ปชช.ต้องสวมเพื่อความปลอดภัย
สธ.หนุนสวมแมสก์
เตรียมเสนอศบค.ใส่ในพื้นที่ปิด
กทม.เน้นกลุ่มเสี่ยงใส่แมสก์ตลอดเวลา
นายกฯห่วงช่วงหยุดยาวย้ำยกการ์ดสูง
ติดโควิด2ระบบพุ่ง6,507ราย/ตาย22ศพ
โควิดไทยติดเชื้อรายวัน 2,428 คน ผลบวก ATK 4,079 พุ่ง 6,507 คนตายเพิ่ม 22 ศพ “อนุทิน”พร้อมรับฟังทุกข้อเสนอหนุนไอเดีย“หมอประสิทธิ์”แนะรัฐออกระเบียบใส่แมสก์ในพื้นที่ปิด เล็งนำเข้าหารือที่ประชุม ศปก.ศบค.ก่อนเสนอ ศบค.ชุดใหญ่พิจารณา ศุกร์ 8 กรกฎาคม ยันรัฐบาล สธ.ศบค.นายกฯย้ำเสมอให้ใส่แมสก์ไว้ก่อนเพื่อความปลอดภัยของประชาชนเองไม่ได้ตั้งเข็มให้ถอด
มีแต่หน่วยงานอื่นพูด ย้ำดูสถานการณ์ระบาดเป็นหลัก ดีขึ้น ก็ผ่อนคลายเพิ่ม ตึงก็จัดการเป็นจุดๆ ขณะที่ สธ.ลงนามสัญญาแลกวัคซีนแอสตร้าฯกับ LAAB ประหยัดงบฯ 125ล้านบาท เล็งใช้เสริมภูมิกลุ่มเสี่ยง 608
เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2565 ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทยประจำวัน มีรายละเอียดดังนี้
ติดเชื้อใหม่รวมATKทะลุ6,507ราย
ไทยพบผู้ติดเชื้อในประเทศ 2,428 ราย เป็นการติดเชื้อในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 1 ราย ติดเชื้อจากต่างประเทศ 3 ราย รักษาหายเพิ่มขึ้น 2,049 ราย หายป่วยสะสม 4,480,895 ราย นับตั้งแต่ปี 2563 อยู่ระหว่างรักษาตัว 24,792 ราย แบ่งเป็น ในโรงพยาบาล 9,987 ราย โรงพยาบาลสนามและอื่นๆ 14,805 ราย ผลเป็นบวกจากการตรวจ ATK วันที่ 6 กรกฎาคม ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขรายงานว่ามีผู้ติดเชื้อเข้าข่าย 4,079 ราย รวมกับยอดผู้ติดเชื้อภายในประเทศ 2,428 ราย เท่ากับมีผู้ติดเชื้อรายวันทั้งหมด 6,507 ราย
โคมาพุ่งต่อเนื่อง727/ตายเพิ่ม22
มีผู้ป่วยอาการหนัก 727 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 318 ราย อัตราครองเตียงระดับ 2-3 อยู่ที่ 11.1% มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 22 ศพ ยอดผู้เสียชีวิตสะสม 30,758 ศพนับตั้งแต่ปี 2563 ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 4,536,445 ราย ประเทศไทยเป็นอันดับที่ 26 ของโลก
ฝรั่งเศสติดเชื้อวันเดียวทะลุ2แสน
ศบค.ยังรายงานสถานการณ์ระบาดโควิด-19ในหลายประเทศทั่วโลกด้วยว่า มีรายงานผู้ติดเชื้อ 780,115 รายต่อวันและมีผู้เสียชีวิตรวม 1,252 ศพ โดยประเทศที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุดคือ ฝรั่งเศส 206,554 ราย
หนุนหมอประสิทธิ์บังคับใส่แมสก์พื้นที่ปิด
ที่เมืองทองธานี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ขอให้สธ.เสนอศบค.ออกมาตรการบังคับให้สวมหน้ากากในพื้นที่ปิดว่า สธ.ประชุมคณะกรรมการอีโอซีทุกเช้า คณบดีแพทย์จากสถาบันต่างๆก็ร่วมด้วย ขั้นตอนการนำเสนอมีอยู่แล้ว ทุกอย่างเราฟังหมด หากอีโอซีเสนอขึ้นมาผ่าน ศบค. ส่วนใหญ่ก็ผ่าน ที่ผ่านมาเสนออะไรไปก็รับหมด ไม่เคยเห็นมีการไม่เห็นด้วย การได้รับคำแนะนำ ข้อชี้แนะดีๆ จากผู้ทรงคุณวุฒิเป็นบุญของ สธ.ที่มีคนเข้ามาช่วยคิดช่วยทำงานมากมาย เราพร้อมอยู่แล้วถ้าเป็นประโยชน์
