‘โนรู’ถล่มทัวไทย
รับมือจมฉับพลัน-น้ำป่าไหลหลาก
64จังหวัดเฝ้าระวังฝนตกหนัก
ศรีสะเกษต้นไม้ทับรถตาย1เจ็บ2
โคราชปักธงแดงลำตะคองจ่อล้น
‘อุบลฯ’น้ำมูลทะลักท่วม15อำเภอ
ชัชชาติเร่งลดระดับน้ำคลองเปรม
อุตุฯเตือนพายุโนรู ทำฝนตกหนัก 64 จังหวัดทั่วไทยถึง 30 กันยายนนี้ ด้าน ปภ.ชี้ 4 จังหวัดอีสาน เกิดน้ำท่วม-วาตภัยจากพายุโนรู ส่วน กอนช.เฝ้าระวังน้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูง อุบลฯ ต้นไม้ล้ม น้ำท่วม ศรีสะเกษ ฝนตกหนัก ต้นไม้ใหญ่โค่นทับรถดับ 1 เจ็บ 2 โคราชถนนหลายสายอัมพาต สุโขทัยนาข้าวจม1.5 หมื่นไร่
เมื่อวันที่ 29 กันยายน กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศ “พายุโนรู” ฉบับที่ 23 ว่าพายุดีเปรสชั่นโนรู มีศูนย์กลางอยู่บริเวณอ.เมือง จ.ชัยภูมิ
โดยมีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 50 กม./ชม.กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ด้วยความเร็วประมาณ 10 กม./ชม.คาดว่าจะอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงในระยะต่อไป ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังแรง ส่งผลทำให้มีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักมากบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้ง กทม.และปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ โดยมีลมแรงในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง
อุตุฯเตือนทั่วไทยระวังฝนตกหนัก
ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม สำหรับประชาชนที่อาศัยบริเวณชายฝั่งให้ระวังอันตรายจากคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่ง
ทะเลอันดามัน-อ่าวไทยคลื่นแรง
สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง โดยทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 3 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนล่างทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง เรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 1 ตุลาคม 2565
ปภ.ชี้‘โนรู’ทำ4จังหวัดอีสานอ่วม
ด้านกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) รายงานจากสถานการณ์ผลกระทบพายุโนรู ซึ่งเคลื่อนเข้าประเทศไทยบริเวณ อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 28 กันยายนที่ผ่านมา ส่งผลทำให้มีฝนตกหนักถึงหนักมาก กับมีลมแรงบริเวณภาคเหนือภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง ทำให้ช่วงวันที่ 28-29กันยายน เกิดสถานการณ์อุทกภัยและวาตภัยในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ ยโสธร และอุบลราชธานี รวม 5 อำเภอ 5ตำบล 5 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 6 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 1ราย ผู้ได้รับบาดเจ็บ 2ราย (จ.ศรีสะเกษ สาเหตุจากลมพัดต้นไม้ล้มทับรถยนต์)
ภาพรวมระดับน้ำลดลงทุกพื้นที่
ทั้งนี้ ภาพรวมระดับน้ำลดลงทุกพื้นที่ แยกเป็น 1.อำนาจเจริญ 2 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองและ อ.ลืออำนาจ รวม 2 ตำบล 2 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 6 ครัวเรือน 2.ศรีสะเกษ ที่ ต.เมืองหลวง อ.ห้วยทับทัน ส่งผลให้ต้นไม้ล้มทับรถกระบะ มีผู้เสียชีวิต 1 ราย ผู้บาดเจ็บ 2 ราย 3.ยโสธร ในพื้นที่ ต.หนองหิน อ.เมืองทำให้ถนนเสียหายไม่สามารถสัญจรผ่านได้ และ 4.อุบลราชธานี ที่ อ.เมืองสภาพอากาศแปรปรวน ส่งผลกระทบต่อการเดินอากาศ ปริมาณน้ำที่ ต.นิคมสร้างตนเอง อ.สิรินธร วัดได้230 มิลลิเมตร และที่ ต.ท่าช้าง อ.สว่างวีระวงค์วัดได้ 164.1มิลลิเมตร
กอนช.เฝ้าระวังน้ำเจ้าพระยาสูงขึ้น
วันเดียวกัน กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ออกประกาศฉบับที่ 43/2565 เรื่องเฝ้าระวังระดับน้ำบริเวณแม่น้ำเจ้าพระยา โดยคาดการณ์ว่าจะมีน้ำไหลผ่านสถานีวัดน้ำ C2 จ.นครสวรรค์ ในเกณฑ์ 2,500-2,800ลบ.ม.ต่อวินาที ซึ่งปริมาณน้ำจะไหลมารวมกับแม่น้ำสะแกกรัง และลำน้ำสาขา ไหลเข้าเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท ทำให้ปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา เพิ่มขึ้นอยู่ในเกณฑ์ 2,300-2,500 ลบ.ม.ต่อวินาที ช่วงวันที่ 1-7 ตุลาคม 2565 โดยจะส่งผลให้ระดับน้ำด้านท้ายเขื่อนเพิ่มสูงขึ้นจากเดิมประมาณ 30-60 เซนติเมตร บริเวณชุมชนพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำ อ.สรรพยา จ.ชัยนาท / อ.อินทร์บุรี อ.เมือง อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี / อ.ป่าโมก อ.ไชโย คลองโผงเผง จ.อ่างทอง / คลองบางบาล อ.เสนา อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา /จ.ปทุมธานี / จ.นนทบุรี / กทม.และ จ.สมุทรปราการ จึงขอให้เฝ้าระวังและเตรียมพร้อมรับสถานการณ์
เขื่อนเจ้าพระยาระบายน้ำเพิ่มอีก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เขื่อนเจ้าพระยา เพิ่มการระบายน้ำเป็น 2,300 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ต่อวินาที ทำให้ระดับที่ อ.สรรพยา จ.ชัยนาท สูงขึ้น ส่งผลให้น้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่หมู่ 5 ต.โพนางดำออก อ.สรรพยา ขยายวงกว้างมากขึ้น ระดับน้ำสูงประมาณ 30-50 เซนติเมตร ชาวบ้านต้องเก็บของขึ้นที่สูง และเร่งขนย้ายสิ่งของขนาดใหญ่ ไปฝากไว้ตามบ้านเพื่อนและบ้านญาติที่อยู่ในพื้นที่สูง รวมถึงนำรถยนต์ รถการเกษตร และอุปกรณ์ทำกิน หนีน้ำไปไว้บนถนนคลองมหาราช
ผู้สูงอายุต้องจ้างแรงงานขนของ
ขณะที่นางวาว ปุญญวัฒนะ อายุ 78 ปี ซึ่งอาศัยอยู่ในบ้านพักที่ถูกน้ำท่วมเพียงลำพัง ต้องว่าจ้างคนในหมู่บ้านมาช่วยขนย้ายข้าวของหนีน้ำ เนื่องจากไม่มีเรี่ยวแรงในการขนย้าย โดยน้ำก็ขึ้นเร็วจนแทบขนของไม่ทัน ส่วนของชิ้นใหญ่ เช่น โต๊ะ ตู้ เตียง ต้องเทินขึ้นไว้ให้สูงพ้นน้ำ ซึ่งน้ำท่วมปีนี้มากกว่าปีก่อน สิ่งของบางอย่างที่เก็บไม่ทันก็ต้องปล่อยให้จมน้ำเสียหายไป
อุบลฯต้นไม้ล้ม-น้ำเข้าท่วมถนน
ที่ จ.อุบลราชธานี ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากที่พายุโนรู เคลื่อนเข้าสู่พื้นที่ จ.อุบลราชธานี ช่วงคืนที่ผ่านมา ได้ทำให้เกิดฝนตกหนักครอบคลุมทั่วทั้งจังหวัด บางพื้นที่มีลมพัดแรง กระแสไฟฟ้าขัดข้องหลายจุด เนื่องจากต้นไม้หักโค่นทับสายไฟถนนหลายสายมีน้ำท่วมขังเนื่องจากการระบายน้ำไม่ทันโดยเฉพาะถนนวาริน-กันทรลักษ์หน้าห้างสรรพสินค้าโลตัส สาขาวารินชำราบ ปรากฏว่ามีน้ำไหลท่วมถนนสูง 30-40เซนติเมตร ทำให้ผู้ใช้รถสัญจรต้องขับรถชิดกับช่องทางใกล้เกาะกลางถนน ส่วนรถเล็ก เจ้าหน้าที่ไม่แนะนำให้ใช้เส้นทางเพราะเกรงจะทำให้เกิดความเสียหาย
สำหรับสถานีวัดน้ำทุกอำเภอมีปริมาณน้ำฝนสูงกว่า 100 มิลลิเมตร น้ำในแม่น้ำมูลและแม่น้ำชีสูงกว่าตลิ่ง ทางเจ้าหน้าที่ชลประทานได้เร่งติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพิ่มเติมที่สะพานแม่น้ำมูล อ.พิบูลมังสาหาร
พายุซัดต้นไม้ล้มในหลายเส้นทาง
ขณะเดียวกันพายุฝนได้ซัดเอาต้นไม้ล้มทับถนนหลายเส้นทาง ทางกู้ภัยต้องเร่งเข้าช่วยเหลือชาวบ้านที่ประสบภัย โดยเฉพาะผู้ป่วยติดเตียงพื้นที่บ้านหาดสวนยา ไปยังศูนย์พักพิง นอกจากนี้ต้องเร่งขนย้ายข้าวของออกจากพื้นที่น้ำท่วม ซึ่งทางจังหวัดได้ตั้งศูนย์พักพิงเพิ่มเติมแล้ว เนื่องจากจุดพักพิงเดิมถูกน้ำเอ่อท่วม ในพื้นที่ชุมชนเกตุแก้ว เทศบาลเมืองวารินชำราบ
ส่วนระดับน้ำแม่น้ำมูลที่สถานีวัดน้ำสะพานเสรีประชิปไตย อ.เมือง จ.อุบลราชธานี อยู่ที่ 114.20 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง สูงกว่าตลิ่ง ในฝั่ง อ.วารินชำราบ 2.20 เมตร และมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง คาดการณ์ว่า วันที่ 4 ตุลาคมนี้ น้ำจะสูงกว่าตลิ่ง ที่ฝั่ง อ.วารินชำราบ ประมาณ 2.72 เมตร
คาดการณ์แม่น้ำมูลสูงขึ้น1-2เมตร
อย่างไรก็ดี ทางจังหวัดอุบลราชธานี คาดการณ์ว่าภายใน 4-5วันจากนี้ ระดับน้ำในแม่น้ำมูล จะสูงขึ้นอีกประมาณ 1–2 เมตร จึงขอให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกำหนดพื้นที่ในการตั้งศูนย์พักพิงช่วยเหลือผู้ประสบภัย และขอให้ประชาชนพื้นที่เสี่ยงรีบขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง โดยจะมีกำลังพลจากทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าให้การช่วยเหลือในการขนย้าย
อุบลฯได้รับกระทบแล้ว15อำเภอ
สำหรับสถานการณ์อุทกภัยใน จ.อุบลราชธานี พบว่าได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำเอ่อลันตลิ่งไหลเข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตร รวม15อำเภอ 38 เทศบาล/ตำบล 502 ชุมชน/หมู่บ้าน แยกเป็นด้านการดำรงชีพ ได้รับผลกระทบที่ อ.เมืองอ.วารินชำราบ อ.พิบูลมังสาหาร และ อ.สว่างวีระวงศ์12 เทศบาล/ตำบล 51 ชุมชน/หมู่บ้าน 3,184 ครัวเรือน 10,477คน อพยพ 46 ชุมชน 1,518 ครัวเรือน แยกเป็น ศูนย์พักพิงชั่วคราว 43 จุด1,199 ครัวเรือน 4,253คน พักบ้านญาติ 165ครัวเรือน 470 คน และอพยพขึ้นที่สูง 154ครัวเรือน 420 คน ด้านการเกษตร ได้รับผลกระทบ 15 อำเภอ 69 ตำบล 458ชุมชน/หมู่บ้าน 18,005ครัวเรือนพื้นที่การเกษตรเสียหาย 109,899 ไร่ พื้นที่ประมงได้รับผลกระทบ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.น้ำยืน อ.น้ำขุ่น และ อ.ม่วงสามสิบ 698 ครัวเรือน คาดว่าจะได้รับความเสียหาย 52,125ไร่
ศรีสะเกษถูกพายุโนรูถล่มดับ1เจ็บ2
ที่ จ.ศรีสะเกษ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พายุโนรู ได้ทำให้เกิดฝนตกตลอดวัน วัดปริมาณน้ำฝนได้ 99.2 มิลลิเมตร ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุหลายจุด มีต้นไม้หักโค่นขวางถนน โดยที่ถนนห้วยทับทัน-ปรางค์กู่ พบรถกระบะสีขาว ถูกต้นไม้ใหญ่โค่นทับและขวางถนน จนรถคันอื่นไม่สามารถผ่านไปมาได้ ภายในรถพบศพนายบัวสอน อายุ 51 ปี ผู้โดยสารนั่งอยู่เบาะข้างคนขับ ทางกู้ภัยต้องนำเครื่องตัดถ่างมางัดซากรถเพื่อนำร่างออกมา นอกจากนี้มีผู้บาดเจ็บ 2 คน คือนายประภาพงษ์ อายุ 38ปีและนายสมหมาย อายุ 58ปี ถูกนำส่งโรงพยาบาลห้วยทับทันไปแล้วก่อนหน้านี้
ส่วนที่ตัวเมืองศรีสะเกษ น้ำจากลำห้วยสำราญเอ่อล้นท่วมถนนและบ้านเรือนประชาชนทั้งหมด 10 ชุมชน จนต้องอพยพขึ้นไปอยู่บนที่สูง ด้านสถานีขนส่งผู้โดยสาร บขส.กันทรลักษ์ น้ำท่วมขังเต็มพื้นที่ ทางหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23ได้จัดกำลังเข้าช่วยเหลือ นำกระสอบทรายมาเสริมแนวกั้นน้ำ เพื่อบรรเทาไม่ให้น้ำเข้าไปยังสำนักงานบริษัทขนส่ง ซึ่งปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ
โคราชฤทธิ์‘โนรู’ทำน้ำท่วมหลายจุด
ด้าน จ.นคราชสีมา จากอิทธิพลของพายุโนรู ได้ส่งผลให้มีฝนตกในพื้นที่ต่อเนื่องข้ามวัน จนเกิดน้ำท่วมบนถนนหลายสายในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา เช่น ถนนราชดำเนิน ระดับน้ำสูงประมาณ 30-40 เซนติเมตร เป็นระยะทางยาวประมาณ 100 เมตร ตั้งแต่หน้าค่ายสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 จนถึงหน้าจวน ผวจ.นครราชสีมา รถขนาดเล็กและจักรยายนต์ผ่านไปมาอย่างลำบาก มีจักรยานยนต์ฝ่ากระแสน้ำจนรถดับกว่า 10 คันทางป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.นครราชสีมาได้เร่งสูบระบายน้ำท่วมขังผิวถนนส่วนเทศบาลนครนครราชสีมาได้ช่วยกันนำเศษขยะและวัชพืชที่กีดขวางทางน้ำออก
ขณะเดียวกัน ที่สามแยกจักราช เทศบาล ต.หัวทะเล น้ำท่วมถนนทั้งขาเข้าและขาออกระดับน้ำ 40 เซนติเมตร และตามตรอกซอกซอยมีน้ำท่วมขังเกือบทั้งหมด บางจุดที่เป็นที่ลุ่มต่ำน้ำท่วมสูงกว่า 50เซนติเมตร รถทุกชนิดไม่สามารถสัญจรได้ ต้องใช้เรือสัญจร มีชาวบ้านเดือดร้อนนับร้อยหลังคาเรือน
ถนนมิตรภาพ-เทศบาลโคราชรถติด
นอกจากนี้บริเวณถนนมิตรภาพขาออก ช่วงตลาดเซฟวันช่องคู่ขนาน และถนนทางเข้าชุมชนการเคหะ มีน้ำท่วมสูง 40-50เซนติเมตร การจราจรติดขัด ขณะที่ตัวเมืองเขตเทศบาลนครนครราชสีมาการจราจรก็ติดขัดอย่างหนัก ทางตำรวจจราจรต้องทำงานอย่างหนักท่ามกลางฝนที่กระหน่ำอยู่ตลอดเวลา
ปักธงแดงเตือนเฝ้าระวังลำตะคอง
ทั้งนี้ สถานการณ์ระดับน้ำในลำน้ำลำตะคองที่ไหลผ่านตัวเมืองนครราชสีมา เพิ่มสูงจนทางเทศบาลนครนครราชสีมาได้ปักธงแดง 1 จุด สีเหลือง 6 จุด แจ้งเตือนประชาชนตลอดริมสองฝั่งลำตะคองให้เฝ้าระวังน้ำท่วม ประกอบด้วย สะพานมิตรภาพ ซอย 4 ธงแดง ส่วนธงเหลือง มีสะพานหมู่บ้าน VIP, สะพาน รพ.มหาราชนครราชสีมา, ชุมชนทุ่งสว่าง-ศาลาลอย, สะพานถนนสุรนารายณ์, ชุมชนเกาะลอย-สำโรงจันทร์ และชุมชนไนท์บ้านเกาะ พร้อมกับให้ชาวบ้านเก็บข้าวของขึ้นที่สูง
สุโขทัยพบนาข้าวจมน้ำ1.5หมื่นไร่
ที่ จ.สุโขทัย ภายหลังมวลน้ำจากอ่างแม่ท่าแพ อ่างแม่มอก และแม่น้ำยมฝั่งขวา ได้ไหลสู่พื้นที่หมู่ 4 และหมู่ 6 ต.หนองกลับ อ.สวรรคโลก ทำให้เกษตรกรต่างต้องเร่งเกี่ยวข้าวในนาหนีน้ำท่วมก่อนจะได้รับความเสียหาย โดยน้ำได้เข้าท่วมนาข้าวรวมแล้วกว่า 15,000 ไร่
น.ส.อ่อนนุช บานแย้ม อายุ 50 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 ต.หนองกลับ ระบุว่า มวลน้ำได้ไหลเข้าท่วมนาข้าวที่หมู่ 4 และหมู่ 6 รวมทั้งหมดประมาณ 15,000 ไร่ แต่ที่เกี่ยวหนีน้ำไปแล้วรวม12,000 ไร่ ยังเหลืออีก 3,000 ไร่ ที่ยังเกี่ยวไม่ได้เพราะนาข้าวจมอยู่ในน้ำลึกกว่า 1 เมตร รถเกี่ยวเข้าไม่ถึง ทำให้สุ่มเสี่ยงที่จะเสียหายทั้งหมด ส่วนที่เกี่ยวหนีน้ำมาได้ 1 เกวียนก็จะขายได้ราคาประมาณ 7,500 บาท 6,000 บาท หรือ 4,000 บาท แล้วแต่สภาพข้าว ซึ่งบางส่วนต้องยอมขาดทุนเพราะดีกว่าปล่อยให้จมน้ำเสียหายทั้งหมด
ผู้ว่าฯกทม.จี้ลดระดับน้ำคลองเปรมฯ
อีกด้านหนึ่ง นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม.ลงพื้นที่บริเวณคลองเปรมประชากร ตัดกับคลองบางเขน ที่วัดเทวสุนทร ก่อนถ่ายทอดสดผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า คลองเปรมฯ ระบายน้ำจากด้านเหนือ คือดอนเมือง หลักสี่ ลงไปด้านล่าง ขณะนี้คลองเปรมฯ มีน้ำเยอะจากฝนที่ตกช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา จึงต้องติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพิ่มเพื่อไหลไปคลองบางซื่อ หากตัดน้ำมายังคลองบางเขนได้ จะทำให้ระดับน้ำในคลองเปรมฯ ลดเร็วขึ้น ไหลออกแม่น้ำเจ้าพระยาได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
คลองบางซื่อติดตั้งไม้บังคับน้ำเข้า
ขณะที่ นายอรรถเศรษฐ์ เพชรมีศรี ที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม.กล่าวว่า ขณะนี้มีการตั้งเครื่องสูบน้ำขนาด 30 นิ้ว 2 ตัว เพื่อเอาน้ำจากคลองเปรมฯ และคลองบางเขนไปสู่แม่น้ำเจ้าพระยา โดยจากจุดนี้ห่างจากแม่น้ำเจ้าพระยาเพียง 6 กิโลเมตร โดยเครื่องสูบที่ใช้ในจุดนี้ กรมทรัพยากรน้ำ ได้เข้ามาช่วยติดตั้ง เพราะตรงนี้เป็นชุมชนเทวสุนทร น้ำไหลได้ดี สามารถดันออกไปคลองบางเขน หลักการคือเอาน้ำออกไปยังแม่น้ำเจ้าพระยาให้เร็วที่สุด ซึ่งเวลานี้น้ำเหนือปล่อยมาเยอะ ปริมาณน้ำจะเพิ่มขึ้นอีกเพราะยังมีฝนตก เราก็จะดูเรื่องคลองเป็นหลัก เร่งระบาย พร่องน้ำให้เต็มที่ อัตราการเอาน้ำออกไปยังแม่น้ำเจ้าพระยา น่าจะทำได้มากขึ้น ยกเว้นน้ำทุ่งไหลเข้ามาเยอะย่านรังสิต คาดว่าทาง จ.ปทุมธานี ก็ยังหนัก ส่วน กทม.จะลุยเต็มที่ เช้านี้เขตสายไหมมีฝนตกเยอะ ปริมาณฝน 70 มิลลิเมตร ลาดกระบังราว 50 มิลลิเมตร กทม.ฝั่งตะวันออกน้ำทุ่งเข้ามามาก