ที่ศูนย์เรียนรู้โคก หนอง นา พุทธอารยเกษตร มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานเปิดโครงการ 130 ปี กระทรวงมหาดไทยความสุขสร้างได้ ด้วยใจอาสา จังหวัดขอนแก่น เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 70 พรรษา
โอกาสนี้ พระเทพวิสุทธิคุณ เจ้าคณะจังหวัดขอนแก่น กล่าวสัมโมทนียกถา ความโดยสรุปว่า พิธีกรรมอันสำคัญที่ทุกคนได้มาร่วมกิจกรรมโครงการศูนย์เรียนรู้โคก หนอง นา พุทธอารยเกษตร มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ซึ่งโครงการนี้เป็นหนึ่งในโครงการที่คณะสงฆ์มีปรารภต้นเหตุในการสร้างความอยู่เย็นเป็นสุขให้กับประชาชน อันเกี่ยวข้องกับอีกหลายโครงการ อาทิ โครงการวัด ประชารัฐสร้างสุข ถือเป็นการสร้างบุญกุศล สืบสาน รักษา และต่อยอด แนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ได้รับการสืบสาน รักษา และต่อยอด โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
โดยคำว่า “พุทธอารยเกษตร” นั้น พุทธ คือ พระพุทธเจ้า อารยะ แปลว่า ประเสริฐ หรือดีงาม เกษตร มาจาก กสิ แปลว่า ผู้ไถ และสำหรับโคก หนอง นา นั้น “โคก” คือ การขุดดินขึ้นมาจากสระ มากองเป็นจำนวนมาก สามารถมาปลูกต้นไม้ ทั้งไม้ล้มลุก ไม้ยืนต้น “หนอง” ทำเป็นหนองน้ำ ทุกอย่างในน้ำก็มีเป็นจำนวนมาก เป็นอาหารให้กับคน และ “นา” ทั้งนาข้าว นาเกลือ หรืออะไรต่างๆ ก็แล้วแต่ ล้วนเป็นพื้นที่สร้างความอุดมสมบูรณ์ อันเป็นแนวทางที่พระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรไทย ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐทั้ง 2 พระองค์ได้พระราชทานแนวทางตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง สอดคล้องกันตามแบบพุทธศาสนีองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ว่า “มัตตัญญุตา” แปลว่า รู้ประมาณ มีความรู้ มีความสามารถ
นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า ในโอกาสครบรอบ 130 ปี กระทรวงมหาดไทย ขอกราบขอบพระคุณท่านเจ้าคุณพระเทพวิสุทธิคุณ เจ้าคณะจังหวัดขอนแก่น ท่านเจ้าคุณพระโสภณพัฒนบัณฑิต รองอธิการบดี มจร. วิทยาเขตขอนแก่น และคณะสงฆ์จังหวัดขอนแก่น ผู้เป็นหลักชัยของพระพุทธศาสนาและคนไทย ได้สนองพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการทำให้พี่น้องประชาชนได้ดวงตาเห็นธรรม ด้วยการเห็นของจริง และของจริงที่ทำนั้น
ในท้ายที่สุดจะกลายเป็นผลผลิตที่สามารถเลี้ยงดูชุมชน เกื้อกูลประโยชน์สุขให้กับพี่น้องประชาชน ด้วยการเข้าร่วมโครงการและน้อมนำเอาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่โคก หนอง นา ซึ่งเป็นพระราชปณิธานแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีพระราชปณิธานที่แน่วแน่ ในการสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาประชาราษฎร ซึ่งคำว่า สืบสาน รักษา และต่อยอด นั้น พระองค์ท่านได้ทรงน้อมนำเอาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และทฤษฎีใหม่ที่มีมากกว่า 40 ทฤษฎี ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มาต่อยอดประยุกต์สู่โคก หนอง นา
“คำว่า พุทธอาริยเกษตร มีที่มาจากคำเดิมที่ว่า ‘พุทธเกษตร’ ซึ่งเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคมเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร ได้ริเริ่มที่จังหวัดอุบลราชธานี โดยมีท่านเจ้าคุณพระพิพัฒน์วชิโรภาส ผู้อำนวยการศูนย์พุทธธรรมสมเด็จพระมหาธีราจารย์ ป่งดงใหญ่ วังอ้อ ต.หัวดอน อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี ที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทย สนองพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยการน้อมนำเอาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ ซึ่งเป็นหนึ่งในหลายทฤษฎีใหม่ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มาขับเคลื่อน กระทั่งในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เมตตาร่วมกับกรมการพัฒนาชุมชน ในการต่อยอด
โดยนำทฤษฎีใหม่มาประยุกต์สู่พื้นที่ โคก หนอง นา ขุดสระน้ำเป็นรูปสี่เหลี่ยมลูกบาศก์ คือ กว้าง x ยาว x ลึก ในเชิงที่มีความชันลึกประยุกต์ทำเป็นคลองไส้ไก่คดเคี้ยวเลี้ยวลด ความลึกชันลดหลั่นคล้ายคลองธรรมชาติ เพื่อให้ธรรมชาติช่วยเหลือเกื้อกูลให้สรรพสิ่งมีชีวิตทั้งหลายในโลกมีความสุข เพราะวิทยาศาสตร์กับธรรมะเป็นเรื่องเดียวกันคือความจริงที่แน่แท้ไม่มีแปรเปลี่ยน ตามหลักความจริงของธรรมชาติหรือหลักวิทยาศาสตร์ที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงค้นพบ “น้ำคือชีวิต” จึงพระราชทานเกษตรทฤษฎีใหม่ โดยทรงเริ่มต้นทดลองครั้งแรกที่อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสระบุรี ที่พวกเรารู้จักกันว่าแบ่งจัดสรรที่ดินเป็น 30 30 30 10 โดย 30 ส่วนแรกคือการขุดสระกักเก็บน้ำเพื่อให้พอใช้ในพื้นที่ 30 ส่วนถัดมา คือ ใช้ทำการเกษตร อีก 30 ส่วนใช้เลี้ยงสัตว์ ใช้ปลูกไม้ยืนต้น และอีก 10 ส่วน คือ เป็นที่อยู่อาศัย เลี้ยงสัตว์ถนนหนทาง และโรงเรือนอื่นๆ รวมถึงทฤษฎีเรื่องของการห่มดินหรือเลี้ยงดินเพื่อให้ดินเลี้ยงพืช ทฤษฎีใหม่เรื่องของหลุมขนมครก เรื่องของป่า 5 ระดับ หรือป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง
โดยพระราชทานแนวทางให้ทดลองทำเป็นตัวอย่างที่แหลมผักเบี้ย จังหวัดเพชรบุรี และบึงมักกะสัน กรุงเทพมหานคร รวมถึงเรื่องของการที่จะทำให้พวกเรามีความสุขอีกมากมายหลายทฤษฎี อันเป็นเรื่องที่มีอยู่แล้วในธรรมชาติ เหมือนดั่งพระพุทธเจ้าทรงค้นพบสัจธรรม เกิด แก่ เจ็บ ตาย หรือทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค เป็นสิ่งที่มีอยู่ในธรรมชาติมนุษย์ก็เกิดอยู่แล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี