นรข.ตะครุบอดีตนักโทษคดีกัญชาพ้นคุกได้ 11 วัน หวนรับจ้างลำเลียงข้ามโขง
20 กรกฎาคม 2565 ที่บริเวณริมแม่น้ำโขง ภายในกองบัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (บก.นรข.) พลเรือตรี สมบัติ จูถนอม ผู้บัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (ผบ.นรข.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธนชาติ รอดคลองตัน ผบก.ภ.จว.นครพนม , น.อ.ชัชวาลย์ โตรุ่ง รักษาราชการ ผู้บังคับการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง เขตนครพนม (รรก.ผบ.นรข.เขตนครพนม) , น.ท.วรภัทร แสงสุวรรณ หัวหน้าสถานีเรือ นรข.นครพนม , พ.ต.ท.เฉลิมชัย ศรีทอง ผบ.ร้อย ตชด.237 อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ร่วมกับชุดปฏิบัติการข่าว ตชด.237 และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคง แถลงการณ์จับกุมขบวนการค้ากัญชาข้ามชาติ ได้ผู้ต้องหา 3 ราย พร้อมของกลางกัญชาแห้งอัดแท่ง จำนวน 383 แท่ง/กก. รถยนต์กระบะตอนเดียวยี่ห้อโตโยต้า รุ่นไฮลักซ์รีโว่ สีขาว หลังคาบรรทุกทึบ ทะเบียนกรุงเทพมหานคร โดยจับกุมได้บริเวณริมแม่น้ำโขงวัดไตรภูมิเก่า ใกล้ร้านอาหารเมนูปลาชื่อดัง ต.ไชยบุรี อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม เมื่อเวลาประมาณ 22.40 น. คืนวันที่ 19 กรกฎาคม 2565
หนึ่งในจำนวนผู้ต้องหา ทราบต่อมาว่าชื่อนายอดิศร อายุ 27 ปี ชาว จ.สมุทรปราการ ตรวจสอบประวัติพบเคยติดคุกคดีค้ากัญชาในพื้นที่ จ.มุกดาหาร โดยศาลตัดสินจำคุก 5 ปี เพิ่งได้รับการปล่อยตัวมาเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2565 หรือ 11 วันที่ผ่านมา โดยผู้ต้องหารายนี้ได้รับอานิสงส์จากการแก้กฎหมายปลดล็อกกัญชาออกจากบัญชียาเสพติด แต่ไม่สำนึกคิดกลับตัวกลับใจ หันมาร่วมขบวนการค้ากัญชาข้ามชาติเหมือนเดิม เพราะรู้ดีว่าโทษไม่รุนแรงเหมือนในอดีต
นอกจากนี้ยังสามารถจับกุมเพื่อนร่วมขบวนการอีก 2 ราย ชื่อนายภควัตร อายุ 24 ปี ทำหน้าที่เป็นคนขับ และ น.ส.อังค์วรา อายุ 33 ปี ตรวจสอบภายในรถพบกัญชา 10 กระสอบ เป็นกัญชาแห้งอัดแท่งจำนวน 383 แท่ง/1 กิโลกรัม ตรวจสอบเป็นกัญชาเกรดเอมีช่อดอกผสมมากจึงมีคุณภาพสูง ราคาซื้อขายตามแนวชายแดนราวแท่งละ 3-4,000 บาท เมื่อส่งถึงปลายทางต่างประเทศ ราคาจะสูงประมาณกิโลกรัมละ ประมาณ 10,000-15,000 บาท ผู้ต้องหาอ้างได้ค่าจ้างคนละ 10,000 บาท โดยจับกุมครั้งนี้หลังมีการรับแจ้งเบาะแสจากชาวบ้าน จะมีการลักลอบนำเข้าสิ่งผิดกฎหมายในพื้นที่ชายแดนริมน้ำโขง บ้านไชยบุรี ต.ไชยบุรี อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม จนกระทั่งสามารถสกัดจับกุมตรวจยึดได้ ควบคุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
พลเรือตรี สมบัติ จูถนอม ผบ.นรข. เปิดเผยว่า ยอมรับหลังมีการปลดล็อกกัญชาออกจากยาเสพติดประเภท 5 ทำให้การทำงานของหน่วยงานความมั่นคงตามแนวชายแดนยากขึ้น เนื่องจากยังไม่มีการบังคับใช้กฎหมายชัดเจน ทำให้มีแนวโน้มการลักลอบนำเข้ากัญชาจากประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น แต่ทาง เจ้าหน้าที่ นรข.พร้อมหน่วยงานความมั่นคง ยังต้องทำงานเข้มข้นตลอดแนวชายแดนแม่น้ำโขง
ส่วนการตรวจยึดจับกุม ยังสามารถเอาผิดได้ ในข้อหาฐานความผิด นำเข้าผิด พ.ร.บ.ศุลกากร ควบคู่ พ.ร.บ.ตรวจพืช กักพืช มีทั้งโทษปรับและติดคุกสูงสุดถึง 10 ปี โดย นรข.และตำรวจมีอำนาจในการสัดจับกุมเบื้องต้น โดยมอบหมายให้หน่วยงานศุลกากร รับช่วงดำเนินการตามกฎหมายต่อ ยอมรับในปัญหาเกี่ยวกับการเปรียบเทียบปรับ ซึ่งกฎหมายกำหนดไว้ประมาณ 4 เท่าของราคาของกลาง แต่ยังมีปัญหาเพราะไม่มีกฎหมายกำหนดราคากลางชัดเจน ต้องรอกฎหมายลูกเสร็จสมบูรณ์ ทำให้เป็นช่องว่างของขบวนการค้ากัญชาข้ามชาติ เพราะการดำเนินคดีต้องรอการพิจารณาผลการตัดสินคดีอาญาของศาลเป็นแนวทาง อย่างไรก็ตามสำคัญที่สุด พี่น้องประชาชน สังคมต้องร่วมกันหามาตรการดูแลลูกหลานเยาวชน ไม่ให้ตกเป็นทาสกัญชา ตัดวงจรการค้า
ส่วนหนึ่งที่จะต้องหารือร่วมกันกับหน่วยงานความมั่นคง คือ หากไม่มีการจับกุมในพื้นที่ชายแดน หรือสามารถลำเลียงขนเข้าพื้นที่ตอนในของไทย ยากในการพิสูจน์ว่าเป็นการนำเข้า จะเป็นปัญหาในการแจ้งข้อหาการกระทำผิด และเป็นช่องให้ขบวนการค้ากระทำผิดมากขึ้น นอกจากนี้ในส่วนกลุ่มผู้ต้องขังที่ได้รับการปล่อยตัว บางรายไม่มีอาชีพต้องกลับมาค้ากัญชาอีกรอบ เพราะมีเครือข่ายที่ติดต่ออยู่แล้ว เช่นเดียวกับรายนี้มีการตรวจสอบพบว่ามีการเชื่อมโยงกับเครือข่ายในเรือนจำ ที่ติดต่อค้าขายกัญชากันด้วย ที่จะต้องเร่งหาทางป้องกันแก้ไข ไม่ให้ทะลักตามแนวชายแดน
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี