทำไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้หลาน 2 คนต้องกลายเป็นเด็กกำพร้า
ความคืบหน้ากรณีที่นางบุญร่วม มาตย์โพนทอง อายุ 62 ปี ชาวตำบลหนองกี่ อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ พร้อมครอบครัว ได้เข้าแจ้งความที่ สภ.หนองกี่ ให้ดำเนินคดีกับการ์ดร้านอาหารดังแห่งหนึ่งในอำเภอหนองกี่เพราะเชื่อว่าร่วมกันรุมทำร้ายร่างกายนายไพฑูรย์ มาตย์โพนทอง อายุ 36 ปี ลูกชายของตัวเองขณะไปเที่ยวกับเพื่อนที่ร้านอาหารดังกล่าว เมื่อคืนวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา จนนายไพฑูรย์ ลูกชายอาการสาหัส ถูกส่งตัวไปรักษาต่อที่ รพ.บุรีรัมย์ หมอบอกว่ามีอาการเลือดคลั่งในสมอง โดยรักษาได้เพียง 2 วันก็เสียชีวิต ซึ่งพยานยืนยันว่าคนที่ทำร้ายนายไพฑูรย์ เป็นการ์ดร้านอาหารที่ผู้ตายไปเที่ยว ญาติเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงได้เข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับการ์ดที่ทำร้ายร่างกายนายไพฑูรย์จนเสียชีวิต
ล่าสุดวันนี้ (5 ก.ค.65) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยัง สภ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ พบว่า นายชายน้อย หรือน้อย นานาวัน อายุ 39 ปี การ์ดร้านอาหารที่ถูกแจ้งความกล่าวหาว่าทำร้ายร่างกายนายไพฑูรย์ เสียชีวิต ได้เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนเพิ่มเติม หลังจากได้เข้ามอบตัวเมื่อช่วงเย็นวานนี้ พร้อมทั้งได้ทำเรื่องยื่นขอประกันตัวโดยใช้ตำแหน่งสมาชิกสภาเทศบาล และ ผญบ. ยื่นประกัน ซึ่งพนักงานสอบสวนอนุญาตให้ประกัน เพราะผู้ต้องหามามอบตัวเอง ไม่มีพฤติกรรมจะหลบหนี และมีที่อยู่เป็นหลักแหล่งชัดเจน
โดยนายชายน้อย ก็ยอมรับว่า มีการชกต่อยกับผู้ตายจริง แต่เป็นการชกต่อยกันแบบตัวต่อตัวเนื่องจากผู้ตายเป็นคนท้าเพราะมีอาการมึนเมาแล้วพูดจาหาเรื่องการ์ดที่ทำงานในร้าน ตนซึ่งรู้จักและเป็นเพื่อนกับผู้ตายอยู่ก่อนแล้ว จึงเข้าไปบอกให้ผู้ตายหยุดพูดต่อว่าการ์ด แต่กลับทำให้ผู้ตายไม่พอใจแล้วหันมาต่อว่าถึงบุพการีของตน จึงเกิดการชกต่อยกัน ยืนยันว่าแค่ชกไม่ได้ใช้อาวุธอย่างอื่น และไม่ได้มีการรุมทำร้าย แต่มีเพื่อนของแต่ละฝ่ายเข้ามาห้ามปรามเท่านั้น พออชกต่อยกันสักพักต่างก็แยกกันผ่านไปสักพักนายไพฑูรย์ก็ล้มหัวฟาดพื้นแล้วเพื่อนๆเขาที่มาด้วยกันก็พาส่งรพ. มารู้อีกทีว่านายไพฑูรย์เสียชีวิต ตนก็ตกใจและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะตนกับผู้ตายก็เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เรียนประถม เล่นด้วยกัน เตะบอลด้วยกัน ไม่ได้คิดจะทำร้ายเพื่อนจนถึงแก่ชีวิต ซึ่งตอนที่เข้ามามอบตัวตนก็ได้กราบขอโทษแม่ผู้ตายแล้วและตั้งใจว่าเย็นนี้จะเข้าไปกราบขอขมาศพผู้ตายด้วยตัวเอง
แต่คำให้การของนายชายน้อย ผู้ต้องหาค่อนข้างที่จะย้อนแย้งกับคลิปภาพจากกล้องวงจรปิดที่เกิดขึ้นในร้านอาหารวันเกิดเหตุซึ่งในคลิปแม้จะค่อนข้างมืดแต่ก็พอจะเห็นว่าเป็นกลุ่มคนในลักษณะมีเรื่องชกต่อยกันบางช่วงมีชายคนหนึ่งล้มลง และมีคนเข้าไปห้าม แต่ช่วงที่เห็นชัดเจนคือมีชายสวมเสื้อสีดำคนหนึ่งลักษณะใช้มือล้วงอาวุธที่ด้านหลังกางเกงซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นไฟฉายตีเขาที่ศรีษะด้านหลังของนายไพฑูรย์ ไป 2 ครั้ง จนล้มลงแล้วมีชายอีกคนใช้เท้ากระทืบซ้ำอีกจนนายไพฑูรย์ หมดสติก่อนที่เพื่อนจะหิ้วปีกขึ้นรถไปส่งรพ.ซึ่งคลิปดังกล่าวก็จะหลักฐานสำคัญที่ยืนยันได้ว่าวันนั้นเกิดอะไรขึ้นเป็นการทำร้าย หรือล้มหัวฟาดจนทำให้เสียชีวิต
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังวัดบ้านสระสะแก ต.บุกระสัง อ.หนองกี่ ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งศพนายไพฑูรย์ ก็เป็นไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ ต่างยังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะนายเอ อายุ 16 ปี และ ด.ช.บี อายุ 10 ปี ลูกของผู้เสียชีวิตที่ต้องกลายเป็นกำพร้าทั้งพ่อและแม่ เพราะแม่ก็เพิ่งเสียชีวิตเมื่อปลายปีที่แล้ว ส่วนพ่อก็มาเสียชีวิตตามไปอีก โดยน้องเอ ลูกชายคนโต บอกว่ายังทำใจไม่ได้ที่ต้องสูญเสียพ่อไปแบบกะทันหัน ส่วนตัวก็ไม่เชื่อว่าพ่อจะถูกชกต่อยแบบตัวต่อตัวแล้วเสียชีวิต น่าจะเป็นการรุมทำร้ายมากกว่า ก็อยากขอความเป็นธรรมให้พ่อด้วย
ขณะที่ น.ส.กลรัตน์ หรือป้อม อายุ 39 ปี พี่สาวคนตาย บอกว่า จากร่องรอยบาดแผลและรอยยุบที่ศรีษะทำให้เชื่อว่าไม่น่าจะเป็นแค่การชกต่อยกันตัวต่อตัวตามที่คู่กรณีกล่าวอ้างน่าจะเป็นการรุมทำร้ายจนทำให้เสียชีวิตมากกว่า ก็อยากให้ทางเจ้าของร้านเปิดภาพวงจรปิดให้ญาติดูเพื่อความเป็นธรรมกับผู้ตายด้วยเพราะถ้าฟังจากคำพูดของคนโน่นบ้างคนนี้บ้างก็ไม่มีหลักฐาน ซึ่งหากภาพในวงจรปิดเป็นแค่การชกกันตัวต่อตัวก็พร้อมยอมรับ แต่ถ้าเป็นการรุมทำร้ายก็ต้องดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุตามกฎหมายถึงที่สุด ส่วนที่ผู้ก่อเหตุบอกว่าอยากจะมาขอขมาศพ ทางญาติยังไม่อนุญาตให้มาเพราะยังรับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและยังไม่ได้กำหนดวันฌาปนกิจจนกว่าจะได้รับความเป็นธรรม
เบื้องต้นตำรวจได้แจ้งข้อหา “ทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย” พร้อมเร่งสอบปากคำผู้เกี่ยข้องและพยานแวดล้อม และรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อสรุปสำนวนส่งอัยการต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี