พนักงานการท่าเรือฯ ร้องดีเอสไอ ปมถูกหลอกลวงสมัครสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเสียหาย4,000ล้านบาท
เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2565 เวลา 10.00 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) นายกฤษฎา อินทามระ ทนายความ พร้อมพนักงานการท่าเรือแห่งประ เทศไทย ประมาณ 100 คน เดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนต่ออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)กรณีถูกหลอกลวงให้สมัครสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และมีการยักยอก หรือฉ้อโกงเงินประเดิมที่การท่าเรือฯ จะต้องจ่ายเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพในทันทีที่มีการสมัครเป็นสมาชิกกองทุน ทั้งนี้ เพื่อเป็นการชดเชยสิทธิของพนักงานที่มีอยู่ในระบบบำนาญเดิมแต่ออกมาเข้าระบบกองทุน ทำให้สมาชิกกว่า 2,000 คนได้รับความเสียหายเป็นมูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท โดยมีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ลงมารับเอกสารแทน
ทั้งนี้ นายกฤษฎา เผยว่า ขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ รับเป็นคดีพิเศษ เพราะมีการบริหารงานที่ทำให้พนักงานกว่า 2,000 คนได้รับความเสียหาย ดังนี้ 1.การท่าเรือและกองทุนสัญญาว่าในวันสมัครเข้าเป็นสมาชิกนั้น การท่าเรือจะจ่ายเงินประเดิมให้พนักงานรวมเป็นเงินประมาณ 4,000 ล้านบาทไปเข้าบัญชีของพนักงานในกองทุน แต่ความจริงแล้วขณะนั้นการท่าเรือไม่มีเงินจำนวนดังกล่าวไปจ่ายให้แก่พนักงานแต่ละคนได้ ซึ่งเงินประเดิมนั้นแต่ละคนจะได้ไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับอายุการทำงานตั้งแต่ปีที่เริ่มงานถึงปีที่สมัครเข้ากองทุน เช่นบางคนมีเงินประเดิม 3-5 ล้านบาท บางคนมีเงินประเดิมจำนวน 1-2 ล้านบาท เป็นต้น แต่จากการหลอกลวงว่าการท่าเรือจะมีการนำเงินประเดิมไปเข้าบัญชีของพนัก
งานในกองทุนนั้น ทำให้พนักงานหลงเชื่อสมัครเป็นสมาชิกกองทุนกว่า 2,000 คนในปี 2548-2549
2. เมื่อกองทุนได้จดทะเบียนในปี 2548 แต่ปรากฏว่า หลังจากสมัครเป็นสมาชิกแล้วนาน 5 ปีพนักงานฯ จึงได้รับเงินประเดิมครบถ้วนในปี 2553 แต่ความเสียหายในช่วงเวลา 5 ปีนั้น ก็ทำให้พนักงานไม่มีเงินที่จะนำไปแสวงหาผลประโยชน์ในตลาดหลักทรัพย์ตามที่ระบุไว้ในข้อบังคับ และผลที่ตามมาคือ ขณะออกจากกองทุนพนักงานนับพันคนได้รับเงินน้อยกว่าพนักงานที่อยู่ในระบบบำนาญเดิมอย่างมาก แต่เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับผู้บริหารการท่าเรือ และผู้บริหารกองทุนจะเห็นได้ชัดว่าฝ่ายผู้บริหารได้รับเงินเมื่อออกจากกองทุนมากกว่าพนักงานหลายล้านบาท ทั้งที่ผู้บริหารบางคนเงินประเดิมน้อยกว่าหรือเท่ากับพนักงาน การบริหารงานในระบบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพพนักงานการท่าเรือแห่งประเทศไทยที่ไม่นำเงินจำนวน 4,000 ล้านบาทไปเข้าบัญชีของสมาชิกในกองทุนตั้งแต่วันสมัครตามข้อบังคับนั้น เป็นเหตุให้พนักงานได้รับความเสียหายเป็นกรณีพิเศษเข้าข่ายความผิดตาม พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542
มาตรา 3 “ความผิดมูลฐาน” (3) ความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชน (4) ความผิดเกี่ยวกับการยักยอกหรือฉ้อโกงหรือประทุษร้ายต่อทรัพย์หรือกระทำโดยทุจริตตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจ สถาบันการเงินหรือ หมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลัก
ทรัพย์ซึ่งกระทำโดยกรรมการหรือผู้จัดการหรือบุคคลใดซึ่งรับผิดหรือมีผลประโยชน์เกี่ยวข้องในการดำเนินงานของสถาบันการเงินนั้น และ (5)ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ ในการยุติธรรมหรือหน่วยงานของรัฐหรือความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่หรือทุจริตต่อหน้าที่ตามกฎหมายอื่น
โดยเบื้องต้น ดีเอสไอรับหนังสือไว้ทำการตรวจสอบและเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี