‘บิ๊กตู่’สั่งเพิ่มมาตรการคุมโควิด
ผวาลามในโรงเรียน
ติดเชื้อใหม่อีก2,381ราย
ดับ35ปอดอักเสบ910คน
หนุ่มฝรั่งเศสเข้าพบแพทย์
ลุ้นผลป่วยฝีดาษลิงรายที่5
“นายกฯ” เป็นห่วงโควิด-19 ในโรงเรียน เน้นมาตรการความปลอดภัย 6-6-7 ลดความเสี่ยงโควิด-19 ในสถานศึกษาสถานประกอบการศึกษา หลังผลสำรวจพบว่า เด็กนักเรียนกว่า4.9 หมื่นคน ติดโควิดแล้ว 30.56% ติดในโรงเรียน 5.66% ไทยพบผู้ติดเชื้อใหม่เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเพิ่มอีก 2,381 รายเสียชีวิตอีก 35 ศพ ปอดอักเสบ 910 คน ส่วนสถานการณ์ “ฝีดาษลิง” ที่ จ.ตราด พบนักท่องเที่ยวชาวฝรั่งเศสเข้าข่ายสงสัยเป็นฝีดาษลิง 1 คน โดยจะนำตัวส่งโรงพยาบาลตราดเพื่อตรวจสอบสวนโรคต่อไป
เมื่อวันที่ 6 ส.ค.65 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมรับทราบรายงานผลสำรวจการประเมินสุขภาพนักเรียน ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ในสถานศึกษา ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 ของกรมอนามัย จำนวน 49,242 คน พบการติดเชื้อร้อยละ 30.56 โดยนักเรียนส่วนใหญ่ติดเชื้อจากบุคคลในครอบครัว รองลงมาไม่ทราบสาเหตุการติดเชื้อ ส่วนการติดเชื้อในโรงเรียน พบเพียงร้อยละ 5.66 เท่านั้น และยังพบว่า มีครอบครัวเพียงร้อยละ 0.36 ที่ติดเชื้อจากนักเรียนที่ไปโรงเรียน โดยอาการส่วนใหญ่ที่พบมาก คือ มีไข้ ไอ มีน้ำมูก ปวดกล้ามเนื้อ ซึ่งเป็นอาการที่ผู้ปกครองสามารถสังเกตอาการของบุตรหลานได้ จึงขอให้ โรงเรียน สถานศึกษา และสถานประกอบการศึกษา ยังคงต้องเน้นมาตรการความปลอดภัย 6-6-7 ลดความเสี่ยงของการแพร่ระบาดโควิด ไม่ให้สร้างผลกระทบต่อการเรียนการสอนของครู- นักเรียน
ย้ำมาตรการความปลอดภัย6-6-7
โดยมาตรการความปลอดภัย 6-6-7 ดังนี้ ประกอบด้วย 6 มาตรการหลัก (DMHT - RC) คือ 1)การเว้นระยะห่าง(Distancing) 2)การสวมหน้ากาก(Mask Wearing) 3)การล้างมือ(Hand Washing) 4)การคัดกรองวัดไข้(Testing) 5)ลดการแออัด(Reducing) และ 6)การทำความสะอาด(Cleaning)
- 6 มาตรการเสริม คือ 1)การดูแลตนเอง 2)การใช้ช้อนกลางส่วนตัว 3)ทานอาหารปรุงสุกใหม่ 4)การลงทะเบียน เข้า - ออก 5)การสำรวจตรวจสอบ และ 6) กักกันตนเอง และ - 7 มาตรการเข้ม คือ 1)การประเมินTSC + และรายงานผลผ่านระบบ MOE COVID 2)การจัดกิจกรรมแบบกลุ่มย่อย(Small Bubble) 3)การจัดระบบให้บริการอาหารตามหลักสุขาภิบาลอาหารและหลักโภชนาการ 4 )อนามัยสิ่งแวดล้อม ตามเกณฑ์มาตรฐาน 5) การมีแผนเผชิญเหตุและมีการซักซ้อม (School Isolation) 6) การควบคุมดูแลการเดินทางจากบ้านไปโรงเรียน (Seal Route) และ 7) การจัดให้มี School Pass สำหรับนักเรียน ครูและบุคลากรในสถานศึกษา
ติดเชื้อเพิ่ม2,381ตายอีก35 คน
สำหรับสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประเทศไทยประจำวันที่ 6 ส.ค.2565 ว่า มีจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเพิ่ม 2,381 ราย เป็นผู้ติดเชื้อในประเทศทั้งหมด ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 2,379,924 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) ส่วนการรักษา มีผู้รักษาตัวหายป่วยกลับบ้านเพิ่ม 2,209 ราย ยอดหายป่วยสะสม (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) 2,382,054 ราย อยู่ระหว่างรักษาตัว 21,250 ราย มีผู้เสียชีวิตใหม่อีก 35 ราย ยอดรวมเสียชีวิตสะสม (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) 9,863 ราย จำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบ รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 910 ราย
จีนล็อกดาวน์เมืองพักผ่อนริมทะเล
สำหรับสถานการณ์โควิดต่างประเทศ ที่เมืองซานยา เมืองที่เป็นสถานที่พักผ่อนริมทะเลที่ได้รับความนิยมทางใต้ของจีน ประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์ในวันนี้ และปิดระบบขนส่งสาธารณะ เพื่อพยายามหยุดการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในขณะที่กำลังอยู่ในช่วงสำคัญของฤดูกาลท่องเที่ยวของจีน
เจ้าหน้าที่ประกาศว่า มาตรการล็อกดาวน์จะเริ่มใช้บังคับในเวลา 6.00 น. เช้าวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับ 05.00 น. เช้าวันนี้ตามเวลาในประเทศไทย โดยระบุว่า สถานการณ์การระบาดของโควิดกำลังรุนแรงอย่างยิ่ง และจะจำกัดการเดินทางของประชาชน เจ้าหน้าที่ไม่ได้ระบุว่าจะยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์เมื่อใด เจ้าหน้าที่กล่าวในแถลงการณ์ผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ว่า ทางการขอให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวเข้าใจและสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่ ในวันศุกร์ เมืองไห่หนาน รายงานพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 263 ราย และเจ้าหน้าที่กล่าวว่า พบเชื้อไวรัส บีเอ.5.1.3 ที่เป็นสายพันธุ์ย่อยของโอไมครอน
ออกนอกเมืองต้องตรวจพีซีอาร์ใน48ชม.
การล็อกดาวน์ที่เมืองซานยา เกิดขึ้นในขณะที่กำลังอยู่ในฤดูท่องเที่ยวของเมืองนี้ ซึ่งเป็นที่รู้จักในเรื่องการชอปปิ้งสินค้าปลอดภาษี และเป็นแหล่งโรงแรมหรูที่บริหารโดยเครือโรงแรมชั้นนำระหว่างประเทศ เจ้าหน้าที่กล่าวว่า ขณะนี้มีนักท่องเที่ยวในเมืองประมาณ 80,000 คน ผู้ที่จะเดินทางออกจากเมืองจะต้องมีผลการตรวจหาเชื้อแบบพีซีอาร์ เป็นลบ ภายใน 48 ชั่วโมง
พบชาวฝรั่งเศสต้องสงสัยติด’ฝีดาษลิง’
สำหรับสถานการณ์โรคฝีดาษลิง หรือ โรคฝีดาษวานร (Monnkeypox Virus) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พบนักท่องเที่ยวชาย อายุ 32 ปี สัญชาติฝรั่งเศส เดินทางไปที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ในจังหวัดตราด หลังพบว่ามีตุ่มขึ้นที่อวัยวะเพศ และที่มือ ซึ่งเป็นอาการป่วยเข้าข่ายสงสัยฝีดาษลิง ด้วยความกลัวจึงเดินทางมาพบแพทย์ด้วยตนเอง ยินยอมเข้าห้องตรวจโรคเบื้องต้นของสถานพยาบาลเอกชนดังกล่าว แต่ไม่ยินยอมไปตรวจหาเชื้อที่โรงพยาบาลตราด ทางโรงพยาบาล จึงติดต่อไปที่สถานีตำรวจภูธรเมืองตราด ให้ช่วยเหลือควบคุมตัวนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ กรณีดื้อแพ่ง ไม่ยอมไปสอบสวนโรค
ไม่ยอมออกจากห้องตรวจ
สำหรับ นักท่องเที่ยวชาย อายุ 32 ปี สัญชาติฝรั่งเศส เดินทางไปที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ในจังหวัดตราด หลังพบว่ามีตุ่มขึ้นที่อวัยวะเพศ และที่มือ ซึ่งเป็นอาการป่วยเข้าข่ายสงสัยฝีดาษลิง ด้วยความกลัวจึงเดินทางมาพบแพทย์ด้วยตนเอง ยินยอมเข้าห้องตรวจโรคเบื้องต้นของสถานพยาบาลเอกชนดังกล่าว แต่ไม่ยินยอมไปตรวจหาเชื้อที่โรงพยาบาลตราด ทางโรงพยาบาล จึงติดต่อไปที่สถานีตำรวจภูธรเมืองตราด ให้ช่วยเหลือควบคุมตัวนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ กรณีดื้อแพ่ง ไม่ยอมไปสอบสวนโรค
เมื่อตำรวจมาถึง ก็ดูสถานการณ์เกือบชั่วโมง นักท่องเที่ยวรายดังกล่าว ก็ไม่ยอมออกจากห้องตรวจของสถานพยาบาลดังกล่าว จึงเดินทางกลับ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของแพทย์ สถานพยาบาล ในการเกลี้ยกล่อม
เตรียมนำส่งโรงพยาบาลตราด
โดยนักท่องเที่ยวรายดังกล่าว เดินทางมาท่องเที่ยวเกาะช้างเมื่อเดือนที่ผ่านมา ไปรักษาอาการระบบทางเดินปัสสาวะ และมีตุ่มขึ้นที่อวัยวะเพศ หลังพบแพทย์แล้วก็หายไป จนวันนี้เดินทางมาพบแพทย์ที่สถานพยาบาลดังกล่าวอีก เนื่องจากมีอาการตุ่มขึ้นที่มือ ซึ่งเป็นอาการป่วยเข้าข่ายสงสัยฝีดาษลิง ด้วยความกลัวจึงเดินทางมาพบแพทย์ด้วยตนเอง ล่าสุดแอดมิทที่สถานพยาบาลแห่งนี้ โดยจะนำตัวส่งโรงพยาบาลตราดตรวจสอบสวนโรคต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี