18 กันยายน 2565 พ.ต.ต.ประกาศิต พละเดช สว.สอบสว. สภ.ห้วยใหญ่ ได้รับแจ้งว่า พบศพเด็กผู้ชายนอนตายปริศนา ภายในโรงจอดรถบ้านพัก ในพื้นที่ซอยหัวหนอง ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับทราบ แล้วพร้อมด้วย พ.ต.อ.สุรกิจ อินอ่ำ ผกก.สภ.ห้วยใหญ่ ตำรวจฝ่ายสืบสวน แพทย์เวร รพ.วัดญาณฯ หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยา รีบไปทำการตรวจสอบ โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 กันยายนที่ผ่านมา
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดี่ยวชั้นเดียว บริเวณโรงจอดรถ พบศพ ด.ช.ไกรศิริ หรือ น้องเขียด อายุ 14 ปี สภาพศพนอนคะแคงข้าง นุ่งกางเกงนักเรียนสีดำตัวเดียว มีร่องรอยเขียวช้ำจากถูกรัดด้วยเชือกที่ข้อมือทั้ง 2 ข้าง ตามร่างกายเต็มไปด้วยร่องรอยฟกช้ำเป็นจ้ำไปทั่ว เสียชีวิตมาแล้วประมาณ 3 ชม. แพทย์เวรได้ทำการชันสูตร เบื้องต้นร่องรอยเขียวช้ำที่เกิดขึ้น เกิดจากการถูกทำร้าย ตำรวจจึงทำการลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน พร้อมทั้งส่งศพให้สถาบันนิติเวชวิทยา ทำการผ่าชันสูตรหาสาเหตุการตายที่ละเอียดอีกครั้ง
นายเด่น อายุ 40 ปี เป็นน้าของเด็กที่เสียชีวิต เล่าว่า หลานถูกกลุ่ม ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกับอู่ซ่อม รถจยย.หน้าปากซอย ห่างจากจุดที่พบศพประมาณ 100 เมตร เป็นคนทำร้ายหลาน โดยกล่าวหาว่าน้องไปขโมยทอง 1 บาท และเงินสด 3 พันบาท
โดยก่อนเกิดเหตุประมาณตี 02.00 น. แม่ของตนได้ยินเสียงเด็กถูกทำร้าย ร้องทรมานด้วยความเจ็บปวด แม่จึงปลุกตนให้ลุกออกไปดู เมื่อออกไปดูก็พบว่ามีชายวัยรุ่น 4 คน 1 ใน 4 ชื่อนายพริก ไม่ทราบนามสกุล อายุประมาณ 25 ปี กำลังยืนล้อมหลานของตนอยู่ โดยพยายามขู่ให้คืนทองกับเงิน บางช่วงก็ใช้มือตบหลานหลายครั้งให้สารภาพ ตนเห็นท่าไม่ดีจึงขู่ว่าถ้าทำแบบนี้จะไปแจ้งตำรวจ แต่ถ้าเด็กขโมยจริงก็จับส่งตำรวจไป
แต่คนก่อเหตุพูดสวนกลับมาว่า “ถ้าส่งตำรวจก็ต้องถูกส่งตัวต่อไปสถานพินิจ เข้าไปไม่นาน เดี๋ยวออกมา” ส่วนหลานในขณะนั้นอยู่ในอาการเงียบไม่พูดตอบโต้อะไร ตนจึงขู่บอกว่าถ้า “ยังไม่หยุดทำร้ายหลาน จะไปแจ้งตำรวจ จริงๆ” จากนั้นกลุ่มคนร้ายก็อุ้มหลาน ขึ้นรถจักรยานยนต์สามล้อพ่วงข้าง โดยอ้างว่าจะพาหลานไปเอาทองที่ซ่อนไว้
ตอนนั้นยอมรับว่า คิดหลานเป็นคนขโมยของไปจริงๆ เพราะหลานปัจจุบันไม่ได้เรียนหนังสือ และเคยมีพฤติกรรมขโมยของถูกจับส่งสถานพินิจหลายรอบ จึงไม่ได้แจ้งความกับตำรวจ จนกระทั่งมีคนมาเล่าว่า เห็นกลุ่มวัยรุ่นพาหลานนั่งซ่อนท้าย ประกบหน้าประกบหลัง พาหลานมาส่งช่วงประมาณ 11 โมงของวันเดียวกัน ก่อนจะพบว่าหลานกลายเป็นศพดังกล่าว ท่ามกลางเสียงวิพากวิจารณ์ว่า “ทำไมต้องทำกันถึงขนาดนี้”
ขณะที่ นายวิทยา อายุ 44 ปี ผู้เป็นพ่อของน้อง ซึ่งยังอยู่ในอาการโศกเศร้า เปิดเผยเพียงว่า แม่ของน้องเพิ่งเสียชีวิตเมื่อปีที่แล้ว ปีนี้ก็ต้องมาสูญเสียน้อง ยอมรับว่าทำใจไม่ได้ เพราะมีลูกคนเดียว และขอให้ตำรวจจับคนร้าย มาดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
ด้าน นางติ๋ว อายุ 65 ปี ผู้เป็นย่า ของน้องที่เสียชีวิต เปิดเผยว่า หลังจากแม่ของหลานเสีย ก็ไม่ยอมไปโรงเรียน ตระเวนเร่ร่อนไปทั่วในหมู่บ้าน เหมือนเด็กไม่มีความสุข ขาดความอบอุ่น โดยก่อนเกิดเหตุ นายพริก เป็น 1 ในผู้ก่อเหตุ ได้มาถามหาหลาน โดยอ้างว่าหลานไปขโมยทองและเงิน พร้อมทั้งขู่ว่า ”ไม่ต้องทำอะไร เดี๋ยวจัดการเอง” จนหลานมาเสียชีวิตดังกล่าว พร้อมทั้งประณามกลุ่มก่อเหตุว่า ทำไมถึงขั้นฆ่าแกงกัน
พ.ต.อ.สุรกิจ อินอ่ำ ผกก.สภ.ห้วยใหญ่ กล่าวว่า ในเบื้องต้น ให้กำชับฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่หาข่าว กลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุทั้งหมด และเร่งติดตามคนร้าย มาดำเนินโดยเร็วที่สุด เพราะถือเป็นคดีอุจฉกรรจ์สะเทือนขวัญ เพราะเด็กมีอายุเพียง 14 ปี นอกจากนี้ยังให้พนักงานสอบสวน สอบปากคำพยานทุกปาก เพื่อเร่งรวบรวมหลักฐาน เพื่อออกหมายจับกลุ่มผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป. 012
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี