นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่าได้กำชับให้โครงการชลประทานในพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วม เตรียมความพร้อมรับสถานการณ์น้ำที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ จัดเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ในพื้นที่เสี่ยง กรณีฝนตกหนัก หรือลมกระโชกแรงจนส่งผลกระทบต่ออาคารชลประทาน และทรัพย์สินของทางราชการให้เร่งเข้าไปดำเนินการแก้ไขสถานการณ์ รวมถึงตรวจสอบอาคารชลประทานให้มีสภาพพร้อมใช้งานเต็มศักยภาพ บริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ และอ่างเก็บน้ำขนาดกลางให้อยู่ในเกณฑ์ควบคุม บูรณาการร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แจ้งเตือนประชาชนเตรียมรับมือสถานการณ์น้ำ เพื่อลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้น ตลอดจนเตรียมความพร้อมของเครื่องจักร เครื่องมือ รถแบ๊กโฮ/รถขุด รถเทรลเลอร์ เครื่องสูบน้ำ เครื่องผลักดันน้ำ ในพื้นที่เสี่ยง ให้สามารถช่วยเหลือได้ทันที
ปัจจุบันอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกัน 41,125 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) หรือ 54% ของความจุอ่างฯ รวมกัน สามารถรับน้ำได้อีก 34,960 ล้านลบ.ม.เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์)มีปริมาณน้ำรวมกัน 9,738 ล้านลบ.ม. หรือ 39% ของความจุอ่างฯ รวมกัน สามารถรับน้ำได้อีก 15,133 ล้านลบ.ม.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี