เร่งพร่องน้ำรับมือท่วมฉับพลัน
กทม.ยังเสียงสง
‘ชัชชาติ’ตั้งศูนย์บริหารส่วนหน้า
ทั่วไทยฝนกระหน่ำยาวถึง21ก.ย.
5นร.อุดรธานีโดนไฟช็อตปลอดภัย
“ชัชชาติ” ผู้ว่าฯกทม. กังวลกรุงเทพมหานครยังมีความเสี่ยงสูง เร่งพร่องน้ำรับมือท่วมฉับพลัน พร้อมจับมือทุกฝ่ายวางแผนเครียด เพราะแนวโน้มฝนตกเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะชุมชนริมคลองระบายน้ำ พร้อมตั้ง “ศูนย์บัญชาการบริหารจัดการน้ำส่วนหน้า”แก้ไขปัญหา ขณะที่ 5 นักเรียนในอุดรธานีลุยน้ำโดนไฟช็อตปลอดภัยแล้ว
เมื่อวันที่ 17 กันยายน ที่ห้องประชุมโรงเรียนกุศลศึกษา วัดชัยพฤกษมาลาฯ เขตตลิ่งชัน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) ประชุมร่วมกับ รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ผู้อำนวยการศูนย์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิต และรองประธานกรรมการมูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ และนายธเนศร์ สมบูรณ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยา กรมชลประทาน เพื่อวางแผนป้องกันและลดผลกระทบน้ำท่วมชุมชนริมคลองมหาสวัสดิ์และคลองบางกอกน้อย
นายชัชชาติกล่าวหลังหารือว่า ได้แบ่งปันข้อมูลที่ทำให้เห็นถึงสภาพภูมิอากาศของโลกที่เปลี่ยนไปชัดเจน และมีปริมาณฝนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์ช่วงเดือนที่ผ่านมาที่ฝนตกหนักเพิ่มขึ้นในพื้นที่กรุงเทพมหานครเป็นผลทำให้เกิดน้ำท่วม ซึ่งต้องพูดคุยถึงการปรับยุทธศาสตร์รับมือและวางแผน ซึ่งมีการคุยกันถึงแผนระยะสั้นและระยะยาว และต้องนำเอาคนในชุมชนมามีส่วนร่วมแก้ปัญหา
สำหรับแผนแก้ปัญหาน้ำท่วมระยะสั้น เสนอให้มีการบัญชาการของกทม.จัดให้ผอ.เขตเป็นผู้บัญชาการส่วนหน้าร่วมกับชุมชน ซึ่งกทม.ทำอยู่แล้ว มีสำนักการระบายน้ำเป็นตัวกำกับ เพราะเห็นภาพรวมของน้ำทั้งหมด และจะจัดยุทธศาสตร์ตามลำดับขั้น อีกทั้ง นำประชาชนมามีส่วนร่วมสะท้อนปัญหา ทำให้การแก้ปัญหาเร็วขึ้น การทำงานเป็นลักษณะแนวร่วมหรือหน่วยอาสาสู้น้ำท่วมของแต่ละชุมชน โดยกทม.ให้ทรัพยากรเพิ่ม เช่น กระสอบทราย เมื่อเกิดปัญหาจะได้มาช่วยอุดหรือช่วยบรรเทาปัญหาไปก่อนที่กทม.จะเข้าไปดำเนินการ และช่วยให้ข้อมูลน้ำหรือข้อมูลปัญหาในพื้นที่ ก็เป็นสิ่งที่กทม.จะไปพัฒนาต่อ
เล็งจับมือจว.รอบกรุงทำแผนระบายน้ำ
ส่วนระยะกลางและระยะยาว นายชัชชาติเผยว่า รศ.ดร.เสรีแนะนำให้สร้างความร่วมมือกับหน่วยงานอื่น ทั้งกรมชลประทานและจังหวัดต่างๆ ที่ผ่านมาถ้าดูผังการระบายน้ำของ กทม. เป็นการระบายน้ำภายในกรุงเทพฯ เช่น จากฝั่งตะวันออกมาคลองแสนแสบ ผ่านประตูระบายน้ำพระโขนง ลาดพร้าว มาออกบางซื่อ บางเขน ทางลาดกระบังก็มาออกทางประเวศ ทำให้ทุกอย่างไหลเข้ามาอยู่ในตรงกลางหมด แต่อนาคตจะระบายน้ำแบบนี้ไม่ได้แล้ว ต้องระบายผ่านจังหวัดอื่น ดังนั้น ต้องคุยกับจังหวัดใกล้เคียง มีกรมชลประทานเป็นคนประสาน หากปล่อยให้แต่ละจังหวัดต่างคนต่างระบายน้ำเกิดปัญหาขัดแย้งกันแน่นอน
น้ำท่วมเขตลาดกระบังคุมได้แล้ว
สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมในเขตลาดกระบังวันนี้ นายชัชชาติกล่าวว่า น้ำในคลอง ประเวศบุรีรมย์ ระดับน้ำลดลงอยู่ในระดับควบคุมได้ เหลือในพื้นที่ชุมชนย่อยที่น้ำขังแล้วออกไม่ได้ ต้องเข้าไปดู ซึ่งสั่งการให้ผู้อำนวยการเขตลาดกระบังดูแลใกล้ชิด และตอนนี้ได้ประกาศให้เป็นพื้นที่ภัยพิบัติ ต้องช่วยเหลือเยียวยา
ขณะที่รศ.ดร. เสรีกล่าวว่า กรุงเทพมหานครถือเป็นพื้นที่เสี่ยง ทั้งจากฝนที่มีการคาดการณ์ว่ามีปริมาณเพิ่มมากขึ้น และเสี่ยงเกิดน้ำท่วมใหญ่มากขึ้น มีงานวิจัยบ่งชี้ว่าปริมาณฝนที่ตกใน 1 วันของพื้นที่กรุงเทพเพิ่มขึ้น 14-20% และจำนวนวันที่มีฝนตกจะเพิ่มขึ้น 50-80% ขณะที่เดือนตุลาคมคาดการณ์ว่าฝนจะหนักกว่าเดือนกันยายน ทำให้ต้องเตรียมรับมือ ขณะที่การระบายน้ำพื้นที่ฝั่งตะวันตกต้องบริหารจัดการเร่งสูบน้ำออกจากคลองให้ทันในช่วงฝนตกหนัก
“มีข้อเสนอต่อผู้ว่าฯกทม.เพื่อรับมือน้ำท่วม โดยระยะสั้นต้องตั้งศูนย์บริหารสถานการณ์ศูนย์อำนวยการบริหารจัดการน้ำส่วนหน้า ให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วม ให้ผู้อำนวยการเขต เป็นผู้อำนวยการศูนย์ส่วนหน้า ติดตามผลกระทบประสานหน่วยงานอื่นมาช่วย ส่วนระยะกลาง ระยะยาว ให้ผู้อำนวยการเขตและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประเมินร่วมกับชุมชน ภาคประชาชนเพื่อหาพื้นที่หน่วงน้ำพื้นที่สีเขียว พื้นที่ชุ่มน้ำและพื้นที่ระบายน้ำในพื้นที่ รวมทั้งประเมินภาพรวมดำเนินการระหว่างเขต ต้องประสานงานผู้ว่าฯจังหวัดลุ่มน้ำลดผลกระทบคนที่อยู่ปลายน้ำ เตรียมป้องกันพื้นที่ชายฝั่ง และระดับน้ำทะเลหนุนสูงขึ้นในอนาคตให้เป็นวาระแห่งชาติ”รศ.ดร.เสรีระบุ
เขื่อนลุ่มเจ้าพระยายังรับน้ำได้อีก
นายธเนศร์ สมบูรณ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยา กรมชลประทานกล่าวเพิ่มเติมว่า การบริหารจัดการน้ำของกรมชลประทาน เขื่อนลุ่มน้ำเจ้าพระยาทั้ง เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อย และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีพื้นที่รับน้ำอีก 1 หมื่นล้านลูกบาศก์เมตร เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2554 ตอนนั้นเหลือพื้นที่รับน้ำไม่ถึง 3 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนเรื่องฝนเทียบกันระหว่างปี 2554 และปี 2565 จะเห็นว่าปีนี้ ฝนทางภาคเหนือและภาคกลางต่ำกว่าฝนที่ตกเมื่อปี 2554 รวมทั้งปีนี้ยังไม่มีพายุเข้าไทยจึงต้องเฝ้าระวังปลายเดือนกันยายนนี้ว่าจะมีพายุหรือไม่
ตัดยอดน้ำเหนือไม่เข้ากทม.ปริมณฑล
“ยืนยันว่าน้ำเหนือที่จะไหลลงมา กรมชลฯได้ตัดยอดน้ำก่อนเข้ากรุงเทพฯ และปริมณฑลให้หมด ให้เหลือเฉพาะการระบายน้ำในกรุงเทพฯและปริมณฑลเท่านั้น เพื่อไม่ให้กระทบการระบายน้ำในกรุงเทพฯ นอกจากนี้ ยังเร่งระบายน้ำในพื้นที่กทม.และพื้นที่รอยต่อ เช่น ฝั่งตะวันออกที่ลาดกระบัง หนองจอก มีนบุรี ซึ่งปัจจุบันยังมีน้ำในพื้นที่จำนวนมาก กรมชลประทานจึงติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำลงสู่คลองย่อยไปสู่คลองใหญ่ ทำให้น้ำในคลองประเวศ ที่รับน้ำจากลาดกระบังลดลงต่อเนื่อง หากฝนไม่ตก 3-4 วันนี้ จะระบายน้ำลงคลองได้หมด”นายธเนศร์กล่าว
3นร.ที่ถูกไฟช็อตจมน้ำปลอดภัยแล้ว
ความคืบหน้าหลังเกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมในเขตเทศบาลนครอุดรธานี จ.อุดรธานี เป็นเหตุให้เกิดไฟฟ้ารั่วและช็อตเด็กนักเรียน หลังโรงเรียนสตรีราชินูทิศ ถนนศรีชมชื่น ระหว่างนั้นนายอรรถชัย อาจอุดมหรือบาส อายุ 19 ปี นักศึกษาชั้น ปวส.2 วิทยาลัยเทคนิคอุดรธานี มาเห็นเหตุการณ์และเข้าช่วยเหลือ ขณะนี้ทุกคนอาการปลอดภัยแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานีไปเยี่ยมนักเรียนที่โดนไฟฟ้าช็อต ซึ่งมีนักเรียนที่โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี แพทย์ให้นอนดูอาการที่ห้องหอผู้ป่วยอุบัติเหตุและฉุกเฉินเพื่อดูอาการ 3 คน มีด.ช.ชยุต อายุ 12 ปี นักเรียนมัธยศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนอุดรพิทยานุกูล ที่ถูกไฟฟ้าช็อตนอนหมดสติแช่น้ำอยู่ น.ส.จิดาภา อายุ 15 ปี นักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนสตรีราชินูทิศ และนายอรรถชัยหรือบาสผู้เข้าช่วยเหลือและโดนไฟฟ้าช็อตด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานีขอบใจและชื่นชมความมีน้ำใจของน้องบาส พร้อมมอบเงินส่วนตัวเป็นรางวัล ให้ไปซื้อโทรศัพท์มือถือใหม่แทนเครื่องเก่าที่ตกน้ำ พร้อมมอบกระเช้าเยียวยาผู้บาดเจ็บเบื้องต้น ส่วนผู้ที่หายดีแล้วแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้
กฟภ.อุดรฯแจงไฟรั่ว2จุด-นร.เจ็บ5
ด้านนายวิจารณ์ คลังบุญครอง ผู้ช่วยผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เขต 1 (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) ชี้แจงกรณีเด็กนักเรียนถูกไฟฟ้าช็อตได้รับบาดเจ็บว่า มีทั้งหมด 5 ราย ซึ่งการไฟฟ้าฯตรวจสอบอุบัติเหตุไฟฟ้าดูดนักเรียนแล้วมี 2 จุด ได้แก่ จุดที่ 1 หลังโรงเรียนสตรีราชินูทิศ บริเวณโคนเสาไฟสาธารณะมีผู้บาดเจ็บ 3 ราย ตรวจสอบพบกระแสไฟฟ้ารั่วที่เสาโคมไฟถนน เมื่อน้ำท่วมทำให้กระแสไฟฟ้ารั่วกระจายลงน้ำ จุดที่ 2 ที่สี่แยกคอกม้า เหตุเกิดที่โคนเสาไฟต้นที่ติดตั้งหม้อแปลง ที่เป็นทรัพย์สินของโรงเรียนปัญญาภิวัฒน์ มีผู้บาดเจ็บถูกไฟฟ้าดูด 2 ราย ตรวจสอบแล้ว สันนิษฐานว่ามีไฟฟ้ารั่วในโรงเรียน กระแสไฟฟ้าไหลลงดินหรือลงน้ำ ลักษณะเดียวกันกับจุดที่ 1 การไฟฟ้าฯแก้ไขเรียบร้อยแล้ว
ทั่วไทยฝนตกหนักมากระวังน้ำท่วม
เมื่อเวลา 17.00 น. กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศเตือน ฉบับที่ 5 เรื่อง ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทย มีผลกระทบทั่วทุกภาคของประเทศไทยจนถึงวันที่ 21 กันยายนว่า ช่วงวันที่ 17 - 21 กันยายน ความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศลาวและเวียดนามตอนบน ส่งผลให้ร่องมรสุมเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ไทยมีฝนตกหนักถึงหนักมาก มีลมกระโชกแรงบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก ลมกระโชกแรง และฝนที่ตกสะสมอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มในระยะนี้ไว้ด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี