ศาลอุทธรณ์ พิพากษายกฟ้อง ถวิล พึ่งมา อดีต อธก.สจล. ทุจริต กับพวก อีก 4 คน ทนายสงกานต์ยันคดีมีพิรุธตั้งแต่ต้น ส่วนคดีที่ศาลอาญาตดีทุจริต ฯ ของนายถวิลจบแล้ว อัยการไม่อุทธรณ์
วันที่ 17 สิงหาคม 2565 เวลา 09.30 น. ที่ศาลอาญามีนบุรี ถ.สีหบุรานุกิจ ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีทุจริตเงินสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) รวม 3 สำนวน คดีหมายเลขดำ อ.1992/2558 , อ.6499/2558, อ.4592/2560 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 11 (อัยการจังหวัดมีนบุรี) สจล. และธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ฯ ผู้เสียหาย ร่วมกันเป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายทรงกลด ศรีประสงค์ อายุ 47 ปี อดีตผจก.ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาบิ๊กซีสุวินทวงศ์ จำเลยที่ 1, น.ส.อำพร น้อยสัมฤทธิ์ อายุ 63 ปี อดีตผอ.ส่วนการคลัง สจล. ที่ 2 , นายพูนศักดิ์ บุญสวัสดิ์ อายุ 34 ปี ที่ 3, น.ส. จันทร์จิรา โสประดิษฐ์ อายุ 34 ปี ที่ 4 , นายสมบัติ โสประดิษฐ์ อายุ 51 ปี ที่ 5 , นางระดม มัทธุจัด อายุ 62 ปี ที่ 6 , นายจริวัฒน์ สหพรอุดมการณ์ อายุ 39 ปี ที่ 7, นายภาดา บัวขาว อายุ 35 ปี ที่ 8 , นายถวิล พึ่งมา อายุ 67 ปี อดีตอธก.สจล.ที่ 9 , นายสรรพสิทธิ์ ลิ่มนรรัตน์ อายุ 58 ปี อดีตผช.อธก.สจล. ที่ 10 , นายสลุต ราชบุรี อายุ 61 ปี ที่ 11 , นายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด ที่ 12 , นายสมพงษ์ สหพรอุดมการณ์ ที่ 13 และนายธวัชชัย ยิ้มเจริญ ที่ 14ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1- 14 ตามลำดับ ในความผิดฐาน ร่วมกันลักทรัพย์ , ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม , ร่วมกันปลอมตั๋วเงินและใช้ตั๋วเงินปลอม , เป็นพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ร่วมกันเบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือผู้อื่นโดยทุจริต , เป็นพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด , ร่วมกันฟอกเงิน , สนับสนุนพนักงานมีหน้าที่ซื้อทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือของผู้อื่นโดยทุจริต , สนับสนุนพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147, 157, 264, 265, 266, 268, 335,พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์กร หรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 3,4,8,11 และพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปราบการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 3, 5, 7, 10 , 60
กรณีสืบเนื่องเมื่อระหว่างวันที่ 25 มิ.ย.- 12 พ.ย.55 ต่อเนื่องปี 2557 พวกจำเลยได้ร่วมกันยักยอกทรัพย์เบียดบังทรัพย์ 689 ล้านบาทเศษ ของ สจล.ไปเป็นของตนเองหรือผู้อื่นโดยทุจริต และยังร่วมกันฟอกเงินจำนวน303 ล้านบาทเศษด้วย
จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ โดยนายถวิล และกลุ่ม อาจารย์ สจล. รวม 3 คน ได้รับการประกันตัวระหว่างพิจารณาคดี
คดีนี้ศาลจังหวัดมีนบุรี(ขณะนั้น)มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 25 ธ.ค.61ให้จำคุก นายทรงกลด จำเลยที่ 1 รวม 193 ปี 8 เดือนลดโทษให้ 1 ใน 4 คงจำคุก 145 ปี 3 เดือน เมื่อรวมลงโทษทุกกระทงแล้วคงจำคุกนายทรงกลดทั้งสิ้น 50 ปี ตามกฎหมาย ให้ชดใช้เงินคืน สจล.โจทก์ร่วมที่ 1 ตามแคชเชียร์เช็ค 2 ฉบับ รวม 80 ล้านบาท และคืนเงิน แก่ธนาคารไทยพาณิชย์ ฯโจทก์ร่วมที่ 2 อีก 636,795,884.80 บาท
ส่วน “น.ส.อำพร” อดีต ผอ.ส่วนการคลัง สจล. จำเลยที่ 2 จำคุกรวม 203 ปี ลดโทษ 1 ใน 4 คงจำคุก 152 ปี 3 เดือนเมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วคงจำคุกทั้งสิ้น 50 ปี โดยให้จำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 ชดใช้เงินคืน สจล.โจทก์ร่วมที่ 1 ตามแคชเชียร์เช็ค 2 ฉบับ รวม 80 ล้านบาท และคืนเงิน แก่ธนาคารไทยพาณิชย์ ฯโจทก์ร่วมที่ 2 อีก 608,675,884.80 บาท
นายพูนศักดิ์ จำเลยที่ 3 ให้จำคุกฐานร่วมกันฟอกเงิน 12 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 4 คงจำคุกทั้งสิ้น 9 ปี
น.ส.จันทร์จิรา จำเลยที่ 4 ให้จำคุกฐานร่วมกันฟอกเงิน 6 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 4 คงจำคุกไว้ 4 ปี 6 เดือน
นางระดม มัทธุจัด จำเลยที่ 6 ให้จำคุกฐานร่วมกันฟอกเงิน 18 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 4 คงจำคุกทั้งสิ้น 13 ปี 6 เดือน
นายจริวัฒน์ จำเลยที่ 7 ให้จำคุกฐานร่วมกันฟอกเงิน 12 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 4 คงจำคุกไว้ 9 ปี
นายสรรพสิทธิ์ อดีตผช.อธก. สจล.จำเลยที่ 10 ให้จำคุก 33 ปี ฐานร่วมกันฟอกเงิน ลดโทษให้ 1 ใน 4 คงจำคุก 24 ปี 9 เดือน โดยให้ร่วมจำเลยที่ 1 และที่ 2 คืนเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ โจทก์ร่วมที่ 2 อีก 55,972,785.80 บาท
นายสลุต จำเลยที่ 11 ให้จำคุก12 ปีฐานร่วมกันฟอกเงิน ลดโทษให้ 1 ใน 4 คงจำคุกทั้งสิ้น 9 ปี
ายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด กก.บริษัทมัทธุจัด จก.จำเลยที่ 12 ที่รับโอนเงินจากการฉ้อฉลเข้าบัญชี ให้จำคุก36 ปีฐานร่วมกันฟอกเงิน ลดโทษให้ 1 ใน 4 คงจำคุกทั้งสิ้น 27 ปี โดยโทษกระทงหนักสุดที่จำคุกสูงสุดนั้นเกินกว่า 3 ปีแต่ไม่เกิน 10 ปีดังนั้นเมื่อรวมลงโทษทุกกระทงแล้วคงจำคุกทั้งสิ้น 20 ปีตามกฎหมาย
นายสมพงษ์ จำลยที่ 13 ให้จำคุก 6 ปีฐานร่วมกันฟอกเงิน ลดโทษให้ 1 ใน 4 คงจำคุกทั้งสิ้น 4 ปี 6 เดือน
และนายธวัชชัย จำเลยที่ 14 ให้จำคุกฐานร่วมกันฟอกเงิน 6 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 4 คงจำคุกไว้4 ปี 6 เดือน
โดยให้พิพากษายกฟ้องนายสมบัติ จำเลยที่ 5 , นายภาดา จำลยที่ 8 และนายถวิล พึ่งมา อดีตอธก.สจล.จำเลยที่ 9
โจทก์จำเลย ยื่นอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้วเห็นว่า อุทธรณ์ จำเลยบางคนฟังขึ้นบางส่วน พิพากษา แก้ให้ยกฟ้องนายจริวัฒน์จำเลยที่ 7 นายสรรพสิทธิ์ ที่ 10 นายสมพงษ์ที่ 13 และนายธวัชชัย จำเลยที่ 14 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ภายหลังนายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ทนายความของนายถวิล เปิดเผยว่า วันนี้ศาลอุทธรณ์ พิพากษาตามศาลชั้นต้น ให้ยกฟ้องนายถวิล นางสมบัติ และนายภาดา และให้ยกฟ้องจำเลยเพิ่มอีก 4 คน คือ นายจริวัฒน์ สหพรอุดมการณ์ นายสรรพสิทธิ์ ลิ่มนรรัตน์ อดีตผู้ช่วยอธิการบดี สจล.นายสมพงษ์ สหพรอุดมการณ์ และนายธวัชชัย ยิ้มเจริญ ส่วนจำเลยที่เหลือให้จำคุกตามศาลชั้นต้น
นายสงกานต์ กล่าวอีกว่า คดีนี้มีข้อพิรุธตั้งแต่เริ่มต้น เนื่องจากเงินของสจล.ถูกยักยอกไปก่อนที่นายถวิลจะมาดำรงตำแหน่งอธิการบดี แต่กลับโยนความผิดให้กับนายถวิล โดยกล่าวหาว่าเป็นผู้ยักยอกคนเดียวทั้งหมด อีกทั้งการมอบอำนาจให้นักการภารโรงทำหน้าที่ในการเบิกจ่ายเงินจำนวน 150 ล้านบาท ของสจล.ก็เป็นเรื่องที่ผิดปกติ ดังนั้น จึงเรียกร้องให้ตำรวจสอบสวนกลาง รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้ามารับผิดชอบในการสอบสวนดำเนินคดีเพิ่มเติม เนื่องจากเชื่อว่ายังมีผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดอีกหลายคน
ส่วนคดีที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ยกฟ้องนายถวิล กรณีทุจริตเบิกเงิน สจล. กว่า 700 ล้านบาท ถือว่าคดีสิ้นสุดแล้วเนื่องจากอัยการไม่อุทธรณ์ ทั้งนี้ การเรียกร้องความเป็นธรรมให้นายถวิลอยู่ระหว่างการพิจารณาสำนวนคดีและคำเบิกความคดีนี้
ด้านนายภาดา เปิดเผยว่า มอบหมายให้ทนายความรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อฟ้องเอาผิดกลับผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคนในการกล่าวหา เพราะที่ผ่านมาชีวิตและการทำงานได้รับผลกระทบจากการกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีทุจริตนี้ ซึ่งวันนี้ผ่านมา 4 ปี 8 เดือน ถือว่าตัวเองเป็นผู้บริสุทธิ์และได้รับความเป็นธรรมจากกระบวนการยุติธรรมแล้ว.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี