เตือนภัยลิงก์ปลอม
คลิกเดียวสูญเงินหมดบัญชี
อ้างเป็นของสรรพากร
หลอกคืนภาษีย้อนหลัง
ตุ๋นลงทุนคริปโตฯโผล่อีก
ตำรวจเตือนภัย!! คนร้ายอ้างเป็นสรรพากร ส่งลิงก์ปลอมคลิกเดียวสูญเงินหมดบัญชี ด้าน “ทิพานัน”ห่วงประชาชนระวังตกเป็นเหยื่อหลอกลงทุนคริปโตฯ ชี้ช่องตรวจสอบข้อมูลก่อนตัดสินใจ ย้ำรัฐบาลห่วงนักลงทุนดิจิทัล กำชับทุกหน่วยงานให้ความรู้สกัดการสูญเสีย
เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2565 เวลา 09.30 น. ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) หรือ PCT เปิดเผย คนร้ายใช้วิธีโทรศัพท์หาผู้เสียหายอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่สรรพากร หลอกส่งลิงค์เว็บไซต์ปลอม ถอนเงินจากบัญชีผู้เสียหาย
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ กล่าวว่า วิธีการของคนร้ายจะอ้างเป็นเจ้าหน้าที่สรรพากร บอกเหยื่อว่า ไม่ได้ยื่นชำระภาษีประจำปี 2564 เมื่อพูดคุยสอบถามรายละเอียด ถ้าเหยื่อมีรายได้ไม่ถึงหนึ่งแสนห้าหมื่นบาท สรรพากรจะดำเนินการคืนภาษีให้ โดยได้ส่งลิงค์ h t t p://acgd6.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ปลอมที่มีหน้าตาเหมือนเว็บไซต์ของสรรพากรจริงๆ ให้ผู้เสียหายเข้าไปลงทะเบียน และเมื่อผู้เสียหายกดขอคืนเงินภาษีในเว็บไซต์ดังกล่าว จะส่งเลขรหัส OTP 6 ตัวแจ้งเข้ามาในเครื่องโทรศัพท์ของเหยื่อ จากนั้นคนร้ายจะขอรหัสไป และจะสามารถเข้าควบคุมเครื่องโทรศัพท์ของผู้เสียหาย และถอนเงินจากบัญชีผู้เสียหายไปจนหมดบัญชี นอกจากนั้นยังได้ข่มขู่เอาเงินเพิ่มจากผู้เสียหาย โดยอ้างว่ามีภาพหรือข้อมูลลับที่ได้จากเครื่องผู้เสียหายไป
รอง ผบ.ตร. กล่าวต่อว่า วิธีป้องกันตนเองต่อภัยโจรออนไลน์ในหลากหลายรูปแบบ ในกรณีนี้ สามารถป้องกันได้โดย 1.ควรตรวจสอบตัวสะกดลิงค์เว็บไซต์ต่างๆ ในช่องเว็บเบราเซอร์ ว่าถูกต้องตรงตามจริง
2.ข้อความรหัสตัวเลข 3-6 ตัว(รหัส OTP ที่ส่งมายังเครื่องของท่าน หากท่านไม่ทราบที่มาที่ไป ไม่ควรแจ้งให้ผู้อื่นทราบ
3.การติดต่อจากเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกครั้ง ควรตรวจสอบจากเบอร์กลางของหน่วยงานนั้นๆ และกรณีเจ้าหน้าที่สรรพากรไม่มีนโยบายขอคืนภาษีผ่านการดำเนินการทางโทรศัพท์ จะดำเนินการจ่ายคืนเป็นเช็คธนาคารกรุงไทย จำกัด เท่านั้นโดยเว็บไซต์จริงของกรมสรรพากรคือ https://www.rd.go.th
ผอ.PCT กล่าวอีกว่า รัฐบาลมีความห่วงใยปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งปัจจุบันสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนอย่างมาก สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งปราบปรามและหาทางป้องกันอย่างจริงจัง ซึ่งปัจจุบันศูนย์ PCT มีการเตือนภัยพี่น้องประชาชน รูปแบบกลโกงของคนร้ายรวมทั้งสิ้น 18 วิธี หากสงสัยเกรงจะตกเป็นเหยื่อสามารถปรึกษาได้ที่ สายด่วน บช.สอท. 1441 หรือ ศูนย์ PCT 081-8663000 ผู้เสียหายสามารถแจ้งความผ่านระบบออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ www.thaipoliceonline.com และสามารถติดตามรูปแบบการประชาสัมพันธ์กลโกงได้ที่ pctpr.police.go.th
น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เตือนพี่น้องประชาชนศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน ก่อนตัดสินใจลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งบิตคอยน์ และคริปโทเคอร์เรนซี อาจถูกหลอกลวงสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง ทั้งนี้ ปัจจุบันพบว่ามีกลุ่มผู้เสียหายถูกหลอกให้ลงทุนซื้อขายเหรียญคริปโตฯ สูญเงินไปกว่าหลายล้านบาท
น.ส.ทิพานัน กล่าวต่อว่าว่า นักลงทุนควรศึกษาให้รอบคอบก่อนการลงทุนและตรวจสอบว่าผู้ขายอยู่ในข่ายที่ต้องได้รับใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. หรือไม่ หากเข้าข่ายได้รับอนุญาตแล้วหรือยัง โดยสามารถตรวจสอบรายชื่อผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับใบอนุญาตได้ที่ www.sec.or.th หรือทางแอปพลิเคชัน “SEC Check First” หากมีข้อสงสัย สามารถโทรปรึกษาได้ที่ ศูนย์บริการประชาชน ก.ล.ต. โทร. 1207 ที่สำคัญควรตรวจสอบชื่อเว็บไซต์และรายชื่อผู้ประกอบธุรกิจให้ครบถ้วนทุกตัวอักษร เพื่อป้องกันมิจฉาชีพปลอมแปลง และสามารถแจ้งความในคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีผ่านทางศูนย์ฯผ่าน เว็บไซต์ www.thaipoliceonline.com หรือเดินทางไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวนในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ รวมทั้งติดตามข้อมูลข่าวสารของทางการเกี่ยวกับการหลอกลวงลงทุน
น.ส. ทิพานัน กล่าวว่า รัฐบาลยังยืนยันว่าสนับสนุนการลงทุนด้านดิจิทัล เพื่อความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ โดยปัจจุบันประเทศไทยมีกฎหมายที่กำกับดูแลการออกและเสนอขายสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทยโดยตรง คือ พ.ร.ก. การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อคุ้มครองผู้ลงทุน ลดความเสี่ยงจากการถูกหลอกหรือถูกเอาเปรียบ สร้างความชัดเจนในการกำกับดูแลให้ผู้ที่ต้องการใช้สินทรัพย์ดิจิทัลนี้โดยสุจริตสามารถทำได้ และป้องกันการฟอกเงินหรือใช้สินทรัพย์ดิจิทัลในทางไม่สุจริต และเพื่อให้สามารถนำเทคโนโลยีมาทำให้เกิดการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน ส่วนหากมีการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายฉบับนี้ก็จะมีโทษทางอาญา โดยฐานความผิดและอัตราโทษเทียบเคียงได้กับกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และยังมีการนำบทบัญญัติเกี่ยวกับมาตรการลงโทษทางแพ่งมาบังคับเพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายนี้ด้วย
“รัฐบาลมีความห่วงใยเป็นอย่างมาก มีการกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการป้องปรามและเร่งให้ความรู้เกี่ยวกับ กฎหมายและการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อความรู้ความเข้าใจ หลีกเลี่ยงไม่ให้เผชิญความเสี่ยงจนเกิดการสูญเสีย รวมทั้งตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ”น.ส.ทิพานัน กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี