‘กาแฟ’ไปได้สวย ก.เกษตรชูอัตลักษณ์เมล็ดพันธุ์อะราบิกาชนะประกวด กิโลละ 23,000 บาท

‘กาแฟ’ไปได้สวย ก.เกษตรชูอัตลักษณ์เมล็ดพันธุ์อะราบิกาชนะประกวด กิโลละ 23,000 บาท

วันอาทิตย์ ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2565, 08.59 น.

รัฐบาลส่งเสริมปลูกกาแฟไปได้สวย ก.เกษตรชูอัตลักษณ์เฉพาะถิ่น เมล็ดพันธุ์อะราบิกาชนะประกวด กิโลละ 23,000 บาท

11 กันยายน 2565 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลส่งเสริมการปลูกกาแฟ เนื่องจากประเทศไทยมีสภาพพื้นที่เหมาะสมกับการปลูกกาแฟ จึงทำให้สามารถปลูกกาแฟในสายพันธุ์ที่ตลาดต้องการได้ทั้งพันธุ์อะราบิกาและพันธุ์โรบัสต้า โดยเน้นให้เกษตรกรเลือกการปลูกกาแฟตามสายพันธุ์ที่เหมาะสมต่อพื้นที่เป็นหลัก และความคุ้นชินของเกษตรกร รวมถึงตลาดรับซื้อผลผลิตในพื้นที่ โดยทางกระทรวงเกษตรฯและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกำหนดแผนบริหารจัดการการผลิตกาแฟจากภาคเหนือจรดใต้ สร้างคุณภาพได้ครบวงจรตั้งแต่การผลิต การแปรรูป ถึงการตลาด ผลผลิตคุณภาพดีเป็นที่ยอมรับในระดับสากล สร้างรายได้ และความยั่งยืนแก่เกษตรกร ซึ่งปัจจุบันกาแฟถือเป็นพืชเศรษฐกิจของประเทศชนิดหนึ่งที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มแบบก้าวกระโดด


นางสาวรัชดา กล่าวว่า ล่าสุด เมื่อสิงหาคมที่ผ่านมา กระทรวงเกษตรฯได้จัดงานประมูล 10 สุดยอดกาแฟไทย ปี 2565 ได้รับความร่วมมือจากผู้เชี่ยวชาญด้านกาแฟระดับประเทศมาร่วมทดสอบรสชาติกาแฟ และคัดเลือกเมล็ดกาแฟที่เป็น 10 สุดยอดกาแฟไทยใน 4 ประเภทอย่างพิถีพิถัน รวมทั้งสิ้น 40 รายการ โดยเมล็ดกาแฟอะราบิกา ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศในประเภทกระบวนการผลิตแบบกึ่งแห้ง (Semi-Dry / Honey Process) ของเกษตรกรจากจังหวัดน่าน ซึ่ง ได้รับการประมูลมีมูลค่าสูงที่สุด คือกิโลกรัมละ 23,000 บาท ในขณะที่กาแฟอะราบิกาแบบเปียก หรือ Wet / Fully Wash Process มีมูลค่าการประมูลสูงสุดอยู่ที่กิโลกรัมละ 3,050 บาท   ส่วนกาแฟอะราบิกาแบบแห้ง หรือ Dry Process มีมูลค่าการประมูลสูงสุดอยู่ที่กิโลกรัมละ 5,050 บาท และกาแฟโรบัสต้า มีมูลค่าการประมูลสูงสุดอยู่ที่กิโลกรัมละ 5,500 บาท

นางสาวรัชดา กล่าวว่า นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ได้สั่งการให้กรมส่งเสริมการเกษตรดูแลเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟตลอดห่วงโซ่การผลิต เพื่อยกระดับคุณภาพกาแฟไทยให้มีอัตลักษณ์ของกาแฟเฉพาะถิ่น รวมถึงบูรณาการหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน นักวิชาการ สถาบันการศึกษา และเกษตรกร เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าและสร้างการเกษตรยั่งยืนที่มีความทันสมัย ที่สำคัญ เกษตรกรต้องสามารถขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ ทั้งนี้ ด้วยนโยบายการตลาดนำการผลิต ควบคู่กับการส่งเสริมให้เกษตรกรรวมตัวกันในรูปแบบแปลงใหญ่หรือวิสาหกิจชุมชนเพื่อนำผลผลิตกาแฟมาแปรรูปในรูปแบบกาแฟพร้อมดื่ม และสร้างแบรนด์สินค้าเพื่อให้เป็นที่รู้จัก ปัจจุบันราคาเมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้สูงมาก  ต่างจากที่ก่อนหน้านี้ราคาเมล็ดกาแฟถูกมาก   และมีแปลงใหญ่หลายแห่งประสบความสำเร็จ สามารถสร้างชื่อให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง เช่น กาแฟเขาทะลุ กาแฟถ้ำสิงห์ หรือกาแฟกระบี่ เป็นต้น

-005

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top