ผู้สื่อข่าวถามว่าการประชุมศบค.วันที่ 8 กรกฎาคมจะเสนอมาตรการอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ก่อนประชุมศบค.ชุดใหญ่ จะประชุมศปก.ศบค.หรือชุดเล็ก ก็จะเสนอมาตรการต่างๆ ถ้าสถานการณ์ดีขึ้นก็เร่งลดหย่อน ถ้าสถานการณ์ตึงจะไปดูเป็นจุดๆ ว่าเราควรแก้ไขอย่างไร อย่างช่วงนี้สิ่งที่เราเห็นศบค.และสธ.ไม่เคยพูดเลยว่า ถึงเวลาปลดหน้ากากแล้ว มีแต่หน่วยงานอื่นพูด
รบ.-สธ.-ศบค.ไม่เคยพูดให้ถอด
“รัฐมนตรี ปลัด นายกรัฐมนตรี ศบค. พูดแต่ว่าถ้าใส่ได้ใส่เถอะ อย่าไปถอดเลย ทุกอย่างใส่แล้วก็เป็นการลดความเสี่ยงเป็นประโยชน์ต่อประชาชนทั้งนั้น หากอยากจะถอดก็ประเมินสถานการณ์เอา ก็เป็นไปตามที่เราพูดทุกอย่าง ไม่ได้ตั้งเข็มว่าจะถอดหน้ากากอย่างเดียว พอถึงเวลาถ้ามีปัญหาขึ้นมาก็จะเป็นความเคลือบแคลงสงสัยและไปหาคนรับผิดชอบ ซึ่งไม่เกิดประโยชน์ ช่วงนี้ใส่ได้เราก็ใส่ เพื่อตัวเราเอง” นายอนุทินกล่าว และว่า โควิดติดได้ทุกที่ที่มีการสัญจรไปมา รวมกลุ่มคนจำนวนมาก ต้องระวัง ฉีดวัคซีนแล้วช่วยได้เยอะ ถึงแม้ติดก็ไม่เป็นอะไร นี่คือเจตนารมณ์ที่รัฐบาลและสธ.พยายามออกมาชี้แจงว่า ถ้าเราป้องกันตนเองเต็มที่ แม้ติดเชื้อก็จะไม่เป็นอะไร ถึงจะเดินหน้าไม่ว่าเป็นโรคประจำถิ่นหรืออะไร ซึ่งในกฎหมายก็ไม่มีโรคประจำถิ่น มีแต่โรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง เราพยายามทำให้ทุกอย่างเป็นปกติมากที่สุด
สธ.เซ็นแลกวัคซีนAZกับLAAB
วันเดียวกัน ที่กระทรวงสาธารณสุข ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข เป็นประธานพิธีลงนามสัญญาจัดหาแอนติบอดีสำเร็จรูป แบบ Long Acting Antibodies (LAAB) เพื่อป้องกันโควิดระหว่างนพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค และนายเจมส์ ทีก ประธานบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด
นายอนุทิน กล่าวตอนหนึ่งว่าว่า ที่ผ่านมา สธ.โดยกรมควบคุมโรคจัดหาวัคซีนโควิด มาฉีดสร้างภูมิคุ้มกันแก่คนไทย การฉีดวัคซีนทุกชนิด มีประสิทธิภาพที่ป้องกันโรคได้ดี แต่ก็ยังมีประชากรบางกลุ่มที่รับวัคซีนแล้ว ร่างกายไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้ดีหรือภูมิคุ้มกันตกลงเร็ว เสี่ยงติดเชื้อแล้วป่วยหนักและเสียชีวิต ได้แก่ กลุ่มผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง ผู้ปลูกถ่ายอวัยวะหรือปลูกถ่ายไขกระดูกและได้รับยากดภูมิคุ้มกัน โดยเฉพาะผู้ป่วยไตวายเรื้อรังที่เสียชีวิตจากโควิดทุกวัน ดังนั้น สธ.จัดหาแอนตีบอดีสำเร็จรูป แบบ Long Acting Antibodies (LAAB) มาใช้ดูแลกลุ่มเสี่ยงดังกล่าว เพื่อป้องกันป่วยหนักและเสียชีวิต จึงได้ลงนามความร่วมมือกับบริษัทของแอสตร้าเซนเนก้าปรับสัญญาเดิม เปลี่ยนวัคซีนแอสตร้าฯบางส่วนมาเป็น ยา LAAB 2.5 แสนโดส ภายในกรอบวงเงินงบประมาณเดิมที่ ครม.อนุมัติ
ใช้เสริมภูมิฯด่วนให้กลุ่มเสี่ยง608
สำหรับ LAAB คือ ยารักษาโรคโควิดที่ใช้ฉีดเข้าร่างกายมีคุณสมบัติเป็นทั้งเสริมภูมิคุ้มกันและรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด โดย LAAB มีประโยชน์ต่อผู้ป่วยโควิดที่มีโรคประจำตัว กลุ่ม 608 โดยเฉพาะผู้สูงอายุมาก ไตวายเรื้อรัง เปลี่ยนอวัยวะ และกลุ่มผู้ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน เพราะภูมิฯจากวัคซีนขึ้นไม่มาก ทั้งนี้ เราจัดหาวัคซีนบูสเตอร์โดสไว้สำหรับปี2565 ถึงปี 2566 และได้รับบริจาควัคซีนจากนานาประเทศ ทำให้เราฉีดบูสเตอร์โดสได้เพียงพอ จึงหารือกับแอสตร้าฯขอแลกเปลี่ยนด้วยการลดจำนวนวัคซีนลดแล้วเพิ่ม LAAB โดยไม่ต้องเพิ่มงบประมาณ และผ่านการรับรองใช้แบบในภาวะฉุกเฉินที่สหรัฐอเมริกาและอังกฤษแล้ว อีกทั้ง สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ของประเทศไทยอนุมัติให้ใช้ในภาวะฉุกเฉินเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน ข้อบ่งใช้ในผู้ที่ภูมิคุ้มกันต่ำ ตั้งแต่อายุ 12 ปีขึ้นไป มีน้ำหนักตัวไม่น้อยกว่า 40 กิโลกรัม โดยให้ก่อนการสัมผัสโรค ฉีดเข้ากล้ามเนื้อทุก 6 เดือน มีประสิทธิผลร้อยละ 83 ลดความเสี่ยงอาการรุนแรงของโควิด และจากการศึกษาพบมีความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์
แลกLAAB2.5แสนโดสประหยัดงบ125ล.
“การลงนามในสัญญาวันนี้ผ่านขั้นตอนจาก ครม.แล้ว โดยการแลกเปลี่ยนจะเป็น LAAB 2.5 แสนโดสโดยประมาณ เป็นการปรับงบประมาณจากกรอบจัดหาวัคซีนเดิมที่ผ่านครม.แล้ว หลังแลกเปลี่ยนทำให้งบในกรอบเดิมลดลง 125 ล้านบาทจากสัญญาจัดซื้อวัคซีนแอสตร้า ถือว่าวินวินทั้งสองฝ่าย” นายอนุทินกล่าวและว่า ล็อตแรกจะเข้ามาถึงไทย 7,000 โดสภายในเดือนกรกฎาคมนี้ ขณะที่กรมควบคุม จะกำหนดคุณสมบัติของผู้รับ LAAB และกระจายไปแต่ละพื้นที่
ยันระบบ สธ.ไทยรับมือโควิดได้
นายธนกร วังบุญคงชนะโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ติดตามสถานการณ์ระบาดโควิด-19 ใกล้ชิด ขณะนี้พบการติดเชื้อโควิดเพิ่มขึ้นเป็นระลอกเล็กๆ (Small Wave) อาจเป็นผลมาจากการผ่อนคลายมาตรการและเปิดประเทศมีผู้เดินทางเข้าและออกประเทศมากขึ้น อย่างไรก็ตาม นายกฯขอให้ประชาชนเชื่อมั่นระบบสาธารณสุขของประเทศไทยว่ายังเข้มแข็ง ซึ่งสธ.และทุกหน่วยงานระดับส่วนกลางและพื้นที่เตรียมรองรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาพร้อมรับมือทุกด้านเพียงพอ คือ หมอพอ เตียงพอ ยาและเวชภัณฑ์พอ รวมถึงเร่งฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้ครอบคลุมมากขึ้น เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่
ย้ำปชช.เข้มมาตรการ2Uช่วงหยุดยาว
นอกจากนี้ ขอให้ประชาชนยังต้องเข้มข้นปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุข 2U ตามที่หน่วยงานด้านสาธารณสุขแนะนำคือ Universal Prevention มาตรการป้องกันโรค ทั้งเว้นระยะห่าง ล้างมือ สวมหน้ากาก เพื่อป้องกันและลดการแพร่กระจายของเชื้อโควิด และ Universal Vaccination คือ มาตรการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุม โดยเฉพาะวัคซีนเข็มกระตุ้น เพื่อให้มีภูมิคุ้มกันสูงขึ้นต่อเนื่อง ทั้งนี้ นายกฯเป็นห่วงประชาชนที่กำลังวางแผนเดินทางไปร่วมกิจกรรมทางศาสนา และท่องเที่ยวช่วงสัปดาห์หน้า ที่มีวันหยุดยาวติดต่อกันหลายวัน และเป็นวันเข้าพรรษา ขอให้ทุกคนดูแลสุขภาพและระวังตนเองให้ปลอดภัย ทั้งการเดินทางและการปฏิบัติตนตามมาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด
กทม.ตั้งการ์ดกลุ่ม608ใส่แมสก์ตลอดเวลา
ด้าน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(ผู้ว่าฯกทม.)ให้สัมภาษณ์หลังประชุมหารือความร่วมมือกับการรถไฟแห่งประเทศไทยถึงสถานการณ์โควิด-19 ที่กลับมาระบาดอีกครั้งว่า จากสถานการณ์ที่เกิดจากการเปิดทำกิจกรรมมากขึ้น แต่อาการของโรคไม่ได้รุนแรงมาก ที่น่าเป็นห่วงคือ กลุ่มคน 608 เนื่องจากคนที่อายุน้อยกว่าติดโควิด-19 แล้วมีการแพร่เชื้อให้คนกลุ่ม 608 จึงต้องเพิ่มความระมัดระวังโดยสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ซึ่งให้ผศ.ดร.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าฯกทม. ลองทบทวนมาตรการทางสาธารณสุขกับกลุ่มคน 608 นอกจากนี้เมื่อเช้าตนได้พูดคุยกับพี่ชาย บอกว่าให้ระวังผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว มีโอกาสที่เด็กหรือวัยรุ่นเอาเชื้อมาติด
BA.4-BA.5ระบาดในสหรัฐกว่า70%
ด้าน สถานการณ์ระบาดโควิด-19 ในต่างประเทศ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐเปิดเผยว่า โควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนที่กลายพันธุ์เป็นสายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 กำลังแพร่ระบาดในสหรัฐฯอัตราส่วนสูงถึง 70.1% ของการระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศ และคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐฯออกคำแนะนำให้บริษัทผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 เร่งปรับสูตรวัคซีนเข็มบูสเตอร์ช่วงฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ เพื่อรับมือการระบาดโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5
จีนโควิดลามใหม่ปะทุหลายพื้นที่
เช่นเดียวกับ จีนที่โควิด-19 กลับมาระบาดอย่างหนักในหลายพื้นที่ของประเทศ รวมถึงนครเซี่ยงไฮ้ ทำให้ทางการจีนส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจหาเชื้อให้ประชาชนจำนวนมาก และประกาศบังคับใช้มาตรการป้องกันระบาดเข้มงวดอีกครั้ง สำหรับจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ของจีนนั้น เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 300 คนต่อวัน
แต่การพบผู้ติดเชื้อในเมืองสำคัญ อาจทำให้จีนต้องกลับไปใช้มาตรการเข้มงวดอีกครั้ง และกระทบความเชื่อมั่นในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะนครเซี่ยงไฮ้ กำลังตรวจหาเชื้อให้ประชาชนทุกคนใน 9 เขต จาก 16 เขต และสั่งระงับ บริการร้านบริการคาราโอเกะชั่วคราว หลังพบผู้ติดเชื้อที่เกี่ยวข้องกับเคทีวี เลานจ์ สำหรับกรุงปักกิ่ง เจ้าหน้าที่ขอให้สถานีขนส่งและโรงแรม ยึดมาตรการป้องกันเข้มงวดสูงสุด เช่น ตรวจวัดอุณหภูมิและขอดูผลตรวจหาเชื้อโควิด ซึ่งคณะกรรมาธิการสุขภาพแห่งชาติของจีน รายงานวันนี้ว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั่วประเทศเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 427 ราย เพิ่มขึ้นจากเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคมที่มี 418 ราย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี