เอาจริง! รมว.ยุติธรรม ลงนาม MOU 15 หน่วยงาน เร่งบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด หลังพบผู้เสพจนป่วยทางจิตเพิ่มมากขึ้น มั่นใจช่วยแก้ปัญหาได้ ขณะที่ผู้ช่วย ผบ.ตร.ชี้ ส่งผู้เสพเข้าบำบัดของ สธ.ยังไม่มีความพร้อม ยก มท.-กลไกท้องถิ่นหน่วยงานทำได้ดี
เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2565 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานการประชุมหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาผู้มีอาการทางจิตจากการใช้สารเสพติด และพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือ เพื่อการป้องกัน เฝ้าระวัง และแก้ไขปัญหาผู้ป่วยที่มีอาการทางจิต อันเนื่องมาจากการใช้ยาเสพติด ที่สำนักงาน ป.ป.ส.โดยมี น.ส.ณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ ผู้ช่วย รมว.ยุติธรรม นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส.และผู้แทน 15 หน่วยงาน เช่น กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ เข้าร่วม
โดย นายสมศักดิ์ กล่าวว่า จากบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือการแก้ปัญหาผู้มีอาการทางจิต จากการใช้ยาเสพติดร่วมกันของ 15 หน่วยงาน เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2562 ปัจจุบัน มีผลสิ้นสุดลงแล้ว ตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2565 จึงทำให้เกิดการลงนามร่วมกันอีกครั้งในวันนี้ เพราะจากข้อมูลการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดของประเทศ พบว่ามีสัดส่วนผู้เข้ารับการบำบัดและใช้ยารักษาโรคทางจิตเวชร่วมเพิ่มขึ้นทุกปี โดยปี 2565 มีจำนวน 8,871 คน ส่งผลให้ผู้มีอาการทางจิตจากการใช้ยาเสพติด มีแนวโน้มก่อความเดือดร้อนให้กับสังคมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยจากข้อมูลของศูนย์ปฏิบัติการสำนักงาน ป.ป.ส. ปี 2565 พบว่ามีข่าวผู้ใช้ยาเสพติด ก่อเหตุ จำนวน 731 ข่าว เพิ่มจากปี 2564 เป็น 2 เท่า ที่มีเพียงจำนวน 307 ข่าว
"ดังนั้น แนวทางการแก้ปัญหา จึงต้องเร่งแก้ไขกลุ่มผู้มีอาการทางจิต จากการใช้สารเสพติดโดยใช้สาธารณสุขนำเพื่อให้กลับมาใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างปกติ ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายภาคส่วนร่วมกันค้นหา บำบัดรักษา และติดตามดูแลช่วยเหลือ รวมทั้งต้องเสริมสร้างความร่วมมือจากครอบครัวและชุมชนเข้ามาช่วยแก้ปัญหา" รมว.ยุติธรรม กล่าว
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ตนได้เดินทางไปประเทศออสเตรเลียเพื่อไปแลกเปลี่ยนการปราบปรามยาเสพติด รวมถึงได้หารือถึงการบำบัดฟื้นฟูด้วย เพราะที่ผ่านมาต้องยอมรับว่า เรายังเข้าไม่ถึงในเรื่องการบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด จึงมีข่าวผู้ติดยา ทำร้ายคนในครอบครัวอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้น การร่วมมือกันในวันนี้ จะสามารถช่วยแก้ปัญหาการบำบัดได้ เพราะจะมีการวางกรอบการทำงานที่ชัดเจนว่า หน่วยงานที่รับผิดชอบหลักตามประมวลกฎหมายยาเสพติด คือ กระทรวงสาธารณสุข
ด้าน พล.ต.ท.ภาณุวัฒน์ หลักบุญ ผู้ช่วย ผบ.ตร.กล่าวว่า เรื่องการบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด ต้องมีเจ้าภาพที่ชัดเจน เพราะการลงนามความร่วมมือครั้งนี้ มีถึง 15 หน่วยงานร่วมกัน ขณะเดียวกัน ที่ผ่านมา ตำรวจไม่มีบทบาทในเรื่องนี้ เพราะหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบคือ กระทรวงสาธารณสุข จึงทำให้ตำรวจ ทำได้เพียงโครงการป้องกัน ที่มีการบำบัดเป็นกิจกรรมร่วมด้วยเท่านั้น ส่วนการส่งผู้ติดยาเข้ารับการบำบัด ก็พบว่ากระทรวงสาธารณสุขยังไม่มีความพร้อม โดยจากการทำงานที่ผ่านมา พบว่า หน่วยงานที่ขับเคลื่อนเรื่องการบำบัดได้ดีคือ กระทรวงมหาดไทย เพราะมีกลไกท้องถิ่นที่เข้าถึงทุกชุมชน
นอกจากนี้ นายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเพิ่มเติมว่า การบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดต้องใช้ระยะเวลานาน โดยเฉพาะผู้ที่ใช้ยาเสพติดมาเป็นเวลานาน ซึ่งจะมีอาการทางจิต จึงอาจทำให้สังคมเข้าใจคลาดเคลื่อนว่า มีผู้เสพมากขึ้น ทั้งที่ข้อมูลพบว่า มีผู้เสพน้อยลงแล้ว แต่ที่เห็นข่าวผู้มีอาการทางจิตจากการใช้ยาเสพติดก่อเหตุมากขึ้น เพราะยังต้องใช้เวลาในการบำบัดต่อเนื่อง ซึ่งไม่ใช่มีผู้เสพมากขึ้น
- 006