พายุ‘โนรู’สิ้นฤทธิ์/ฝนยังหนัก
เตือน40จว.รับมือ
อีสานอ่วมท่วมเกือบ8แสนไร่
โคราชผวา12อ่างเก็บน้ำเต็ม
‘บุรีรัมย์’จมบาดาลสูง2เมตร
รร.นายร้อยจปร.หนักรอบ50ปี
‘ชัยนาท-ชัยภูมิ’น้ำยังท่วมขัง
กรมอุตุฯเตือน 40 จังหวัดทั่วไทย ฝนถล่ม เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ด้านจิสด้า ชี้ “โนรู”ทำน้ำท่วมอีสานเกือบ 8 แสนไร่ นาข้าวเสียหาย5 แสนไร่ บุรีรัมย์ จมบาดาล ท่วมสูงกว่า 2 เมตร ตชด.เร่งช่วยชาวอุบลฯ ประสบภัย ส่วนเรือนจำศรีสะเกษ ส่งผู้ต้องขังช่วยน้ำท่วม
เมื่อวันที่ 30 กันยายน กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์ลักษณะอากาศทั่วไป 24 ชั่วโมงข้างหน้าว่าหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงปกคลุมบริเวณภาคเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง ในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกทม.และปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้รวม 40 จังหวัด
อุตุฯเตือนเฝ้าระวังท่วมฉับพลัน
ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มในระยะนี้ สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย มีกำลังค่อนข้างแรง โดยทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 3 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง เรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบน ควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 1 ตุลาคม 2565
เหนือฝนตกร้อยละ80ของพื้นที่
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยจนถึงเวลา06.00 น.วันที่ 1 ตุลาคม 2565ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 80 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 70 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 80 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 80 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 3 เมตร
กทม.-ปริมณฑลมีฝนตกร้อยละ70
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 70 ของพื้นที่ ตั้งแต่ จ.สุราษฎร์ธานีขึ้นมา ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ตั้งแต่ จ.นครศรีธรรมราชลงไป ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงกว่า 2 เมตรภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 80 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 3 เมตรส่วน กทม.และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 70ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง
GISTDAชี้น้ำท่วมอีสาน8แสนไร่
ด้านสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (GISTDA)เผยข้อมูลจากดาวเทียม ติดตามพื้นที่น้ำท่วมที่เกิดจากพายุโนรูส่วนใหญ่พบว่าภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีพื้นที่น้ำท่วมแล้วสูงถึง 762,394 ไร่ ส่วนใหญ่พื้นที่ลุ่มน้ำชีและมูล ในพื้นที่ 17 จังหวัด ดังนี้ ศรีสะเกษ150,227 ไร่ สุรินทร์ 109,560 ไร่ อุบลราชธานี 109,176 ไร่ ขอนแก่น 93,972 ไร่ บุรีรัมย์ 66,942 ไร่ ร้อยเอ็ด 62,282 ไร่ นครราชสีมา 36,359 ไร่ มหาสารคาม 34,830 ไร่ ชัยภูมิ 29,523 ไร่ อำนาจเจริญ 19,404 ไร่ ยโสธร 16,937 ไร่ กาฬสินธุ์ 14,741 ไร่ หนองบัวลำภู 5,904 ไร่ สกลนคร 3,881 ไร่ อุดรธานี 3,373 ไร่ หนองคาย 2,925 ไร่ และ นครพนม 2,359 ไร่ นาข้าวเสียหายแล้วถึง 504,851 ไร่
ทั้งนี้ พื้นที่น้ำท่วมขังส่วนใหญ่ยังคงเป็นพื้นที่เกษตรกรรม พื้นที่ลุ่มต่ำ ริมสองฝั่งแม่น้ำสายหลักและสายรอง ชุมชนที่อยู่อาศัย และเส้นทางคมนาคมบางส่วน
‘โนรู’สิ้นฤทธิ์แต่หลายพื้นที่ยังมีฝน
อย่าไรก็ดี GISTDA เผยภาพจากดาวเทียมฮิมาวาริ-8 ของญี่ปุ่น ว่าพายุโนรูได้สลายตัวเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำสอดคล้องตามประกาศของกรมอุตุนิยมวิทยา แต่หลายพื้นที่ของประเทศไทยยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง โดยปริมาณฝนที่ตกได้เข้าไปเพิ่มเติม/สมทบกับปริมาณน้ำก่อนหน้านี้ส่งผลให้หลายพื้นที่มีน้ำท่วมมากขึ้น ซึ่งทางGISTDA ได้วางแผนและปรับแผนรับสัญญาณดาวเทียม เพื่อวิเคราะห์และติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมอย่างต่อเนื่อง
บิ๊กป้อมย้ำยังต้องเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยง
พล.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ สทนช.และ มทติดตามสถานการณ์ผลกระทบจากพายุโนรูที่อ่อนกำลังลง โดยขอให้กรมชลประทาน บริหารจัดการรักษาสมดุลการระบายน้ำทั้งเหนือเขื่อนและท้ายเขื่อน โดยคำนึงผลกระทบกับประชาชนส่วนใหญ่และพื้นที่ทางเศรษฐกิจที่สำคัญและกำชับฝ่ายปกครองร่วมกับหน่วยงานต่างๆ เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงฝนตกหนักมีปริมาณน้ำสะสมจากน้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมฉับพลัน โดยแจ้งเตือนและเข้าช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบโดยเร็ว
บุรีรัมย์ถูกพายุโนรูถล่มจมบาดาล
ที่ จ.บุรีรัมย์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อิทธิพลของพายุโนรู ได้ส่งผลให้เกิดฝนตกตลอดวัน ประกอบกับมวลน้ำจากที่สูงไหลมาสมทบ ทำให้น้ำชีที่ไหลผ่าน อ.กระสัง หนุนสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วม 2 หมู่บ้าน คือ บ้านโนนสว่าง และบ้านแสลงพัน ต.ลำดวน อ.กระสัง โดยเฉพาะบ้านโนนสว่าง ถูกน้ำล้อมรอบ รวมถึงถนนทางเข้า-ออก สูงเกือบ 2 เมตร ไม่สามารถสัญจรเข้า-ออกได้ ชาวบ้าน 42 หลังคาเรือน ถูกตัดขาดจากโลกภายนอกเป็นเวลานาน2 วันแล้ว
เบื้องต้น อบต.ลำดวน ได้นำเรือท้องแบนติดเครื่องยนต์ คอยบริการรับ-ส่งชาวบ้าน ในการทำธุระ นอกจากนี้ น้ำชียังหลากท่วมวัดบ้านโนนสง่า จนต้องนิมนต์พระสงฆ์ 3 รูป ที่จำวัด ออกไปยังสถานที่ปลอดภัย ขณะที่โรงเรียนโนนสว่าง ถูกน้ำท่วมต้องประกาศปิดการเรียนเป็นกรณีพิเศษอย่างไม่มีกำหนด สำหรับบ้านแสลงพันมีบ้านเรือนถูกตัดขาดประมาณ 7 หลังคาเรือน
อุบลฯตชด.รุดเข้าช่วยผู้ประสบภัย
พ.ต.อ.รินณวัฒน์ภูวัฒนติกานต์ ผกก.ตชด.22นำกำลังออกช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ อ.วารินชำราบ และ อ.เมือง จ.อุบลราชธานี โดยนำเรือท้องแบน 2 ลำ ไปช่วยขนย้ายข้าวของและสัตว์เลี้ยง ภายหลังพื้นที่ดังกล่าวได้รับผลกระทบจากพายุโนรู ส่วนระดับน้ำในแม่น้ำมูล ยังเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง
ทั้งนี้ จ.อุบลราชธานี ได้รับผลกระทบจากน้ำล้นตลิ่งรวม 15 อำเภอ 78 เทศบาล/ตำบล 502 ชุมชน/หมู่บ้าน แยกเป็นด้านการดำรงชีพ ได้รับผลกระทบ 4 อำเภอ13 เทศบาล/ตำบล 52 ชุมชน/หมู่บ้าน 3,404 ครัวเรือน 11,662 คน ถนน 1 สาย อพยพ 47 ชุมชน 1,780 ครัวเรือน 5,996 คน แยกเป็นศูนย์พักพิงชั่วคราว 45 จุด 1,451 ครัวเรือน 5,080 คน พักบ้านญาติ 175 ครัวเรือน 496 คน และอพยพขึ้นที่สูง 154 ครัวเรือน 420 คน ศูนย์พักพิงชั่วคราว 2 จุด ส่วนสถานการณ์น้ำที่สถานีวัดน้ำ M.7 สะพานเสรีประชาธิปไตย ระดับน้ำอยู่ที่ 114.21 ม.รทก.หรือระดับ 8.73 เมตร
ศรีสะเกษระดมผู้ต้องขังรับมือน้ำ
ส่วนที่ จ.ศรีสะเกษ นายเริงศักดิ์ เกตุจันทึก ผบ.เรือนจำ จ.ศรีสะเกษ ได้ให้เจ้าหน้าที่เรือนจำ นำผู้ต้องขังชั้นดี ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ 5 ตัว และกรอกทรายใส่กระสอบ เพื่อก่อกำแพงสำหรับป้องกันน้ำท่วมเรือนจำดังกล่าว โดยนายเริงศักดิ์ กล่าวว่า สถานการณ์น้ำยังถือว่ารับมือได้ ยังไม่มีน้ำไหลล้นเข้าเรือนจำ แต่ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้เตียมเครื่องสูบน้ำ 5 ตัว ที่ได้รับอนุเคราะห์จากชลประทาน จ.ศรีสะเกษ เพื่อสูบน้ำออก นอกจากนี้ได้เสริมกระสอบทรายทำกำแพงกั้นน้ำสูงกว่าเดิม 50 เซนติเมตร รับมือน้ำที่อาจเพิ่มสูงขึ้น
นายเริงศักดิ์ กล่าวต่อว่า หากน้ำไหลล้นเข้ามาในเรือนจำได้ ก็มีแผนรับมืออีกทาง คือการขนย้ายผู้ต้องขัง ซึ่งได้พูดคุยกับทางเรือนจำกันทรลักษ์ ไว้แล้ว แต่จะพยายามขนย้ายให้น้อยที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากเหตุไม่คาดคิด สำหรับการช่วยเหลือประชาชน หากมีการร้องขอ ก็จะพิจารณาส่งผู้ต้องขังชั้นดี ออกช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทุกพื้นที่
โคราชยังมีฝน-เทศบาลปักธงส้ม
ที่ จ.นครราชสีมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากพายุโนรูอ่อนกำลังเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำ แต่ก็ยังทำให้มีฝนตกร้อยละ 70ของพื้นที่ โดยน้ำในลำตะคอง ที่ไหลผ่านตัวเมืองนครราชสีมา มีปริมาณเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะที่ชุนมิตรภาพ ซอย 4 เขตเทศบาลนครนครราชสีมา ทางเทศบาลต้องปักธงสีส้ม ให้ชาวบ้านเฝ้าระวังน้ำล้นตลิ่ง พร้อมกับตั้งเต็นท์อำนวยการ มีเจ้าหน้าที่ทหารจาก มทบ.21 ช่วยกรอกกระสอบทราย แจกจ่ายประชาชนเพื่อนำไปป้องกันน้ำท่วม
รพ.มหาราชเฝ้าระวังลำตะคองล้น
ขณะเดียวกัน ที่ รพ.มหาราชนครราชสีมา ได้นำกระสอบทรายไปปิดประตูทางเข้าด้านหลัง รพ.ทุกจุด รวมทั้งทำเป็นกำแพงกั้นหน้าอาคารศูนย์รังสี โรคมะเร็ง ซึ่งอยู่ติดกับลำน้ำลำตะคองเนื่องจากระดับน้ำในลำน้ำลำตะคอง ยังทรงตัว แต่ต้องเฝ้าระวังน้ำที่ไหลมาจากอำเภอด้านบน ประกอบกับฝนที่ยังคงตกอย่างต่อเนื่อง และเป็นการป้องกันน้ำท่วมไว้ล่วงหน้าหากว่ามีพายุลูกใหม่เข้ามาซ้ำอีก
อ่างเก็บน้ำเกินความจุแล้ว12แห่ง
สำหรับสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 4 แห่ง ใน จ.นครราชสีมา มีปริมาณน้ำเก็บกัก รวม 86% โดยแยกเป็น อ่างเก็บน้ำลำตะคอง อ.สีคิ้ว ปริมาณน้ำ 90.23% อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง อ.ปักธงชัย ปริมาณน้ำ 90.33% อ่างเก็บน้ำมูลบน อ.ครบุรี ปริมาณน้ำ 83.78% และอ่างเก็บน้ำลำแชะ อ.ครบุรี ปริมาณน้ำ 80.06% ส่วนอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง 23 แห่งปริมาณน้ำเกินความจุกักเก็บแล้ว 12 แห่งขณะนี้ทางจังหวัด ได้ออกประกาศแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยในที่ลุ่มต่ำท้ายอ่างเก็บน้ำ เก็บของขึ้นที่สูงและเฝ้าระวังน้ำล้นตลิ่ง
ชัยภูมิประกาศภัยน้ำท่วม2อำเภอ
ด้านนายสมบัติ ไตรศักดิ์ รอง ผวจ.ปฏิบัติหน้าที่แทน ผวจ.ชัยภูมิ กล่าวถึงสถานการณ์น้ำจากพายุโนรู ว่าได้ส่งผลให้เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องข้ามวัน นับตั้งแต่วันที่ 29 กันยายนที่ผ่านมา จนมีประชาชนในพื้นที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม น้ำหลากซึ่งขยายวงกว้างไปทั่วทั้ง 16 อำเภอ ทั้งนี้ ทางจังหวัดชัยภูมิ ได้ประกาศพื้นที่ประสบสาธารณภัย/เขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติฉุกเฉิน (อุทกภัย) แล้ว 2 อำเภอ ในเขตเทศบาลเมืองชัยภูมิ 25 ชุมชนเขตโซนเศรษฐกิจในย่านกลางตัวเมืองชัยภูมิและ อ.คอนสวรรค์ เพื่อเร่งจัดสรรงบประมาณเข้าช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนโดยเร็ว
โกสัมพีอ่วมฝูงลิงต้องหนีลงถนน
ที่ วนอุทยานโกสัมพี ต.หัวขาง อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม แหล่งที่อยู่ลิงแสมขนเทาและขนทอง ที่มากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้ถูกน้ำท่วมทั้ง 125 ไร่ ทำให้ลิงดังกล่าวที่อาศัยอยู่เกือบ 800 ตัว ต้องอพยพออกมา เพราะขาดแคลนอาหาร โดยทางเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถนำอาหารไปให้ลิง ทำให้ลิงต้องหนีไปในจุดที่ยังไม่ถูกน้ำท่วมเพื่อหาอาหาร รวมทั้งไปอาศัยนอนอยู่บริเวณโรงเรียนและศาลเจ้า ซึ่งหลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะเข้าไปช่วยเหลือลิงฝูงดังกล่าวต่อไป
มหาสารคามน้ำท่วมแล้ว3อำเภอ
สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมใน จ.มหาสารคาม รวมทั้งหมด 3 อำเภอ ได้แก่ อ.โกสุมพิสัย อ.กันทรวิชัย และ อ.เมือง โดยระดับน้ำชี วัดที่เขื่อนมหาสารคาม ระดับน้ำหน้าเขื่อนและท้ายเขื่อน อยู่ที่150.59 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง มีการเปิดประตูระบายทั้ง 6 บานรวม 63 เมตร มีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อน 1,155.70 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ต่อวินาที หรือคิดเป็น 99.85 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน มีปริมาณน้ำในลำน้ำเหนือเขื่อน 42.950ล้าน ลบ.ม.หรือ 178.96% ระดับน้ำสูงกว่าตลิ่งแล้ว 1.09 เมตร
ตากเกิดดินสไลด์ปิดทางอุ้มผาง
ขณะที่ จ.ตาก ภายหลังเกิดฝนตกหนักได้ทำให้เกิดดินสไลด์ทับเส้นทาง อ.พบพระ-อ.อุ้มผาง ก่อนถึงบ้านอุ้มเปี่ยม ต.คีรีราษฎร์ อ.พบพระ ส่งผลให้การสัญจรไปมาของประชาชนเป็นไปด้วยความยากลำบาก มีรถที่จะเดินทางผ่านไปมาต้องติดขัดนานหลายชั่วโมง ซึ่งนายสมพงษ์ ฟุ้งทวีวงศ์ นายอำเภอพบพระ ได้สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเข้าแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน พร้อมกับย้ำให้ประชาชนในพื้นที่เฝ้าระวังน้ำท่วม โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยตามริมแม่น้ำ ลำห้วย หรือจุดเสี่ยง โดยให้เจ้าหน้าที่พร้อมให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย
รร.นายร้อยจปร.ท่วมหนักรอบ50ปี
ที่ จ.นครนายก ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้เกิดน้ำท่วมบ้านเรือนประชาชนในหมู่บ้านเทพประทาน ต.พรหมณี อ.เมือง ที่หมู่ 4 และ 14 มีชาวบ้านช่วยกันกั้นกระสอบทราย โดยหลายคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าน้ำท่วมครั้งนี้ หนักที่สุดในรอบกว่า 50 ปี ทั้งนี้ น้ำที่ทะลักท่วมบ้านเรือนประชาชนพบว่ามาจากฝายเก็บกักน้ำของโรงเรียนนายร้อย จปร.ซึ่งเก็บกักน้ำไว้สำหรับฤดูแล้ง แต่ช่วงที่ผ่านมา มีฝนตกเป็นระยะ ทำให้ฝายดังกล่าวมีปริมาณน้ำล้นสปิลล์เวย์ จึงเอ่อท่วมภายในโรงเรียนนายร้อย จปร.และมีการระบายลงมาจนท่วมบ้านเรือนประชาชนดังกล่าว โดยปริมาณน้ำยังคงล้นออกมาอย่างต่อเนื่อง ทาง อบต.พรหมณี ได้เร่งขนกระสอบทราย เข้ามาช่วยเหลือประชาชนเพื่อบรรเทาความเสียหายในเบื้องต้น
ชลบุรีคลองส่งน้ำพังน้ำทะลักท่วม
ส่วน จ.ชลบุรี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ฝนที่ตกต่อเนื่อง 2 วัน ทำให้ชาวบ้านพื้นที่หมู่ 7 ต.หมอนนาง หมู่ 1 ต.นาเริก อ.พนัสนิคม หลายสิบหลังคาเรือน ได้รับผลกระทบโดยน้ำที่ไหลมาตามคลองที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง ทำให้คอนกรีตที่ยังสร้างไม่เสร็จ พังเสียหาย น้ำเอ่อล้นท่วมบ้านเรือนชาวบ้าน จนชาวบ้านต้องขนย้ายข้าวของหนีน้ำที่มีระดับสูง 1.3-1.5 เมตร โดยเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ตั้งเต็นท์ชั่วคราวเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย แต่ยังมีผู้ป่วยติดเตียงที่กู้ภัย ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ต้องเร่งเข้าช่วยเหลือ
ชัยนาทน้ำทะลักท่วมหลายหมู่บ้าน
ที่ จ.ชัยนาท ภายหลังเขื่อนเจ้าพระยา เพิ่มการระบายน้ำแบบขั้นบันได จากอัตรา 2,100 ไปเป็น 2,500ลบ.ม.ต่อวินาที ทำให้กระแสน้ำที่ไหลผ่าน อ.สรรพยา ไหลแรงและสูงขึ้นต่อเนื่อง ประกอบกับมีฝนตกในพื้นที่ ทำให้แนวกระสอบทรายกั้นริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่หมู่ 1-หมู่ 5 ต.หาดอาษา อ.สรรพยา ไม่สามารถต้านทานกระแสน้ำได้ น้ำจึงล้นคันกระสอบทรายจนพังทลายหลายจุด แม้ชาวบ้านและทหารจะช่วยกันซ่อมแซมตลอดทั้งวันแต่ก็ยังแก้ไขสถานการณ์ไม่ได้ น้ำได้ทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนนับร้อยหลัง
ขณะเดียวกัน ในพื้นที่หมู่ 5 บ้านงิ้ว ต.โพนางดำออก อ.สรรพยา ถูกน้ำท่วมเกือบทั้งหมู่บ้าน ระดับน้ำสูง 30-60 เซนติเมตร บางจุดท่วมสูงเกือบ 1 เมตร ถนนทางเข้าวัดมะปราง น้ำท่วมสูง 20-60 เซนติเมตร และยังสูงขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกับที่หมู่ 4 บ้านท้องคุ้ง ต.โพนางดำออก น้ำยังหลากเข้าท่วมอย่างต่อเนื่อง ชาวบ้านต้องเร่งขนย้ายข้าวของ ยานพาหนะ และสัตว์เลี้ยง หนีน้ำ
พบรพ.สต.น้ำท่วมชั้นล่างอาคาร
ส่วนโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลโพนางดำออก ถูกน้ำท่วมแล้วเช่นกัน โดยบริเวณชั้นล่างของอาคารและบ้านพักเจ้าหน้าที่ ระดับน้ำสูงประมาณ 30-50 เซนติเมตร แต่เจ้าหน้าที่ได้ขนย้ายอุปกรณ์การแพทย์และเวชภัณฑ์บางส่วนหนีน้ำไปไว้บนชั้น2 และบางส่วนนำออกไปไว้ริมถนนคลองมหาราช เพื่อเตรียมตั้งเต็นท์เป็นจุดบริการตรวจรักษาประชาชน รวมทั้งจัดส่งเจ้าหน้าที่ออกตระเวนตรวจสุขภาพ นำยาทาน้ำกัดเท้า ยาแก้เครียด ยาแก้ปวดขัดยอกไปแจกจ่ายให้กับประชาชนในบ้านที่ประสบภัยน้ำท่วม
จับตาแม่น้ำสุพรรณฯเพิ่มต่อเนื่อง
ที่ จ.สุพรรณบุรี ดร.เอกพันธุ์ อินทร์ใจเอื้อ นายกเทศบาลเมืองสุพรรณบุรี เปิดเผยว่าระดับน้ำในแม่น้ำสุพรรณบุรี เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 5.69 เมตร สูงกว่าระดับถนนพระพันวษา9เซนติเมตร และยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ยังต้องเฝ้าระวังเนื่องจากยังมีฝนตก และเขื่อนกระเสียว มีปริมาณน้ำใกล้เต็มความจุ จึงแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยริมแม่น้ำท่าจีน เร่งขนย้ายข้าวของขึ้นที่สูง ทั้งนี้ ได้จัดเตรียมกระสอบทรายเพิ่มเติม ส่วนงานป้องกันของเทศบาลฯ ได้วางแนวกระสอบทรายบริเวณโรงขนมจีน สุดถนนพลายณรงค์เพื่อลดปริมาณน้ำที่เข้ามาจากด้านหลังเขื่อนฯ เรียบร้อยแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าขณะนี้ปริมาณน้ำในแม่น้ำท่าจีน เพิ่มขึ้นตลอดเวลา ทำให้ชาวบ้านหลายร้อยหลังคาเรือนที่อยู่ริมแม่น้ำดังกล่าวได้รับผลกระทบ ทำให้หลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องเร่งลงพื้นที่เข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเร่งด่วน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี