‘มอดไม้’เหิมลอบตัดประดู่ท่อนส่งนายทุน เจอจนท.ทิ้งรถโกยอ้าวหนี
29 กรกฎาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.น่าน ว่า ระหว่างวันที่ 27 ต่อเนื่องวันที่ 28 กรกฎาคม 2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการศูนย์ป้องกันปราบปรามการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตำรวจภูธรภาค 5 ร่วมกับเจ้าที่ ตชด.32 เจ้าหน้าที่ป่าไม้สายตรวจป่าไม้ และหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ออกตรวจปราบปรามการลักลอบทำไม้ประดู่เพื่อส่งออกไปยังต่างประเทศ ตามที่ได้สืบสวนทราบว่ามีการสั่งการให้ชาวบ้านเข้าไปทำไม้ประดู่ออกจากป่าแม่สอง เขตติดต่อระหว่างบ้านบ่อหอย อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน ติดต่อกับป่าตำบลเตาปูน อำเภอสอง จังหวัดแพร่
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่ามีกลุ่มชาวบ้านนำรถปิกอัพ ทะเบียนลำพูน เข้าไปทำไม้ในเขตป่าเส้นทางแยกป่าคาเลี้ยวซ้าย หลังรับแจ้งจึงจัดชุดเคลื่อนที่เร็วโดยใช้รถจักรยานยนต์ (จยย.) 3 คัน เคลื่อนที่ล่วงหน้ามุ่งตรงไปก่อน และชุดอื่นๆใช้รถยนต์ขับติดตามไป
เมื่อไปถึงบริเวณเส้นทางเข้าป่าแยกป่าคาเข้าไปประมาณ 2 กิโลเมตร พบเส้นทางทำขึ้นมาใหม่แยกเข้าไป และได้ยินเสียงรถยนต์อยู่ภายใน เจ้าหน้าที่จึงขับรถเร่งเข้าไป แต่เส้นทางยากลำบากเมื่อขับเข้าไปได้ประมาณ 200 เมตร พบรถปิกอัพตามที่รับแจ้งจอดปิดขวางเส้นทางอยู่ หันหน้าออกจากป่า ตรวจสอบพบรถปิกอัพปิดประตูทั้ง 2 ด้าน เครื่องยนต์ดับ มีร่องรอยเหมือนลักษณะคนวิ่งผ่านต้นไม้ต้นหญ้าขนาดเล็กเข้าไปในป่า เจ้าหน้าที่ตามไปตรวจสอบ แต่ไม่พบกลุ่มคน
จากนั้นตรวจสอบบริเวณท้ายรถปิกอัพพบเศษไม้ เชื่อว่าเป็นเศษไม้ที่ถูกยกใส่กระบะปิกอัพแล้วทำให้หลุดร่อนลง เมื่อตามล้อรถยนต์ไปตามเส้นทางเข้าป่าพบไม้ท่อนซึ่งเป็นไม้ประดู่ ถูกตัด 2 หัวท้าย มีเชือกมัดอยู่ 1 ท่อน ลักษณะเหมือนถูกลาก มีเศษชิ้นส่วนหลุดร่อนออกไป นอกจากนี้พบไม้ที่ทำเป็นเสาตั้งขึ้น และมีคานด้านบน มีเชือกสำหรับมัดไม้ท่อนยกชักรอกขึ้นเพื่อนำขึ้นรถยนต์
ขณะเดียวกันมีร่องรอยรถยนต์ต่อลงไปจากบริเวณดังกล่าว ซึ่งลงไปยังลำห้วยอีก 30 เมตร พบรอยลาก ซึ่งลักษณะเป็นรอยชักลากไม้ขึ้นจากลำห้วยขึ้นมายังบริเวณจุดที่พบเสากระโดง สำหรับทำรอกยกไม้ขึ้นใส่รถ หลังจากนั้นประมาณ 1 ชั่วโมง มีหญิงเป็นชาวเขาอายุ 50-60 ปี มาพบเจ้าหน้าที่ที่อยู่ด้านนอก แจ้งว่าเป็นมารดาของเจ้าของรถปิกอัพดังกล่าว โดยบุตรชายได้นำรถมาทำชักลากไม้ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่พบไม้บนรถ จึงขอรถคันดังกล่าว พร้อมยื่นเสนอสินน้ำใจให้เป็นเงิน 10,000 บาท คณะเจ้าหน้าที่จริงพูดจาแล้วบอกให้หญิงคนดังกล่าวออกจากบริเวณดังกล่าวไป
ต่อมามีกลุ่มวัยรุ่น 6-7 คน และหญิงซึ่งเป็นบุคคลเดียวกับที่ไปขอเจ้าหน้าที่ชุดแรกมาพบเจ้าหน้าที่อีกชุดหนึ่งที่อยู่ตรงทางแยกจะเลี้ยวเข้าเส้นทางเข้าป่าด้านนอก ที่เรียกว่าจุดแยกเนินป่าคา หญิงดังกล่าวอ้างกับเจ้าหน้าที่ว่ามาตามหาบุตรชายบุตรชายที่เข้าไปล่าสัตว์ 2 วันแล้วยังไม่กลับ โดยใช้ปิกอัพที่จอดอยู่ด้านใน เจ้าหน้าที่ไม่เชื่อ จึงแจ้งกับหญิงดังกล่าวว่ารถดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดชักลากไม้ เจ้าหน้าที่ทำการตรวจยึดแล้วขอให้เอากุญแจให้เจ้าหน้าที่ ถ้าไม่ให้เจ้าที่ต้องทำการงัดรถคันดังกล่าวนำไปยังที่ทำการพนักงานสอบสวน ซึ่งหญิงคนดังกล่าวยินยอมแต่โดยดี
จนกระทั่งเช้าวันที่ 28 กรกฎาคม 2565 คณะเจ้าหน้าที่จึงเข้าไปทำการนำไม้ของกลางที่ตรวจพบออกจากพื้นที่ป่าจัดทำบันทึกรวบรวมพยานหลักฐานนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.สอง จ.แพร่ โดยกล่าวหาว่า ทำไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต , มีไม้กระยาเลยอันยังมิได้แปรรูป (ประดู่ท่อน)ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
สำหรับเส้นทางเข้าป่าดังกล่าวเป็นเส้นทางที่ยากลำบาก ห่างจากหมู่บ้านระยะประมาณ 20 กม. ใช้ระยะเวลานานกว่าจะถึงจุดที่ทำไม้ เจ้าหน้าที่เชื่อว่ามีบุคคลโทร.แจ้งให้กลุ่มทำไม้ให้ทราบ จึงยกไม้ลงจากรถ กำลังจะขับรถหลบหนี แต่เป็นเส้นทางเดียวที่ไม่สามารถหลบเลี่ยงได้ จึงขับรถออกมาพบกับเจ้าหน้าที่และจอดรถทิ้งไว้หลบหนีเข้าป่าไป ซึ่งบริเวณจุดที่พบรถไม่มีคลื่นสัญญาณโทรศัพท์สามารถโทร.ติดต่อกันได้ จึงหลบหนีไปดังกล่าว ซึ่งจากการตรวจสอบหลักฐาน เจ้าหน้าที่ทราบผู้ครอบครองรถปิกอัพคันดังกล่าวแล้ว
-005