วันที่ 5 กันยายน 2565 จากกรณีที่มีทนายความพาผู้ปกครองของเด็กหญิง ป.6 ของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ใน ต.บางเสาธง อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ เข้าแจ้งความเอาผิด นักการภารโรง ของทางโรงเรียนดังกล่าว ในข้อหา กระทำอนาจารเยาวชนอายุไม่ถึง 15 ปี ซึ่งต่อมาทางนักการภารโรง เดินทางมามอบตัวกับทางพนักงานสอบสวน โดยปฏิเสธข้อกล่าวหา และอ้างว่าเด็กไม่อยากลง ส่วนสุราแวะซื้อจริงแต่จะเอากลับไปดื่มที่บ้านพัก ส่วนที่ถูกกล่าวหากอดและหอมแก้มเด็กนั้น นายมนต์เทียน ให้การปฏิเสธ อ้างว่าไม่ได้ถูกเนื้อต้องตัวเด็กแต่อย่างใด  

ความคืบหน้าล่าสุด  นายศกลวัฒน์ กองสมบัติ รอง.ผอ.สพป. สมุทรปราการ เขต 2 , นายธีรยุทธ ปลั่งวิจิตร ผอ.โรงเรียน พร้อมดัวยนักจิตวิทยาโรงเรียน ประจำ สพป.สมุทรปราการ เขต 2 ได้ร่วมกันแลงข่าวชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น 

นายศกลวัฒน์ กองสมบัติ รอง.ผอ.สพป.สมุทรปราการ เขต 2 กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวจากที่ได้รับทราบข้อมูลจากผู้อำนวยการโรงเรียน ทางเขตการศึกษาก็เป็นห่วง และสั่งการให้ดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงโดยเร่งด่วน ผลการตรวจสอบนั้นพบว่าเป็นความจริง โดยคนที่ถูกกล่าวหานั้นเป็นนักการภารโรงที่เป็นอัตรา จ้างจึงให้ออกจากพื้นที่เพื่อความปลอดภัยของเด็กนักเรียนและมีคำสั่งให้ไล่ออกตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา  ทางเขตการศึกษายังได้สั่งการให้ผู้อำนวยการและครูเข้มงวดในเรื่องการดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับนักเรียนและครูให้มีมาตรการในเรื่องของรถรับส่งนักเรียนในช่วงนี้เพื่อความสบายใจของเด็กนักเรียนและผู้ปกครอง ส่วนการรับสมัครนักการคนใหม่แทนคนที่ออกไปซึ่งเป็นอัตราจ้างนั้นต้องดูแลเรื่องงบประมาณอีกครั้ง แต่ก็จะมีการเข้มงวดมากขึ้น ส่วนในขณะนี้เรื่องรถรับส่งให้ผู้ปกครองมาส่งเด็กไปก่อนในช่วงปลายเทอมนี้

ด้าน นายธีรยุทธ ปลั่งวิจิตร ผอ.โรงเรียน กล่าวว่า ทางโรงเรียนได้ตั้งคณะกรรมการสืบหาข้อเท็จจริง หลักฐานต่างๆทั้งเด็กที่ประสบเหตุและคนอื่นๆในเรื่องการดื่มสุราและเรื่องชู้สาวโดยนักการยอมรับว่าพูดในลักษณะชู้สาวกับเด็กมีการจับมือหอมแก้มเด็กจริงทางครูประจำชั้นก็พยายามที่จะสอบถามเด็กหลายครั้งว่าก่อนหน้านี้มีการทำลักษณะเดียวกันหรือไม่หรือทำอย่างอื่นมากกว่านั้น โดยเด็กยืนยันว่ามีการจับมือและพูดจาลักษณะชู้สาวแต่ไม่ถึงขนาดล่วงล้ำทางเพศสำหรับนักการคนนี้ทำงานมาแล้ว 10 ปี โดยตนเองเข้ามารับตำแหน่ง 2 ปีไม่พบว่าก่อนหน้านี้นักการจะมีพฤติกรรมในลักษณะนี้เลย ซึ่งในขณะนี้ได้ให้นักการ คนดังกล่าวออกจากการปฏิบัติหน้าทีและหยุดการขับรถรับส่งนักเรียน รวมถึงภรรยาของนักการที่ขายของอยู่ในโรงเรียนดังกล่าวให้ออกด้วย

ทั้งนี้ทั้งโรงเรียนทราบเรื่องเมื่อวันที่ 30 สิงหาคมวันที่ 1 กันยายน ทางโรงเรียนจึง ได้ดำเนินการให้ นักการคนดังกล่าวหยุดขับรถรับส่งและให้ออกจากนักการ ส่วนกรณีที่ทางโรงเรียนไม่ได้พาผู้ปกครองไปแจ้งความเนื่องจากผู้ปกครองแจ้งว่าหากมีการไล่ออกจากพื้นที่ทั้งนักการและครอบครัวก็จะไม่แจ้งความไม่ได้เป็นข้อเสนอของทางโรงเรียนที่จะไม่ให้ผู้ปกครองดำเนินคดี