“สุเทพฯ” เดินหน้าแผนขับเคลื่อนและพัฒนาการเรียนการสอนอาชีวะ พร้อมปรับหลักสูตร-ระบบทวิภาคี-เตรียมประเมินโครงการ “อาชีวะอยู่ประจำ เรียนฟรี มีอาชีพ”
วันที่ 8 สิงหาคม 2565 นายสุเทพ แก่งสันเทียะ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (เลขาธิการ กอศ.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะอนุกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา (อ.กรอ.อศ.) ที่มี น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศธ. เป็นประธาน เมื่อเร็วๆนี้ โดย รมว. ศธ. ได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ไปรวบรวมปัญหา ข้อเสนอแนะที่ภาคเอกชนเสนอความคิดเห็นเข้ามา เพื่อนำมาขับเคลื่อนและพัฒนาการเรียนการสอนอาชีวะ เช่น เสนอให้มีการจัดการเรียนการสอนในรูปแบบทวิภาคีที่ยืดหยุ่น มีหลักสูตรที่ยืดหยุ่นให้ผู้เรียนอาชีวศึกษาสามารถเรียนจบระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ได้ภายใน 4 ปี โดยที่วิชาการและกิจกรรมไม่ลดลง ซึ่งเด็กจะมีอายุ 18 ปี สามารถทำงานในสถานประกอบการได้ ซึ่งขณะนี้เมื่อเด็กเรียนจบระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) จะมีอายุ 17 ปี ซึ่งไม่สามารถทำงานได้ เนื่องจากอายุไม่ถึง ติดกฎหมายแรงงาน หรือ ปรับหลักสูตรให้มีความยืดหยุ่น การขับเคลื่อนการเรียนการสอนในระบบทวิภาคีไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 จากปัจจุบันจัดอยู่ที่ประมาณ 15 % และการรีแบรนด์ แก้ไขปัญหานักเรียนอาชีวะทะเลาะวิวาท เพื่อสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้เป็นแรงกระตุ้นเพื่อผู้เรียนสนใจเข้ามาเรียนอาชีวะเพิ่มมากขึ้น เป็นต้น
นายสุเทพ กล่าวต่อว่า เช้าวันนี้ตนได้เรียกประชุมผู้บริหาร สอศ.ทั้งหมด เพื่อหารือและวางแผนจัดทำข้อเสนอในการพัฒนาอาชีวศึกษา เพื่อจะนำข้อมูลนี้เสนอให้ รมว.ศธ. พิจารณาในวันที่ 11 สิงหาคม นี้ อย่างไรก็ตาม สำข้อเสนอแนะของเอกชนบางข้อ ซึ่ง สอศ.ได้ดำเนินการมาบ้างแล้ว เช่น การผลักกดันให้ผู้เรียนอาชีวศึกษาเรียนจบ ปวส.ภายใน 4 ปี โดยตนได้มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายนำเข้าอนุกฏหมายของ สอศ.เพื่อจะนำผลการดำเนินการเสนอให้ รมว.ศธ.พิจารณาว่าจะดำเนินการในเรื่องนี้อย่างไรต่อไป ส่วนการปรับหลักสูตรให้มีความยืดหยุ่นนั้น สอศ.มีช่องที่สามารถให้สถานศึกษาปรับหลักสูตรได้ แบ่งเป็น 3 ระดับ คือ การปรับหลักสูตรเป็นรายวิชา การปรับหลักสูตรระดับสถานศึกษา และการปรับหลักสูตรทั้งหมด ซึ่งการปรับหลักสูตรจะมีการมอบอำนาจให้แต่ละส่วนที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการได้ เช่น การปรับหลักสูตรเป็นรายวิชา ผู้อำนวยการสถานศึกษามีอำนาจในการอนุมัติปรับเพิ่มหรือลดหลักสูตรได้ การปรับหลักสูตรระดับสถานศึกษา ให้สถานศึกษาสามารถทำได้ โดยตั้งคณะกรรมการร่วมกับสถานประกอบการในพื้นที่เข้ามาหารือเพื่อปรับหลักสูตรร่วมกัน และการปรับหลักสูตรทั้งหมดจะต้องให้ส่วนกลาง คือ สอศ.ดำเนินการเอง ดังนั้นในการปรับหลักสูตรถ้าเป็นการเพิ่มหรือลดหลักสูตรบางรายวิชา การเพิ่มทักษะผู้เรียน สถานศึกษาสามารถดำเนินการเองได้ ซึ่งต่อไป สอศ.จะทำหนังสือชี้แจงและย้ำไปยังสถานศึกษาอีกครั้ง
“ทั้งนี้ การวางแผนผลักดันการเรียนระบบทวิภาคี การสร้างภาพลักษณ์ใหม่ การทำความร่วมมือกับสถานประกอบการชั้นนำให้มากขึ้น เพื่อที่จะผลิตและพัฒนาคนให้ตรงกับอุตสาหกรรมใหม่ตามที่รัฐบาลให้การสนับสนุน นอกจากนี้ ผมได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปปรับระเบียบใหม่ เพื่อดึงภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมพัฒนาการศึกษาในพื้นที่ของสถานศึกษา เช่น ในพื้นที่ของวิทยาลัยเกษตร วิทยาลัยเทคนิค เป็นต้น เพราะมีบางสาขาที่ต้องใช้เทคโนโลยีที่สูง แต่ทางวิทยาลัยไม่สามารถลงทุนเองได้ การดึงเอกชนเข้ามาร่วมลงทุนทางการศึกษาจะช่วยทำให้วิน-วิน ทั้ง 2 ฝ่าย เพราะเด็กได้ฝึกใช้เครื่องมือจริง และสถานประกอบการได้คนที่มีทักษะตรงกับความต้องการ” นายสุเทพ กล่าว
เลขาธิการ กอศ. กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ สอศ.กำลังดำเนินการประเมินผลในช่วงภาคเรียนแรกของ โครงการ “อาชีวะอยู่ประจำ เรียนฟรี มีอาชีพ” ซึ่งในปีการศึกษา 2565 สามารถดึงเด็กกลับมาเรียนในโครงการได้กว่า 4,000 คน โดยจะทำการประเมิน 3 ส่วนก่อน เช่น ประเมินในส่วนของผู้ปกครอง เพื่อสอบถามว่าผู้ปกครองมีความกังวลใจหรือไม่อย่างไรที่ให้เด็กมาอยู่ประจำในโครงการฯ และสอบถามผู้เรียน ว่าการมาอยู่หอพักได้รับความสะดวกสบายและได้รับการดูแลอย่างไร และสอบถามสถานศึกษาและครู ว่า บริหารโครงการนี้อย่างไรและมีปัญหาอุปสรรคอย่างไร บ้าง โดยการประเมินใน 3 ส่วนนี้จะต้องดำเนินให้แล้วเสร็จภายในภาคเรียนที่ 1 นี้ และต้องประเมินให้เสร็จภายในเดือน ก.ย.นี้ และหลังจากเด็กเรียนจบหลักสูตรแล้ว สอศ.ก็จะทำการประเมินในส่วนที่ 4 คือ ประเมินสถานประกอบการ ว่าเด็กในโครงการฯนี้ตอบโทจย์สถานประกอบการได้หรือไม่อย่างไร และประมาณเดือน ต.ค.นี้ ศธ.จะต้องนำเสนอให้คณะรัฐมนตรี(ครม.)รับทราบผลการดำเนินโครงการฯ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี