พี่สาวร้องกองปราบรื้อคดี‘พญ.’ยิงตัวตายมีเงื่อนงำ หวั่นถูกฆาตกรรม
19 กันยายน 2565 นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พา พญ.เอกอุรา ตันวรเศรษฐี เข้ายื่นหนังสือถึง พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.และ พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป.ให้รื้อคดีการเสียชีวิตของ พญ.อุรารัตน์ เบญจารัตนมณี น้องสาว เนื่องจากครอบครัวไม่เชื่อว่าเป็นการยิงตัวเองเสียชีวิต แต่น่าจะเป็นการฆาตกรรม เนื่องจากคดีมีเงื่อนงำหลายอย่าง และผู้ตายไม่มีมูลเหตุจูงใจให้ก่อเหตุยิงตัวเอง ประกอบกับพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีไม่ทำคดีชันสูตรนับจากวันเกิดเหตุจนถึงปัจจุบัน และไม่เอาสำนวนไว้ที่ สภ.บางปะอิน แต่เพิ่งได้รับกลับคืนมาวันที่ 16 ก.ย.65 ซึ่งเป็นการทุจริตต่อหน้าที่ในการช่วยเหลือผู้กระทำผิด
นายอัจฉริยะ กล่าวว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2563 พบ พญ.อุรารัตน์ เสียชีวิตในห้องนอนโดยมีผ้าห่มคลุมอยู่และมีอาวุธปืนตกอยู่ทางด้านซ้าย หลังเกิดเหตุตำรวจได้เก็บอาวุธปืนของกลางและโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่องไปตรวจพิสูจน์และแพทย์มาชันสูตรการเสียชีวิต ผลการชันสูตรที่ รพ.ธรรมศาสตร์ (รังสิต) พบมีสารยานอนหลับในร่างกาย และผู้ตายถูกเอาหมอนกดทับที่หน้าอกแล้วยิง โดยแพทย์นิติเวชยืนยันว่าผู้ตายอาจจะยิงตัวตายหรืออาจจะมีคนทำให้ตายก็ได้ แต่ไม่ฟันธงว่ายิงตัวเองตายหรือถูกทำให้ตาย
นายอัจฉริยะ ระบุว่า หลังจากที่มีการผ่าพิสูจน์ศพแล้วพบว่ามีข้อพิรุธ โดยเฉพาะผู้ตายถูกยิงทะลุผ่านหมอนและผ่านหน้าอกทะลุลงไปยังพื้นในที่นอน สภาพศพผู้เสียชีวิตคุณหมอระบุว่ามีการนอนตะแคงและเป็นคนถนัดขวา แต่อาวุธปืนตกทางซ้าย ประกอบกับผู้ตายยิงปืนไม่เป็น แต่ลักษณะการยิงดูคล้ายกับมือปืนมืออาชีพ อีกทั้งในวันที่เกิดเหตุผู้ตายได้นัดแม่ฟอกไตช่วงตี 5 ทำให้ไม่มีมูลเหตุในการกินยานอนหลับ นอกจากนี้ในวันเกิดเหตุทราบมาว่ามีโทรศัพท์มือถือหายไปจำนวน 1 เครื่อง และทราบว่าพนักงานสอบสวนมีการนำอาวุธปืนที่ได้จากที่เกิดเหตุเอาไปขายและแจ้งว่าทำหายไปแล้ว
“สำหรับมูลเหตุจูงใจในการเสียชีวิตน่าจะเกิดจากคนใกล้ชิดของผู้ตายและพวกอย่างน้อย 2 ราย ร่วมกันก่อเหตุ จึงมาร้องกองปราบปรามให้รื้อคดีขึ้นมาใหม่ และแม้จะผ่านมาเกือบ 2 ปี แต่หากจะรื้อคดีนี้ก็สามารถทำได้ ไม่ได้เป็นอุปสรรคเพราะมีทั้งพยานหลักฐานและผลนิติเวช ซึ่งหลักฐานทุกอย่างครบถ้วนสมบูรณ์เหลือแต่ที่กองปราบที่จะช่วยคลี่คลายคดีนี้” นายอัจฉริยะ กล่าว
ด้าน พญ.เอกอุรา ตันวรเศรษฐี พี่สาวของผู้ตาย เชื่อว่าน้องสาวถูกฆาตกรรม โดยเฉพาะผู้ต้องสงสัยเชื่อว่าเป็นคนสนิทของผู้ตายเอง เนื่องจากมีปัญหากันมาตลอดหลายปี ประกอบน้องสาวไม่มีเหตุจูงใจให้ต้องฆ่าตัวตาย เพราะได้มีการวางแพลนชีวิตและการทำงานไว้ โดยเตรียมจะย้ายลงไปทำงานที่ อ.เบตง จ.ยะลา เพราะไม่อยากมีปัญหากับคนสนิท แต่ดันมาเกิดเหตุเสียก่อน
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี