กาญจนบุรีไม่รอดเจอพิษหางโนรูทำฝนถล่มทั้งคืนน้ำทะลักท่วมถนนหลายสาย ผู้ว่าฯ กาญจนบุรีลงพื้นที่สั่งการ พร้อมขอโทษชาวกาญจนบุรี
เมื่อคืนวันที่ 3 ต.ค.65 ที่ผ่านมาฝนได้ตกลงมาอย่างหนักและต่อเนื่องกันนานหลายชั่วโมง ทำให้จังหวัดกาญจนบุรีในหลายพื้นที่ประสบปัญหาอุทกภัยน้ำท่วม เช่นบริเวณถนนสายพัฒนากาญจน์ ตั้งแต่สามแยกตัดทางรถไฟบ้านหัวนาล่างเขตติดต่อระหว่างเทศบาลเมืองกาญจนบุรี กับเทศบาลเมืองปากแพรก ผ่านโค้งแก้มลิง มุ่งหน้าไปทางแยกตัดทางรถไฟหมู่บ้านกาญจนบุรีวิลล่า ถนนแสงชูโต ต.ท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี โดยระดับน้ำอยู่ที่ประมาณ 30-40 เซนติเมตร ผู้ที่ใช้ยานพาหนะเช่นรถยนต์เก๋ง และรถจักรยานยนต์ ควรหลีกเลี่ยงแล้วไปใช้เส้นทางอื่นแทน ซึ่งจากการสังเกตพบว่ามวลน้ำที่ไหลมาท่วมขังนั้นเป็นมวลน้ำที่ไหลมาจากท้องที่เทศบาลเมืองปากแพรก
ขณะเดียวกันถนนที่ประสบปัญหาน้ำท่วมขังคือบริเวณถนนพัฒนาการตั้งแต่แยกตัดทางรถไฟถนนอู่ทอง ผ่านท้ายซอยไปรษณีย์ มุ่งหน้าที่ทางเรือนจำจังหวัดกาญจนบุรีหรือศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี ถึงแม้ระดับน้ำจะไม่สูงมากนักแต่ผู้ที่ใช้รถจักรยานยนต์จะต้องขับขี่ด้วยความระมัดระวัง หากเป็นไปได้ควรหลีกเลี่ยงเส้นทางดังกล่าวเพราะอาจจะทำให้เกิดอุบัติรถลื่นล้มทำให้บาดเจ็บได้
นอกจากนี้เส้นที่ประสบปัญหาน้ำท่วมอีกเส้นทางหนึ่งคือ ถนนสายเลี่ยงเมืองจากสี่แยกไฟแดงวังสารภี ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี มุ่งหน้าไปทางสามแยกท่าล้อ ต.ท่าล้อ อ.ท่าม่วง โดยน้ำได้ไหลเข้าท่วมขังถนนทั้งขาไปและกลับ ผู้ที่ใช้รถเล็กควรหลีกเลี่ยงเส้นทางดังกล่าวเช่นกัน ซึ่งขณะนี้ ร้อยโท ทศพล ไชยโกมินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ที่เพิ่งมารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา ร่วมกับสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดกาญจนบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่ดังกล่าวเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหา คาดว่าหากวันนี้ฝนไม่ตกลงมาอีกสถานการณ์น้ำท่วมขังก็คงจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ
ทั้งนี้ ร้อยโท ทศพล ไชยโกมินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยว่าฝนที่ตกลงเป็นปลายหางของพายุ โนรู โดยคืนที่ผ่านมาฝนได้ตกลงมาโดยที่เราไม่ทันได้ตั้งตัว จึงทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบอยู่บ้าง และจากการที่ได้พูดคุยกับชาวบ้านทราบว่าครั้งนี้ถือว่าน้ำท่วมมากที่สุดกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นทางรองผู้ว่าราชการจังหวัด นายกเทศบาลเมืองปากแพรก รวมทั้งหน่วยงานภาครัฐจากอำเภอท่าม่วง ได้ร่วมกันลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบและหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาร่วมกัน เพราะน้ำที่เข้าท่วมถนนนั้นเป็นน้ำมาจากพื้นที่เทศบาลเมืองปากแพรกไหลไปท่วมเขตพื้นที่ ต.ท่าล้อ อ.ท่าม่วง
แต่สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือทุกหน่วยงานจะร่วมกันอำนวยความสะดวกด้านการจราจรให้กับประชาชนที่มีความจำเป็นต้องใช้ถนนสายดังกล่าว โดยเฉพาะในช่วงเวลาเร่งด่วนทั้งช่วงเช้าและช่วงเย็นเพราะประชาชนต้องเดินทางไปทำงานและกลับบ้านพัก รวมทั้งต้องส่งลูกไปโรงเรียนและไปรับกลับบ้านด้วย สำหรับหน่วยงานที่มาคอยอำนวยความสะดวกด้านการจราจรมีทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ จาก สภ.เมืองกาญจนบุรี ตำรวจ สภ.ท่าม่วง จ้าหน้าที่ทหาร รวมทั้ง อปพร.มูลนิธิต่างๆ และจิตอาสา
"ก่อนอื่นผมต้องขอโทษพี่น้องประชาชนแทนพายุโนรูด้วย ที่พายุเอาน้ำท่ามาให้เมืองกาญจน์ได้เก็บไว้กินไว้ใช้ แต่ก็จะทำให้พี่น้องลำบากสักนิดหนึ่ง ซึ่งจากการสอบถามชาวบ้านต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า "ไม่เป็นไร เพราะมันเป็นเรื่องของธรรมชาติ" เมื่อได้ยินผมก็รู้สึกชื่นใจ แต่ก็ต้องขอโทษพี่น้องชาวจังหวัดกาญจนบุรีมา ณ ที่นี้ด้วย" ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี
ด้านนายสุทธิพร ศิวเวทพิกุล นายอำเภอสังขละบุรี ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าติดตามสถานการณ์น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม อย่างใกล้ชิด เนื่องจากคืนที่ผ่านมาพายุฝนได้ตกลงมาตลอดทั้งคืน โดยให้เจ้าหน้าที่รวมทั้งผู้นำท้องถิ่นผู้นำท้องที่รายงานสถานการณ์เข้ามาเป็นระยะ ซึ่งอำเภอสังขละบุรีของเราได้จัดเตรียมอุปกรณ์ต่างๆรวมทั้งกำลังเจ้าหน้าที่ เพื่อเข้าให้การช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที หากได้รับแจ้งมา
สำหรับระดับน้ำในแม่น้ำโรคี่ ช่วงที่ไหลผ่านหมู่บ้านสะเนพ่อง และบ้านเกาะสะเดิ่ง ต.ไล่โว่ อ.สังขละบุรี ที่อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตกนั้นขณะนี้ระดับน้ำเริ่มสูงขึ้นแต่ยังไม่ถึงกับเอ่อล้นท่วมตลิ่ง ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเฝ้าสังเกตการบริเวณดังกล่าวอย่างใกล้ชิ เนื่องจากที่ผ่านมาเคยเกิดอุทกภัยน้ำท่วมครั้งใหญ่มาแล้วเมื่อปี 2556 และ 2561 - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี