สธ.ยกระดับ
‘แล็บเอกชน’ตรวจ‘แ’
ไทยไม่พบป่วยเพิ่ม/ระวังเข้ม
รมช.สธ.เดินหน้า ลงนามยกระดับ “แล็บเอกชน” สามารถตรวจสแกนหา“ฝีดาษลิง” ได้ หลังพบชายไทยเสี่ยงติดเชื้อ-รอผลชัด ยืนยันพบผู้ป่วยในประเทศไทยรายเดียว คือ ชาวไนจีเรีย
ขณะที่นายกฯสั่งการให้ควบคุมอย่างเข้มข้น ขอปชช.อย่าตื่นตระหนก รมว.ต่างประเทศยันมีหน่วยงานดูแลต่างชาติบินเข้าไทยคุมเข้ม ด้าน ผู้ว่าฯกทม.ย้ำเฝ้าระวังเต็มที่ ลุยเชิงรุกตรวจพื้นที่เสี่ยง ภูเก็ตโล่งชายวัย40ป่วย‘อีสุกอีใส’
เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2565 ที่รัฐสภา นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จัดทำประกาศเพื่อเสนอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ลงนามเพื่อปลดล็อกให้ห้องแล็บระดับ 2 หรือแล็บทั่วไปสามารถตรวจหาเชื้อได้โรคฝีดาษวานรได้โดยเพิ่มมาตรการความปลอดภัย หรือเรียกว่า ระดับ 2 + (สองบวก) ว่า เหตุผลที่แล็บทั่วไปยังไม่สามารถตรวจเชื้อฝีดาษวานรได้ เป็นไปเพื่อคงให้อยู่ในมาตรฐาน เพราะเชื้อฝีดาษวานรมีความเฉพาะเจาะจง และต้องใช้เทคนิคมากขึ้น แต่ในช่วงบ่ายวันนี้ (27 ก.ค.) ตนจะเซ็นยกระดับให้แล็บระดับ 2 สามารถตรวจหาเชื้อฝีดาษวานรได้
“ยืนยันว่าขณะนี้ไทย ยังพบผู้ติดเชื้ออย่างเป็นทางการเพียงรายเดียวคือชายชาวไนจีเรีย ส่วนชายชาวไทยที่ปรากฏเป็นข่าวนั้นจะต้องรอผลการยืนยันก่อน ซึ่งเกี่ยวข้องกับที่ผมจะลงนามประกาศฉบับนี้ให้แล็บทั่วไปสามารถตรวจหาเชื้อฝีดาษวานรได้ เพราะสมัยก่อนแล็บที่ตรวจได้จะมีแค่ในโรงพยาบาลขนาดใหญ่ และแล็บของกรมวิทยาศาสตร์ฯ เมื่อเราสามารถรับรองให้เอกชนเยอะขึ้นก็จะสามารถตรวจเชื้อได้เยอะ และตรวจพบได้มากขึ้น”รมช.สาธารณสุข กล่าว
ทางด้าน นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากกรณีที่เป็นข่าวว่ามีผู้ป่วยต้องสงสัยว่าจะติดเชื้อฝีดาษลิง มารักษายังโรงพยาบาลวชิระภูเก็ตนั้น ขอยืนยันว่า ยังไม่มีผู้ป่วยติดเชื้อฝีดาษลิงเพิ่ม โดยขณะนี้ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต ยืนยันยังไม่พบผู้ป่วยติดเชื้อฝีดาษลิงใน จ.ภูเก็ต เพิ่ม ส่วนผู้ที่มีอาการป่วยต้องสงสัยว่าจะติดเชื้อได้ผ่านการตรวจสอบแล้วไม่พบเชื้อ ซึ่งกลุ่มสัมผัสเสี่ยงสูงที่ทางจังหวัดเฝ้าระวังอยู่ ทั้งหมด 33 คน ทุกคนยังปกติ
ส่วนที่มารับการรักษาเป็นผู้ป่วยชายไทย มีอาการไข้ และตุ่ม ผื่นขึ้นตามตัว จึงได้ตรวจหาเชื้อฝีดาษลิง ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกลับผู้ป่วยชาวไนจีเรียรายแรก การค้นพบชายไทยคนนี้เป็นกลไกการตรวจจับโรคตามระบบสาธารณสุขที่ได้วางไว้ โดยชายคนดังกล่าวขณะนี้รับการรักษาในโรงพยาบาลและได้มีการตรวจหาเชื้อ ซึ่งอยู่ระหว่างรอผลการยืนยันจากห้องปฏิบัติการ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และในระหว่างนี้ได้มีการแยกและกักตัวเพื่อรอดูอาการ ตามมาตรการเฝ้าระวังของทีมสาธารณสุข ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก
สำหรับอาการฝีดาษลิงที่เข้าข่ายสงสัยจะต้องเฝ้าระวังในผู้ที่เดินทางมาจากประเทศที่มีความเสี่ยง คือ มีไข้ตั้งแต่ 38 องศาเซลเซียส หรือมีไข้ร่วมกับมีอาการหนึ่งอาการ ได้แก่ เจ็บคอ ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดหลัง และต่อมน้ำเหลืองโต ประกอบกับมีผื่นกระจายตามลำตัว มีลักษณะเป็นตุ่มนูน ตุ่มน้ำใส ตุ่มหนอง หรือตุ่มตกสะเก็ด - และเดินทางมาจากหรืออาศัยอยู่ใน ประเทศที่มีการรายงานการระบาดของโรคฝีดาษลิงในประเทศภายใน 21 วัน
นายธนกร เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม สั่งการทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เข้มงวด ควบคุมมาตรการเฝ้าระวัง ทั้งนี้ ในส่วนของ จ.ภูเก็ต มีมาตรการเฝ้าระวังโรคฝีดาษลิงอย่างเข้มข้น ซึ่งหากโรงพยาบาลใดพบผู้ป่วยที่มีตุ่ม ผื่นแดง มารักษา ก็จะทำการตรวจหาเชื้อฝีดาษลิงด้วย
นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงการเปิดเส้นทางบินไทย-ซาอุดีอาระเบีย ว่า เป็นเรื่องปกติ เขาบินมาเราแล้ว มันถึงเวลาที่เราจะบินไปหาเขาบ้าง ซึ่งเจดดาห์ถือเป็นเมืองใหญ่
ผู้สื่อข่าวถามถึงโรคฝีดาษลิงที่กำลังระบาดในขณะนี้ เป็นห่วงการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยหรือไม่ นายดอน กล่าวว่า เรื่องนี้มีหน่วยงานที่เขาดูแลอยู่ และเราไม่ได้ดูประเทศซาอุฯเพียงประเทศเดียว แต่เราเปิดให้ทุกคนทุกประเทศสามารถเข้ามาในประเทศไทยได้ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลอยู่ ฝ่ายที่ดูแลก็ต้องดูแลไป
ที่รัฐสภา นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ยืนยันว่าใน กทม.ยังไม่พบผู้ป่วยเป็นโรคฝีดาษลิงตามกระแสข่าวลือที่ปรากฏ อย่างไรก็ตาม กทม.ก็ต้องเฝ้าระวัง ประมาทไม่ได้ เพราะในประเทศอิสราเอลก็พบผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงแล้วหลายราย ทั้งนี้ จะมีการตรวจหาเชื้อเชิงรุกในชุมชนพื้นที่เสี่ยงมากขึ้น
เมื่อถามว่าในช่วงวันหยุดยาว ประชาชนเดินทางข้ามจังหวัดมากขึ้น กทม. จะมีมาตรการป้องกันโรคดังกล่าวอย่างไร นายชัชชาติ กล่าวว่า ต้องพิจารณาตัวเลขผู้ติดเชื้อและกลุ่มเสี่ยง ซึ่งในตอนนี้จะพบว่า การติดเชื้อไม่ได้ผ่านอากาศ แต่เกิดจากการสัมผัส หรือการมีเพศสัมพันธ์ และกลุ่มเสี่ยงคือผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ ทั้งนี้สำนักอนามัยกรุงเทพมหานคร ได้ดำเนินการรณรงค์ให้ความรู้กับประชาชน และมุ่งเน้นการเฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยงเป็นหลัก
นายแพทย์วีระศักดิ์ หล่อทองคำ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่นำผู้ป่วยต้องสงสัยว่าจะติดเชื้อ “ฝีดาษลิง” หรือ “ฝีดาษวานร” มารักษายัง รพ.วชิระภูเก็ต ช่วงเย็นวันที่ 26 ก.ค. ที่ผ่านมาว่า ผู้ป่วยเป็นชายไทยอายุประมาณ 40 ปี มีอาการไข้ 3 วันและมีตุ่มออกมากทั้งตัว ไม่มีต่อมน้ำเหลืองโต ทางโรงพยาบาลถลางส่งต่อมาที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต เพื่อตรวจวินิจฉัย PCR ห้องปฏิบัติการหาเชื้อว่าเป็นโรคฝีดาษลิงหรือไม่ จากการสอบถามพบว่าไม่มีประวัติสัมผัสเสี่ยงกับชาวต่างประเทศ ไม่ไปเที่ยวบริการกับการขายบริการ เป็นคนที่อยู่กับครอบครัวอยู่บ้านปกติ และไม่มีอาชีพเสี่ยง เบื้องต้นวินิจฉัยว่าเป็นโรคสุกใส แต่ในช่วงนี้มีการเฝ้าระวังโรคฝีดาษวานร เมื่อพบเคสแบบนี้จึงต้องเข้ามาตรการตรวจคัดกรองอย่างเข้มข้น ส่งตัวอย่างตรวจที่ห้องปฏิบัติการ ใช้เวลาประมาณ 2-3 วัน จึงจะทราบผลการตรวจ โดยโรงพยาบาลมีความพร้อมเฝ้าระวัง คัดกรองโรค คัดแยกผู้ป่วย ตามมาตรการควบคุมโรคฝีดาษวานร
นายแพทย์กู้ศักดิ์ กู้เกียรติกูล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (นพ.สสจ.) ภูเก็ต กล่าวว่า ภูเก็ตมีมาตรการเฝ้าระวังโรคฝีดาษลิงอย่างเข้มข้น ดังนั้นหากโรงพยาบาลใดพบผู้ป่วยที่มีตุ่ม ผื่นแดง มารักษา ก็จะทำการตรวจหาเชื้อฝีดาษลิงด้วย โดยกรณีข่าวลือที่เกิดขึ้นในพื้นที่ทั้งวันว่า เป็นหญิงที่มีสัมพันธ์กับชายชาวไนจีเรีย ขอชี้แจงว่า ไม่เป็นความจริง เพราะกลุ่มสัมผัสเสี่ยงสูงที่ทางจังหวัดเฝ้าระวังอยู่ ทั้งหมด 33 คน ทุกคนยังปกติ
ส่วนที่มารับการรักษาเป็นผู้ป่วยชายไทย มีอาการไข้ และตุ่ม ผื่นขึ้นตามตัว จึงได้ตรวจหาเชื้อฝีดาษลิง ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกลับผู้ป่วยชาวไนจีเรียรายแรก การค้นพบชายไทยคนนี้เป็นกลไกการตรวจจับโรคตามระบบสาธารณสุขที่ได้วางไว้ โดยชายคนดังกล่าวขณะนี้รับการรักษาในโรงพยาบาลและได้มีการตรวจหาเชื้อ ซึ่งอยู่ระหว่างรอผลการยืนยันจากห้องปฏิบัติการ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และในระหว่างนี้ได้มีการแยกและกักตัวเพื่อรอดูอาการ ตามมาตรการเฝ้าระวังของทีมสาธารณสุข ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 27 ก.ค.ว่า ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค ( ซีดีซี ) รายงานสถิติผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงสะสมในประเทศอย่างน้อย 3,846 คน จากจำนวนดังกล่าวเป็นเด็กอย่างน้อย 2 คน โดยเป็นสถิติผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น 33% ภายในระยะเวลาเพียง 3 วัน ขณะที่ประเทศซึ่งมีผู้ป่วยสะสมรองลงมาคือ สเปน อยู่ที่อย่างน้อย 3,125 คน และเยอรมนีที่มีผู้ติดเชื้อสะสมอย่างน้อย 2,352 คน
ด้านสถิติขององค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) ยืนยันผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงสะสมเกือบ 18,100 คนแล้ว นับตั้งแต่ต้นปีนี้ กระจายอยู่ในอย่างน้อย 75 ประเทศ และจากสถิติดังกล่าวมากกว่า 17,800 คน เป็นผู้ติดเชื้ออยู่ในประเทศซึ่งไม่เคยพบผู้ป่วยโรคนี้มาก่อน กล่าวคือ ไม่ได้อยู่ในทวีปแอฟริกา ซึ่งฝีดาษลิงเป็นโรคประจำถิ่น
บรรยายภาพ : บรรยากาศประชาชนและนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองเบตง อ.เบตง จ.ยะลา ขณะที่เจ้าหน้าที่ด่านได้มีการยกระดับเฝ้าระวังและป้องกันโรคฝีดาษลิง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี