โฆษกศาลยุติธรรม ยันออกหมายจับตาม พ.ร บ.จราจรฯ เป็นไปตามกฎหมาย เมื่อออกหมายเรียกแล้วไม่มารายงานตัว แต่ต้องดูพฤติการณ์ก่อนว่าเป็นเรื่องร้ายหรือ ไม่ใช่ทำทุกคดี
15 กรกฎาคม 2565 นายสรวิศ ลิมปรังษี โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวถึงกรณีที่ตำรวจมีแนวคิดเตรียมใช้มาตรการขอศาลออกหมายจับผู้ที่ถูกใบสั่งจราจรจำนวนมาก แต่ไม่ยอมชำระค่าปรับตามกฎหมาย ว่า ตาม พ.ร.บ.จราจรฯ ฉบับที่ 13 ไม่ได้พูดเรื่องการออกหมายจับไว้ ฉะนั้นการออกหมายจับเป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 66 วรรคสองกำหนดโดยวรรคหนึ่งระบุว่าถ้าเป็นความผิดมีโทษจำคุกเกิน 3 ปี เป็นเหตุให้ออกหมายจับได้ แต่ถ้าโทษจำคุกไม่ถึง 3 ปี และมีพฤติการณ์หลบหนีก็เป็นอีกเหตุหนึ่งที่สามารถออกหมายจับได้
ส่วนวรรคสอง บอกว่ามีหมายเรียกแล้วไม่มาถือว่ามีพฤติการณ์หลบหนี ที่ตำรวจจะใช้น่าจะเป็นวรรคสอง คือมีการออกหมายเรียกแล้วไม่มาพบถือว่ามีพฤติการณ์หลบหนี
โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวอีกว่า เรื่องการพิจารณาออกหมายจับของศาลถ้าสังเกตวิธีการที่ศาลใช้ อย่างคดีนักการเมืองบางคนที่ตกเป็นผู้ต้องหาก็มีโดยออกหมายเรียกแล้วไม่มา แต่ศาลก็ไม่ได้ใช้วิธีการออกหมายจับทุกครั้ง ฉะนั้นไม่ว่าคดีใหญ่คดีเล็กก็ต้องดูพฤติการณ์แต่ละเรื่องแต่ละคดีไป ศาลก็ต้องพิจารณาข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ดูข้อมูลที่ตำรวจอธิบายมาว่าเคยทำผิดมาแล้วกี่ครั้ง เหมือนกรณีการอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวแต่ละคดี
นายสรวิศ กล่าวเพิ่มเติมว่า การออกหมายเรียก-หมายจับผู้เกี่ยวข้องมีทั้งผู้ต้องหากับผู้ที่บังคับใช้กฎหมาย ทางผู้ต้องหาอาจมองว่าเป็นความผิดเล็กน้อยที่ส่วนใหญ่อาจมีเพียงโทษปรับไม่น่าเป็นเหตุถึงขนาดต้องมีการออกหมายจับจนทำให้เกิดความเดือดร้อนและกระทบต่อสิทธิเสรีภาพ แต่ในขณะเดียวกันทางฝั่งเจ้าหน้าที่ที่บังคับใช้กฎหมายก็มองว่าเมื่อบังคับใช้กฎหมายแล้วไม่ได้รับความเคารพ มีพฤติการณ์ที่ฝ่าฝืนกฎหมายอยู่เป็นนิจ เป็นประจำๆ กฎหมายก็ไม่มีความศักดิ์สิทธิ์และอาจเป็นเหตุให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่น หากไม่มีมาตรการที่เข้มงวดจะยิ่งทำให้คนที่กระทำผิดไม่ตระหนักและให้ความสำคัญกับการปฏิบัติตามกฎหมายซึ่งจะนำมาถึงปัญหาการเกิดอุบัติเหตุในท้องถนนที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตของคนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่อีกมากมาย
“การออก พ.ร.บ.จราจรฯ ฉบับที่ 13 เพื่อทำให้มีการบังคับใช้กฎหมายให้มีประสิทธิภาพขึ้น ส่วนศาลทำหน้าที่อยู่ตรงกลางระหว่างสองฝ่าย ศาลก็ต้องชั่งน้ำหนักพฤติการณ์เป็นเรื่องๆไปซึ่งเป็นการทำหน้าที่ตามปกติที่ต้องพิจารณาเหตุผลและความจำเป็นในทุกๆเรื่องอยู่แล้ว” นายสรวิศ กล่าว
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี