ศาลอาญาคดีทุจริตฯ ยกฟ้องอดีต อธ.ดีเอสไอ "ทวี สอดส่อง" กับพวก ไม่ผิดม.157 กลั่นแกล้ง"สมคิด"ให้ต้องรับโทษ คดีอุ้มฆ่านักธุรกิจซาอุฯ
เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2565 ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถ.เลียบทางรถไฟ ย่านตลิ่งชัน ศาลอ่านคำพิพากษาคดีที่ พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม อดีตจเรตำรวจ เป็นโจทก์ฟ้อง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) , พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย หัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน และ พ.ต.ท.เบญจพล จันทวรรณ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เป็นจำเลยที่ 1 - 3 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงาน ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ และเป็นพนักงานสอบสวน เจ้าพนักงานที่มีอำนาจสืบสวน กระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดๆ ในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบ เพื่อกลั่นแกล้งให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดต้องรับโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 , มาตรา 157 และมาตรา 200 วรรคสอง
โดยคดีนี้ พล.ต.ท.สมคิด ยื่นฟ้องสรุปว่า เมื่อ พ.ศ.2552 พ.ต.อ.ทวี อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กับพวก รวม 3 คน ปฏิบัติหน้าที่เป็นคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษที่ 4/2547 ได้ร่วมกันสอบสวนดำเนินคดี พล.ต.ท.สมคิด โจทก์กับพวก รวม 5 คน ตกเป็นผู้ต้องหากล่าวหาว่า ร่วมกันฆ่า นายโมฮัมหมัด อัลรูไวลี่ นักธุรกิจชาวซาอุดีอาระเบีย โดยสอบสวนและอ้าง พ.ต.ท.สุวิชชัย หรืออัคควุธ แก้วผลึก เป็นพยาน พร้อมอ้างแหวนทองวัตถุพยาน ของกลางเป็นพยานหลักฐานใหม่ เพื่อสอบสวนรื้อฟื้นดำเนินคดี พล.ต.ท.สมคิด กับพวก ทั้งที่ไม่มีพยานหลักฐานที่จะรับฟังได้ว่าผู้ต้องหากับพวกร่วมกันกระทำความผิด
ทั้งในการสอบสวนพยาน คือ พ.ต.ท.สุวิชชัย ที่เป็นจำเลยหลบหนีหมายจับตามคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลอุทธรณ์ ของศาลจังหวัดมีนบุรี ให้ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต ในคดีร่วมกันฆ่า นายฉัตรดำรงพรรณ ไชยเฉลิมภัค เชื้อพระวงศ์ลาว โดยมีพฤติการณ์ส่อว่าจูงใจ ต่อรองเพื่อให้พยานกลับคำให้การจากเดิมเป็นพยานบอกเล่าไม่เห็นเหตุการณ์ เปลี่ยนเป็น กลับคำให้การว่าเห็นเหตุการณ์ ขณะที่โจทก์ กับพวกกระทำผิด กระทั่งพนักงานอัยการมีคำสั่งฟ้อง พล.ต.ท.สมคิด โจทก์กับพวก เป็นจำเลย คดีอาญาหมายเลขดำที่ อ.119/2553 ข้อหาร่วมกันฆ่า นายโมฮัมหมัด อัลรูไวลี่
ต่อมาทั้งศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกา พิพากษายกฟ้อง พล.ต.ท.สมคิด โจทก์กับพวกรวม 5 คน ทั้งสามศาล จึงนำคดีมาฟ้อง พ.ต.ท.ทวี กับพวก
ศาลอาญาคดีทุจริตฯ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า กรณีถือว่ามีพยานหลักฐานใหม่และสำคัญในการดำเนินกระบวนพิจารณาคดีนี้และไม่ปรากฏข้อเท็จจริง การชักจูงหรือบังคับขู่เข็ญให้พยานเบิกความเท็จอีกทั้งคำให้การของ พ.ต.ท.สุวิชชัย ไม่ได้ให้การพาดพิงถึงตัวโจทก์เลย สำหรับการสืบพยานก่อนฟ้องเป็นดุลยพินิจของพนักงานอัยการและศาลการจัดให้มีการชี้ตัวผู้ต้องหาจะต้องกระทำให้เป็นไปตามกฏหมาย แต่ในคดีนี้ไม่มีการชี้ตัวจึงไม่ทำให้การสอบสวนต้องเสียไป จำเลยทั้งสามจึงปฎิบัติหน้าที่โดยชอบแล้ว พิพากษายกฟ้อง
ขณะที่ พล.ต.ท.สมคิด กล่าวว่า ตนเคารพในคำพิพากษาของศาล แต่คดียังไม่ถึงที่สุด ตนจะขอใช้สิทธิยื่นอุทธรณ์คดีตามกรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดต่อไป
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี