คืบหน้าคดีสองสามีภรรยาบุกร้อง"ทนายรณณรงค์"หลังบ้านถูกเจ้าหน้าที่ธนาคารบุกยึดแต่ผิดหลัง เผยทางแบงค์ขอโทษแล้วยอมรับว่าเป็นความผิดพลาดของธนาคารจริง ๆ พร้อมส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาไกล่เกลี่ยต่อหน้าตำรวจเพื่อตกลงค่าเสียหาย เบื้องต้นเรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 2 ล้านบาท แต่ทางแบงก์ยังปฎิเสธ
เมื่อเวลา 13.00 นวันที่ 3 ต.ค. 65 ที่สำนักงานทนายความคู่ใจ ถ.แจ้งวัฒนะ ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี นายสมเกียรติ สร้อยสน และนางกาญจนา สร้อยสน สองสามีภรรยาเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับนายรณรงค์ แก้วเพชร ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ให้ช่วยเหลือหลังพบว่า บ้านของตนกับภรรยาที่อยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งในอ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานีถูกเจ้าหน้าที่ของธนาคารแห่งหนึ่งนำคนบุกเข้ามายึดบ้าน แต่เป็นการยึดผิดหลัง โดยที่บ้านหลังที่ถูกยึด ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการถูกฟ้องร้องใด ๆ ที่สำคัญทรัพย์สินภายในบ้านถูกนำไปทำลายทิ้งหลายรายการ ต้นไม้ถูกตัดทิ้งจนเหี้ยน รูปครอบครัวที่เคยถ่ายไว้เป็นของที่มีมูลค่าทางจิตใจ ก็ถูกนำไปทิ้งด้วย จึงนำเอกสารหลักฐานต่างๆมาร้องเรียนให้ทนายรณณรงค์ช่วยเหลือ
นายสมเกียรติ กล่าวว่า ตนมีบ้านหลังหนึ่งอยู่ในจังหวัดปทุมธานี แต่เมื่อวันที่ 5 กันยายนที่ผ่านมาได้มีผู้รับเหมาเข้ามารื้อทรัพย์สินภายในบ้านของตนออกไปจนหมดเกลี้ยง เหลือแต่บ้านโล่ง ๆ บริเวณภายนอกก็ตัดต้นไม้ รื้อกันสาด ยกสิ่งของออกไปไม่เหลือ และติดป้ายประกาศทรัพย์สินของธนาคารห้ามบุกรุก ก่อนที่เพื่อนบ้านจะเห็นป้ายประกาศขาย จึงติดต่อทางธนาคารไปเพื่อจะขอซื้อ จึงทราบว่าในประกาศเป็นบ้านอีกหลังหนึ่ง ทางเพื่อนบ้านจึงโทรศัพท์ไปแจ้งเรื่องนี้กับตนเพื่อถามว่า "จะขายบ้านหรือ เห็นคนมารื้อบ้าน รีโนเวท และติดป้ายของธนาคาร" ซึ่งตนตอบไปว่าไม่ได้ขายบ้านแต่เพื่อนบ้านก็ยืนยันว่ามีเจ้าหน้าที่ธนาคารเข้ามาทำการรื้อบ้านจริง พอได้ยินแบบนั้นก็ตกใจมาก จึงรีบเดินทางมาดู ก็พบว่าบ้านไม่เหลืออะไรเลย ข้าวของเครื่องใช้ ต้นไม้ถูกเก็บทิ้งทำลายหมด ประตูบ้านก็ถูกล็อกไว้ด้วยกุญแจของธนาคาร จึงได้ไปลงบันทึกแจ้งความไว้ที่ สภ.ลาดหลุมแก้ว
หลังจากนั้นจึงเดินทางไปแจ้งเรื่องยึดบ้านผิดหลังที่ธนาคาร ทางธนาคารจึงให้เจ้าหน้าที่โทรศัพท์มาขอโทษ และยอมรับว่าเป็นความผิดพลาดของธนาคารจริง ๆ ที่เข้ามายึดบ้านผิดหลัง โดยทางธนาคารได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาไกล่เกลี่ยเรื่องที่เกิดขึ้นต่อหน้าตำรวจ เพื่อตกลงค่าเสียหาย ซึ่งตนกับสามีได้เรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 2 ล้านบาท แต่ทางธนาคารปฎิเสธ แต่ยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาแต่อย่างใด โดยทรัพย์สินบางอย่างได้ถูกเก็บไว้ที่อีกที่หนึ่ง แต่บางอย่างได้ถูกทำลายไปแล้ว เช่น เสื้อผ้า หนังสือเก่า รูปภาพ และของสะสมต่าง ๆ รวมถึงของใช้ของลูกซึ่งมีคุณค่าทางจิตใจ ไม่สามารถหามาทดแทนได้แล้ว
"จึงตัดสินใจมาปรึกษาทนายความ เพราะว่าหลังเกิดเหตุการณ์กว่า 1 เดือนที่ผ่านมา ตนกับสามีต้องเป็นคนคอยติดต่อทางธนาคารไปเอง ว่าจะมีการดำเนินการรับผิดชอบอย่างไร ทางธนาคารก็บอกเพียงแต่ว่า กำลังรวบรวมทรัพย์สินที่ทำลายไป แต่ก็ไม่ได้บอกว่าจะรับผิดชอบค่าเสียหายอย่างไร จึงมองว่าไม่มีความกระตือรือร้น หรือใส่ใจในการแก้ปัญหาให้กับตนที่เป็นผู้เสียหาย ทั้งที่บ้านของตนยังไม่เคยถูกฟ้อง ไม่ได้มีคดีอะไร และไม่ได้เกี่ยวข้องใด ๆ กับทางธนาคารเลย แต่กลับไม่มีความชัดเจน"นายสมเกียรติ กล่าว
ด้าน ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายทวงคืนความเป็นธรรม กล่าวว่า ตามพยานหลักฐานที่มีในตอนนี้ พบว่าทางธนาคารมีความผิดจริง ผู้เสียหายสามารถฟ้องร้องทางธนาคารได้ 3 ข้อหาหลัก ๆ คือ ร่วมกันบุกรุก, ทำให้เสียทรัพย์ และหมิ่นประมาท โดยวันนี้ทนายจะพาไปแจ้งข้อหาเพิ่ม
"นี่ก็ถือว่าเป็นความผิดพลาดของธนาคาร ที่อาจจะต้องมีการทบทวนวิธีการทำงานใหม่ให้ละเอียดมากขึ้น รวมถึงเป็นอุทาหรณ์ของคนที่มีบ้าน แล้วไม่ได้อยู่ด้วย แต่เรื่องนี้ต้องบอกเลยว่า ไม่ใช่ความผิดของเจ้าของบ้าน "ทนายรณรงค์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี