ผอ.โรงเรียนพะตงประธานคีรีวัฒน์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เข้าพบสมาคมหนังสือพิมพ์ภูมิภาคแห่งประเทศไทย (สนพท.) เผยเพิ่งทราบเรื่องกรณีครูและกรรมการโรงเรียนกักขัง ชิงทรัพย์นักข่าว พร้อมสอบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นเพื่อหาทางคลี่คลายคดี
จากรณีที่นายสมเพชร เสาร์คำ ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์และทีวีหลายช่องในภาคใต้ตอนล่างถูกครูและกรรมการสถานศึกษาโรงเรียนพะตงประธานคีรีวัฒน์ ต.พะตง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ได้ทำการกักขัง หน่วงเหนียว, ชิงทรัพย์ และหมิ่นประมาท ในขณะที่เข้าไปเพื่อขอสัมภาษณ์ในกรณีที่ครูผู้ปกครองทำโทษนักเรียนหน้าเสาธงด้วยการใช้ ปัตตาเลี่ยน กล้อนผมนักเรียนและเป็นข่าวดังในโซเชียล เพื่อที่จะไปสัมภาษณ์ผู้อำนวยการถึงข้อเท็จจริง โดยได้ขออนุญาตจาก รปภ.และแจ้งให้ รปภ.ของโรงเรียนทราบถึงวัตถุประสงค์ของการเข้าไปในโรงเรียนแล้ว แต่ถูกครูและกรรมการโรงเรียนคุมตัวไปสอบสวนด้วยการกักตัวไว้ในโรงเรียนกว่า 2 ชั่วโมงและยึดโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่องไปตรวจสอบกล่าวหาว่าเป็นนักข่าวปลอมก่อนที่จะเรียกตำรวจมานำตัวนายสมเพชรไปยัง สภ.ทุ่งลุง เพื่อดำเนินคดี แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำโทรศัพท์คืนให้และไม่รับแจ้งความ
หลังจากนั้นนายสมเพชร ได้เข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.ปิยะพงษ์ สังข์ทอง ร้อยเวรเพื่อให้ดำเนินคดีกับครูและกรรมการสถานศึกษาทั้งหมดในข้อหาชิงทรัพย์, กักขังหน่วงเหนี่ยว และหมิ่นประมาท
ความคืบหน้าในกรณีดังกล่าวในวันนี้ (9 ก.ค.65) เมื่อเวลา 14.00 น.นายอภัย ภัยภักดี ผู้อำนวยการโรงเรียนพะตงประธานคีรีวัฒน์ ได้เดินทางมายังสำนักงานสมาคมหนังสือพิมพ์ภูมิภาคแห่งประเทศไทย (สนพท.) ถนนไทยอาคาร อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยเข้าชี้แจงกับนายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล นายกสมาคมหนังสือพิมพ์ภูมิภาคแห่งประเทศไทย (สนพท.) ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น โดยนายอภัย ชี้แจงว่าในวันที่เกิดเหตุตนปฏิบัติหน้าที่อยู่ในโรงเรียนและอยู่ระหว่างการประชุมเจ้าหน้าที่จึงไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นและไม่มีเจ้าหน้าที่มาแจ้งให้ทราบว่ามีนักข่าวเข้ามาในโรงเรียนเพื่อขอพบและสัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีการทำโทษด้วยการกล้อนผมนักเรียนหน้าเสาธง ถ้ามีเจ้าหน้าที่มาแจ้งให้ทราบคงจะไม่เกิดเรื่องอย่างที่เกิดขึ้น
ส่วนในเรื่องของการตรวจสอบผู้ที่เข้ามาในบริเวณโรงเรียน เป็นมาตรการรักษาความปลอดภัยตามระเบียนของสถานที่ราชการ เป็นจุดที่มีการ สกรีนผู้ที่เป็นบุคคลภายนอกที่เข้ามาในโรงเรียน ในเบื้องต้นทราบเพียงว่า ผู้สื่อข่าวไม่มีบัตรประจำตัวเพื่อแสดงกับเจ้าหน้าที่ จึงทำให้ต้องมีการนำตัวไปพูดคุยและเข้าใจว่าเรื่องทั้งหมดได้มีการทำความเข้าใจที่ สภ.ทุ่งลุง เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้น เมื่อมีการแจ้งความเกิดขึ้นจะต้องกลับไปดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงให้ละเอียดอีกครั้งเพื่อที่จะได้ทราบถึงรายละเอียดทั้งหมด
นายสมเพชร ผู้สื่อข่าวผู้ถูกกระทำได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า เมื่อมาถึงที่ สภ.ทุ่งลุง หลังจากที่ตำรวจยืนยันว่าตนเป็นนักข่าวจริง ไม่ใช่นักข่าวปลอมและได้นำโทรศัพท์ที่ถูกยึดไป 2 เครื่องคืนให้กับตนแล้ว ตนยังถูกคุกคามจากครูและกรรมการสถานศึกษาของโรงเรียนให้ขอโทษครูและกรรมการสถานศึกษาอีกด้วย ทั้งที่โดยข้อเท็จจริงครูและคณะกรรมการสถานศึกษาต้องขอโทษตนที่เป็นผู้ถูกกระทำ ส่วนในความคืบหน้าของคดีนั้นร้อยเวรได้นัดหมายในวันอังคารนี้เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติมก่อนที่จะออกหมายเรียกผู้ที่เป็นกลุ่มผู้ชิงทรัพย์และกักขังหน่วงเหนี่ยวและหมิ่นประมาทตนเอง มารับทราบข้อกล่าวหา - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี