“ราษฎรที่ได้รับผลประโยชน์มีทั้งหมด 3 หมู่บ้าน น้ำจากโครงการพระราชดำริที่ได้จัดสรรมาให้ เกษตรกรที่ปลูกผักปลูกปาล์มน้ำมัน ปลูกทุเรียน และทำนา มีน้ำใช้อย่างทั่วถึง ทำให้ไม่มีความเดือดร้อน มีการวางระบบด้วยการปล่อยน้ำลงสระเก็บน้ำที่แต่ละคนขุดไว้ในแปลงเพาะปลูกของตนเอง ส่วนหนึ่งก็นำมาผลิตประปาหมู่บ้าน ต่างจากเมื่อก่อนมาก เมื่อทำนาและทำสวนต้องรอแต่น้ำฝนเพียงอย่างเดียว” นายสมชาย อุ่นแก้วประธานกลุ่มผู้ใช้น้ำโครงการอ่างเก็บน้ำคลองหยาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ต.ปลายพระยา อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ กล่าว
พื้นที่ อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ แม้จะมีฝนตกตลอดปี ดินมีความอุดมสมบูรณ์ แต่จากการขยายตัวของชุมชนได้มีการบุกรุกแผ้วถางป่า เพื่อจับจองเป็นที่ดินทำกิน จึงทำให้ป่าไม้ลดลงเป็นจำนวนมาก ขณะที่สภาพภูมิประเทศ อ.ปลายพระยา เป็นที่ราบเนินเขา มีภูเขาน้อยใหญ่สลับซับซ้อนอยู่เป็นจำนวนมาก พื้นที่แห่งนี้มีเพียง 2 ฤดู เท่านั้น คือ ฤดูฝนและฤดูร้อน เนื่องจากเป็นเส้นทางของลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดผ่านทะเลอันดามัน และมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดผ่านอ่าวไทย ทำให้มีฝนตกชุกตลอดทั้งปี แต่ไม่มีแหล่งเก็บกักน้ำ ในช่วงฤดูฝนน้ำจะไหลบ่าลงสู่พื้นที่ที่ต่ำกว่าอย่างรวดเร็ว เมื่อถึงฤดูร้อนจึงขาดแคลนน้ำทั้งเพื่อการอุปโภค-บริโภคและการเกษตร
เพื่อเป็นการช่วยเหลือราษฎรให้มีน้ำใช้อย่างเพียงพอตลอดทั้งปี โครงการอ่างเก็บน้ำคลองหยาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ต.ปลายพระยา อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ จึงได้เกิดขึ้นตามพระราช
ดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ซึ่งได้พระราชทานไว้เมื่อปี 2530
โดยสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) ได้ประสานสนับสนุนงบประมาณให้กรมชลประทานดำเนินการก่อสร้างในปี 2533 แล้วเสร็จในปี 2535 มีขนาดความจุ 3,200,000 ลูกบาศก์เมตร ปัจจุบันสามารถส่งน้ำสนับสนุนการอุปโภค-บริโภคให้ราษฎร หมู่ที่ 1, 2, 3 (บางส่วน) และหมู่ที่ 8 รวมถึงพื้นที่ใกล้เคียงรวมประมาณ 800 ครัวเรือน ราษฎร 2,400 คน พื้นที่การเกษตรและนาข้าว (โรงสีข้าวพระราชทาน) รวมจำนวนประมาณ 3,932 ไร่ มีน้ำใช้ได้อย่างเพียงพอตลอดทั้งปี ส่งผลให้ราษฎรสามารถประกอบอาชีพเกษตรกรรมได้อย่างต่อเนื่อง
ด้าน นายเสน่ห์ เจียมบุตร ประธานกลุ่มผู้ทำนาบ้านปากน้ำ ต.ปลายพระยา อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ เผยว่า เมื่อก่อนทำนาแบบหวาดระแวงว่าฝนจะตกต้องตามฤดูกาลหรือไม่ หลังจากที่พระองค์พระราชทานโครงการฯ มา ทุกคนทำนาได้อย่างมั่นใจเพราะมีน้ำในอ่าง ไม่ต้องกังวล ข้าวที่ปลูกปัจจุบันมีหลายสายพันธุ์ เช่น กข43 ข้าวหอมปทุมธานี 1 และข้าวไรซ์เบอร์รี่
“หลังจากเก็บเกี่ยวแล้วสมาชิกจะมาใช้บริการที่โรงสีข้าวพระราชทาน ซึ่งโรงสีนี้ ชาวบ้านจากต่างจังหวัด เช่น อำเภอทับปุด จังหวัดพังงา อำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ก็มาใช้บริการที่นี่ อัตราการสีก็กิโลกรัมละ 2.50 บาท โรงสีสีได้ประมาณ 200 กิโลกรัมต่อ 1 ชั่วโมง สำหรับอำเภอปลายพระยาในตอนนี้ไม่ต้องไปซื้อข้าวจากที่อื่นมากิน ข้าวที่ปลูกในพื้นที่สามารถเลี้ยงคนปลายพระยาได้ทั้งหมด” นายเสน่ห์ เจียมบุตร กล่าว
สำหรับโครงการพัฒนาการปลูกข้าวเพื่อบริโภคครบวงจรใน อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ นั้นสืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2530 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้พระราชทานพระราชดำริ ให้ส่งเสริมการปลูกข้าวในสหกรณ์นิคมอ่าวลึก จ.กระบี่ และพระราชทานโรงสีข้าวขนาดเล็กให้ 1 แห่ง เพื่อใช้สีข้าวของราษฎรในท้องถิ่น โดยคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) ได้ให้การสนับสนุนงบประมาณแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินงานโครงการฯ ซึ่งผลการดำเนินงานในปี 2564 มีเกษตรกรทำนา จำนวน 28 ครัวเรือน รวมผลผลิตข้าวเปลือกที่ได้จากทั้งการทำนาปรังและนาปีประมาณ 11,634 ถัง เป็นนาปรัง 66.5 ไร่ ผลผลิตต่อปี 4,190 ถัง และนาปี 112 ไร่ ผลผลิตต่อปี 7,444 ถัง เกษตรกรมีรายได้ 2,032,320 บาท ปัจจุบันโรงสีข้าวพระราชทานอยู่ภายใต้การบริหารจัดการของสหกรณ์นิคมปากน้ำ จำกัด โดยมีเครื่องสีข้าว จำนวน 2 เครื่อง ในปี 2564 ได้มีการจัดตั้งศูนย์เรียนรู้โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริต้นแบบ ณ โรงสีข้าวพระราชทาน ทำให้ราษฎรในพื้นที่และใกล้เคียง มีข้าวบริโภคได้อย่างเพียงพอ รวมทั้งได้ส่งเสริมให้มีการปลูกข้าวเพิ่มมากขึ้น เพื่อสร้างความมั่นคงให้ครัวเรือนรวมทั้งรักษาวิถีชีวิตการทำนาไว้ให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้ สืบไป
เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2565 พลเอกกัมปนาท รุดดิษฐ์ องคมนตรี ประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่ภาคใต้ พร้อมด้วยพลเอกเฉลิมชัยสิทธิสาท องคมนตรี รองประธานอนุกรรมการฯ นายสมศักดิ์ เพิ่มเกษร รองเลขาธิการ กปร. และคณะอนุกรรมการฯ เดินทางลงพื้นที่จังหวัดกระบี่ เพื่อติดตามผลสัมฤทธิ์ และการขยายผลต่อยอดโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อสร้างประโยชน์สุขแก่ราษฎร สนองพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยคณะเดินทางไปยังโครงการอ่างเก็บน้ำคลองหยาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ต.ปลายพระยา อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ เพื่อรับฟังรายงานสรุปผลสัมฤทธิ์จากโครงการฯ
ในการนี้ องคมนตรีได้ให้ข้อเสนอแนะแนวทางในการพัฒนาต่อยอดโครงการฯ เพื่อให้เป็นไปตามพระบรมราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยขอให้ทุกหน่วยงานร่วมกันให้ความช่วยเหลือราษฎรที่ยังประสบปัญหาตามแผนงาน ในการสร้างระบบสาธารณูปโภคทั้งถนนและไฟฟ้า รวมทั้งการก่อสร้างสถานีสูบน้ำพร้อมระบบส่งน้ำ เพื่อให้ราษฎรที่อยู่นอกเขตชลประทานได้ใช้น้ำอย่างทั่วถึง จากนั้นได้พบปะให้กำลังใจราษฎร และร่วมปล่อยพันธุ์ปลาเพื่อเป็นแหล่งอาหารโปรตีนต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี