สมาคมพัฒนาเศรษฐกิจเกษตรรักษ์โลก เดินสายหนุนชาวนา ทำนาแบบเกษตรอินทรีย์ เน้นใช้ชีวภาพและชีวภัณฑ์ที่ปลอดสารพิษ หวังชาวนาผลิตข้าวมีคุณภาพ ส่งผลดีต่อ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สนองโครงการข้าวรักษ์โลก และนโยบายเศรษฐกิจสีเขียวของรัฐบาล เผย จ.บุรีรัมย์ ได้รับการสนับสนุน มากกว่าทุกจังหวัด

วันที่ 31 ส.ค.65 ที่ห้องประชุมโรงเรียนแสลงโทนพิทยาคม ต.แสลงโทน อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ นางสัญชยพร อุทัยพันธุ์ หัวหน้าสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ(สทบ.) สาขา 7 เป็นประธานเปิดโครงการข้าวรักษ์โลก BCG model การแก้ไขปัญหาข้าวอย่างยั่งยืน ตามแนวทางของรัฐบาล ซึ่งสมาคมพัฒนาเศรษฐกิจเกษตรกรรักษ์โลก ร่วมกับกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ(กทบ.) จัดขึ้น เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรชาวนาไทย ได้หันมาทำนาในรูปแบบเกษตรอินทรีย์ในทุกมิติ โดยใช้จุลินทรีย์ชีวภาพและชีวภันฑ์ที่ปลอดสารพิษ ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการข้าวที่มีคุณภาพสอดคล้องกับบริบทในพื้นที่ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมทั้งระบบ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในโครงการที่สอดคล้องกับนโยบายเศรษฐกิจสีเขียว ที่ทางรัฐบาลให้ความสำคัญ เพื่อให้เกษตรกรสามารถผลิตข้าวได้อย่างมีคุณภาพ ปลอดภัยจากสารพิษตกค้าง และได้ข้าวที่มีคุณภาพตรงตามสายพันธุ์ ซึ่งจะช่วยในการรักษาสุขภาพของทั้งชาวนาและเป็นผลดีต่อผู้บริโภค รวมถึงช่วยลดผลกระทบในสิ่งแวดล้อมด้วย

โดยมีนายสานิตย์ จิตต์นุพงศ์ ประธานที่ปรึกษาสมาคมพัฒนาเศรษฐกิจเกษตรรักษ์โลก และ ดร. ภณ ทัพพินท์กร นายกสมาคมพัฒนาเศรษฐกิจเกษตรรักษ์โลก เป็นวิทยากรบรรยายให้ความรู้ และชี้แจงแนวทางการดำเนินโครงการข้าวรักษ์โลก ด้วย BCG Model รวมทั้ง สมาคมพัฒนาเศรษฐกิจเกษตรรักษ์โลก จะสนับสนุนจุลินทรีย์ชีวภาพ และโดรน หรืออากาศยานไร้คนขับมาใช้ในการเกษตร เพื่อช่วยลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิตแก่กลุ่มเกษตรกร ในพื้นที่นำร่องของ จ.บุรีรัมย์ จำนวน 5 กลุ่ม/หมู่บ้าน คือ กลุ่มเกษตรที่เป็นสมาชิกกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ในพื้นที่ ต.แสลงโทน อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ จำนวน 4 กลุ่ม/หมู่บ้าน และเกษตรกรสมาชิก กทบ.ต.เขาคอก อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ อีก 1 กลุ่ม/หมู่บ้าน ที่เข้าร่วมโครงการ

นายสานิตย์ จิตต์นุพงศ์ ประธานที่ปรึกษาสมาคมพัฒนาเศรษฐกิจเกษตรรักษ์โลก กล่าวว่าโครงการข้าวรักษ์โลก BCG Model เกษตรปลอดภัย เน้นการทำเกษตรอินทรีย์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อสนับสนุนให้เกษตรกรลดการใช้สารเคมี และหันมาใช้จุลินทรีย์ชีวภาพ เพื่อยกระดับการผลิตข้าว สู่มาตรฐานการผลิตข้าวอย่างยั่งยืน และเป็นการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยการสนับสนุนให้เกษตรกรชาวนาไทย หันมาทำนาแบบประณีต ที่มุ่งเน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการข้าว ที่มีคุณภาพสอดคล้องกับบริบทในพื้นที่ สำหรับในพื้นที่ภาคอีสาน มี จ.มหาสารคาม ร้อยเอ็ด อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ และ จ.บุรีรัมย์ เข้าร่วมโครงการ และพบว่า จ.บุรีรัมย์ ได้รับการสนับสนุนมากกว่าทุกจังหวัดที่ได้เพียงจังหวัดละ 2-3 กองทุน แต่ จ.บุรีรัมย์ ได้มากถึง 5 กองทุน

ทั้งนี้ ถือเป็นหนึ่งในโครงการที่สอดคล้อง กับนโยบายเศรษฐกิจสีเขียวที่ทางรัฐบาลให้ความสำคัญ เพื่อให้เกษตรกรสามารถผลิตข้าวคุณภาพดี ปลอดภัยทั้งต่อตนเอง ต่อผู้บริโภค และไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้ข้าวเป็นที่ต้องการของตลาด ขายได้ราคา มีตลาดรองรับ ก่อให้เกิดความยั่งยืนในการประกอบอาชีพของพี่น้องชาวนาไทยได้ในระยะยาว

ด้าน ดร. ภณ ทัพพินท์กร นายกสมาคมพัฒนาเศรษฐกิจเกษตรรักษ์โลก กล่าวว่าโครงการข้าวรักษ์โลก BCG Model เกษตรปลอดภัย มีความต้องการให้เกษตรกรชาวนาทำนาโดยลดการใช้สารเคมี เพื่อช่วยลดต้นทุนการลิต เพิ่มผลผลิต มีรายได้เพิ่มขึ้นจากต้นทุนที่ลดลง ส่งผลให้เกิดความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน รวมถึงเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งการทำข้าวรักษ์โลก BCG Model เป็นการทำนาแบบปราณีต ส่งผลให้ผลผลิตข้าวมีคุณภาพ จำหน่ายได้ราคาดี ซึ่งจะทำให้ชาวนามีรายที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ซึ่งเกษตรกรจำเป็นต้องมีเครื่องมือที่ทันสมัย เข้ามาเป็นตัวช่วยในการทำเกษตร เพื่อลดข้อจำกัดด้านแรงงาน ด้านปัจจัยการผลิต และด้านพลังงาน ทางสมาคมพัฒนาเศรษฐกิจเกษตรรักษ์โลก พร้อมที่จะสนับสนุนให้เกษตรกรชาวนา และช่วยอำนวยความสะดวก เพื่อลดต้นทุนทั้งด้านแรงงานและปัจจัยการผลิต ที่ปัจจุบันมีราคาสูงขึ้น โดยการสนับสนุนสารจุลินทรีย์ และนวัตกรรมที่ทันสมัยมาใช้ในการทำนา คือโดรนเพื่อการเกษตร แก่กลุ่มเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการข้าวรักษ์โลก BCG Model เพื่อเข้ามาช่วยให้เกิดการลดต้นทุนการผลิตได้จริง ซึ่งจะส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป - 003