เขื่อนเจ้าพระยาน้ำล้น
ปักแนวธงแดง
เตือนภัยรับสถานการณ์
‘อุทัยธานี-อ่างทอง’สำลัก
พนังกั้นน้ำแตกท่วมกลางดึก
ฝนยังกระหน่ำหนักถึง13ต.ค.
รัฐบาลเป็นห่วงใยประชาชน ระบุระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยายังเพิ่มสูงขึ้น ให้ทุกฝ่ายเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ในทุกด้าน แจ้งเตือนประชาชนให้ทราบอย่างทันท่วงที ขณะที่เขื่อนเจ้าพระยาปักแนวธงแดงเตือนภัย ด้านอุตุนิยมวิทยาชี้ฝนกระหน่ำหนักถึง 13 ตุลาคม
เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามสถานการณ์น้ำทั่วประเทศอย่างใกล้ชิดรวมถึงสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ซึ่งขณะนี้มีน้ำหลากจากทางตอนเหนือไหลลงแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มมากขึ้น ซึ่งล่าสุด สถานการณ์ระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาอยู่ที่ +17.64 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง ซึ่งสูงกว่าระดับเก็บกัก 1.14 (+16.50 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง) ทั้งนี้ เพื่อรักษาเสถียรภาพความมั่นคงของบานระบายน้ำและตัวเขื่อนเจ้าพระยา กรมชลประทานจำเป็นต้องควบคุมระดับน้ำด้านเหนือเขื่อนเจ้าพระยา ให้อยู่ในเกณฑ์ +17.60 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง ซึ่งจะส่งผลทำให้ปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มขึ้นอยู่ในอัตรามากกว่า 2,900-3,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม 2565 รวมทั้งกรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ และสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) ได้คาดการณ์ระดับน้ำทะเลหนุน ซึ่งส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณกองบัญชาการกองทัพเรือ กรุงเทพมหานคร ป้อมพระจุลจอมเกล้าฯ จังหวัดสมุทรปราการ และพื้นที่ใกล้เคียง จะเพิ่มสูงขึ้นกว่าปกติด้วย โดยระดับน้ำจะมีความสูงประมาณ 1.90-2.20 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง ในช่วงวันที่ 8-13 ตุลาคม 2565
ห่วงใยชาวบ้านท้ายเขื่อน
นายอนุชาฯ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีห่วงใยประชาชนที่อยู่ในบริเวณพื้นที่จังหวัดลุ่มน้ำเจ้าพระยาที่อาจได้รับผลกระทบจากระดับน้ำบริเวณแม่น้ำเจ้าพระยาที่เพิ่มขึ้น ตั้งแต่บริเวณพื้นที่ด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท อำเภออินทร์บุรี อำเภอเมืองสิงห์บุรี และอำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี อำเภอป่าโมก และอำเภอไชโย คลองโผงเผง จังหวัดอ่างทอง คลองบางบาล อำเภอเสนา และอำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 0.10-0.15 เมตร รวมทั้งบริเวณตั้งแต่อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดปทุมธานี จังหวัดนนทบุรี กรุงเทพมหานคร และจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นจากเดิมประมาณ 0.15-0.30 เมตร
เตือนภัยปักธงแดงเขื่อนเจ้าพระยา
“นายกรัฐมนตรีขอให้จังหวัดในพื้นที่ดังกล่าว และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมความพร้อมรับมือในทุกด้าน เพื่อดูแลช่วยเหลือประชาชนให้ทันต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะให้ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด ตรวจสอบความมั่นคงอาคารป้องกันริมแม่น้ำและเสริมคันบริเวณจุดเสี่ยงที่เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำ รวมทั้งเตรียมเครื่องจักร เครื่องมือ เพื่อบูรณาการความพร้อมให้ความช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนได้ทันที ขณะเดียวกันให้มีการปรับแผนบริหารจัดการน้ำ อ่างเก็บน้ำ เขื่อนระบายน้ำ รวมทั้งใช้พื้นที่ลุ่มต่ำเป็นแก้มลิงหน่วงน้ำและรองรับน้ำหลาก เพื่อบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ สำหรับเขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท ขอให้บริหารจัดการน้ำโดยใช้ระบบชลประทานในการนำน้ำเข้าคลองต่าง ๆ ทั้งด้านฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยาให้ได้มากที่สุด ตามศักยภาพคลองชลประทานในแต่ละช่วงเวลาที่สามารถรองรับได้ ส่วนพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณด้านเหนือเขื่อนเจ้าพระยาในเขตจังหวัดชัยนาทและอุทัยธานี ให้เตรียมป้องกันระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่ และสิ่งสำคัญคือ การประชาสัมพันธ์ข้อมูลเพื่อแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ริมน้ำนอกแนวคันกั้นน้ำ แนวเขื่อนชั่วคราวในบริเวณที่ไม่มีแนวป้องกันน้ำถาวร และพื้นที่จุดเสี่ยงบริเวณที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำให้รับทราบล่วงหน้า เพื่อประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวสามารถเตรียมความพร้อมรับมือได้กับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นได้ทันท่วงที” นายอนุชาฯ กล่าว
มีรายงานข่าวว่าเขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท ซึ่งเป็นเกณฑ์ที่เขื่อนมีการปรับระดับการแจ้งเตือนจากธงเหลืองในสถานการณ์เฝ้าระวัง ขึ้นเป็นธงแดง ซึ่งเป็นสถานการณ์เข้าขั้นวิกฤติ
อุตุเตือนภัยฝนยังตกหนัก
กรมอุตุนิยมวิทยา เผยบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนปกคลุมภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตอนบนของประเทศไทย และทะเลจีนใต้ ทำให้ภาคเหนือตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนมีฝนน้อย ในขณะที่ลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเล จีนใต้เข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก ภาคใต้ และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มในระยะนี้ อนึ่ง ในช่วงวันที่ 9 – 13 ต.ค. 65 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากประเทศจีนอีกระลอกหนึ่งจะแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนตกหนักกับมีลมกระโชกแรงบางแห่งเกิดขึ้นได้ในระยะแรก หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 1 – 3 องศาเซลเซียสกับมีลมแรง ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกอุณหภูมิจะลดลงเล็กน้อย ในขณะที่ร่องมรสุมพาดผ่านภาคใต้ตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักบางแห่ง
สำหรับ กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.
ท่วมตลาดสายลมจอย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังจากมีฝนตกโปรยบริเวณเทือกเขาดอยตุงและในเขตรัฐฉาน ประเทศเมียนมา ได้ทำให้เกิดน้ำท่วมซ้ำซากในหลายพื้นที่ของ อ.แม่สาย และ อ.แม่จัน จ.เชียงราย โดยที่ชายแดนไทย-เมียนมา อ.แม่สาย น้ำจากลำน้ำสายที่เป็นเขตแดนได้เอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่เดิมๆ ตั้งแต่ถนนใต้สะพานข้ามลำน้ำสายแห่งที่ 1 ภายในตลาดสายลมจอยตั้งแต่ช่วงเช้ามืด ระดับน้ำภายในถนนในตลาดลึกประมาณ 50 เซนติเมตรพ่อค้าแม่ค้าที่มีร้านอยู่ในที่ลุ่มต้องพากันขนย้ายสินค้หนีน้ำกันอย่างฉุกละหุก หลังจากที่ทางเทศบาลตำบลแม่สาย ได้ประกาศแจ้งเตือนภัยตั้งแต่เที่ยงคืนให้ระวังน้ำหลาก ซึ่งน้ำท่วมดังกล่าวเกิดขึ้นขณะที่หลายฝ่ายไม่คาดคิด เนื่องจากพื้นที่ราบมีแดดจ้าเกือบตลอดทั้งวัน
โดย นายณรงค์พล คิดอ่าน นายอำเภอแม่สาย นายชัยยนต์ ศรีสมุทร นายกเทศมนตรีตำบลแม่สาย ได้ประสานไปยังสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) หน่วยกู้ภัย หน่วยทหาร ตำรวจ ฯลฯ ต่างระดมกำลังกันเข้าช่วยเหลือชาวบ้านในการขนย้ายสิ่งของไปไว้บนพื้นที่สูง จากนั้นช่วงเข้าระดับน้ำเริ่มทรงและลดระดับลงตามลำดับ ทั้งนี้ก่อนหน้านี้พ่อค้าแม่ค้าในตลาดชายแดนโดยเฉพาะตลาดสายลมจอยต่างพากันนำสินค้าออกมาวางจำหน่ายกันอย่างคึกคักเหมือนเดิมเนื่องจากผ่านพ้นฤดูฝนไปแล้วทำให้ต่างไม่คาดคิดว่าจะเกิดน้ำท่วมอีกครั้ง
ขณะที่พื้นที่ต้นน้ำห้วยไร่ ที่บ้านสวนป่า ตำบลแม่ฟ้าหลวง น้ำป่าได้พัดเสาไฟฟ้าล้มปิดทับเส้นทางเข้าออกหมู่บ้าน ชาวบ้านกว่า 20 ครอบครัว ไม่สามารถสัญจรไปมาได้ อีกทั้งยังมีน้ำป่าหลากเข้าท่วมบ้านเรือน และพัดรถยนต์ไหลไปกับน้ำ 1 คัน รถจักรยานยนต์สูญหายอีก 3 คัน ขณะนี้อยู่ระหว่างสำรวจความเสียหาย
คันดินกันน้ำอ่างทองแตก
เมื่อค่ำวันที่ 7 ต.ค. 65 ที่บริเวณ บ้านระดำหมู่ 1 ตำบลโพสะ อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง ได้เกิดคันดินกั้นแม่น้ำเจ้าพระยา สุดต้านกระแสน้ำที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องได้พังถล่มลงมาบริเวณหน้าบ้านเลขที่ 4/4 และ 4/2 หมู่ 1 ตำบลโพสะ กระแสน้ำที่ไหลแรงพุ่งเข้าตรงบริเวณบ้านทั้ง 2 หลังทำให้พังถล่มลงมาจากกระแสน้ำที่พุ่งเข้าใส่ทำเสาบ้านเกินต้านและพังลง
ทางด้าน นางอุ่นเรือน ดีกระจ่าง อายุ 48 ปี เจ้าของบ้าน เล่าให้ฟังว่า ขณะที่ตนเองได้เดินออกมารับสามีที่ทำงานเพื่อกลับเข้าบ้าน ทราบข่าวว่าคันดินหน้าบ้านตนเองได้พังลงมาแต่เข้าไปไม่ทันและเข้าไปดูพบว่าบ้านพังลงมาแล้วไม่สามารถขนสิ่งของออกมาได้เลย
ส่วน นายปรีชา ดีกระจ่าง สามีเจ้าของบ้านทั้ง 2 หลังที่พังทลายจากกระแสน้ำ เล่าให้ฟังว่า ที่บ้านตนเองนั้นอยู่อาศัยกัน 4 คน ตนเย็นนั้นลูกๆไปอยู่บ้านญาติ ส่วนภรรยาได้ขับรถมาตนเองที่ทำงานเมื่อกลับไปพบว่าคันดินพังทลายกระแสน้ำพุ่งเข้ามายังบ้านตนเองทำให้พังเสียหายทั้ง2หลัง คืนนี้ยังไม่รู่จะนอนที่ไหน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดกระแสน้ำเจ้าพระยา ได้ไหลเข้าเอ่อท่วมบ้านเรือนประชาชนในชุมชนบ้านระดำ กว่า 50 หลังคาเรือน มีน้ำท่วมสูง 1-2 เมตร ประชาชนต่างเร่งเก็บข้าวของไว้ที่สูงกันอย่างจ้าละหวั่นโดยมีทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้นำเรือท้องแบน และรถโฟวิล เข้าช่วยเหลือชาวบ้านย้ายสิ่งของและขนชาวบ้านผู้ประสบภัยเข้าออกจากพื้นที่อย่างเร่งด่วน
ท่วมตัวเมืองอุทัยธานี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม่น้ำสะแกกรัง ได้มีระดับน้ำสูงไหลท่วมผ่านตัวเมืองอุทัยธานี ขยายวงกว้างไปยังโบราณสถาน แหล่งท่องเที่ยว รวมถึงย่านเศรษฐกิจ ทำให้ประชาชนได้ผลกระทบแล้ว
เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อ เมื่อช่วงตี 3 วันที่ 8 ต.ค.65 น้ำได้เอ่อล้นทะลักเข้าท่วมตลาดริมน้ำสะแกกรังไปจนถึงย่านเศรษฐกิจถนนสายสำคัญที่ตั้งธนาคาร อาคารพาณิชย์ ระดับน้ำท่วมสูง 20-30 ซม. บรรดาร้านขายของตลาดเช้าแบกับดินตั้งร้านขายของกันไม่ได้ ต้องย้ายไปตั้งขายตามฟุตปาทข้างทางที่น้ำท่วมไม่ถึงกันอย่างทุลักทุเล ขณะที่ปริมาณน้ำมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ปศุสัตว์ช่วยเหลือเกษตรกร
ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีความห่วงใยพี่น้องเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ที่ได้รับผลกระทบจากพายุโนรูที่ประเทศไทยได้รับอิทธิพลจากพายุโนรู จนส่งผลให้เกิดอุทกภัยเป็นวงกว้าง กระทบต่อสัตว์เลี้ยงของเกษตรกรในหลายพื้นที่ จนทำให้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อน ขาดแคลนอาหารสำหรับสัตว์เลี้ยง บางพื้นที่มีการอพยพสัตว์เลี้ยงไปบนพื้นที่สูงที่มีความปลอดภัย มีสัตว์เจ็บป่วยที่ต้องการการดูแลรักษาอย่างทันท่วงที จึงสั่งการด่วนยกระดับการช่วยเหลือเกษตรกรโดยให้กรมปศุสัตว์ระดมเจ้าหน้าที่ออกให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ทั้งด้านการอพยพสัตว์ เสบียงสัตว์ ตลอดจนการรักษาพยาบาลสัตว์ เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนและลดความเสียหายให้กับเกษตรกร
ทั้งนี้ เกษตรกรผู้ประสบอุทกภัยสามารถติดต่อขอรับการสนับสนุนเสบียงสัตว์รวมไปถึงความช่วยเหลือด้านการปศุสัตว์ ได้ที่สำนักงานปศุสัตว์จังหวัด สำนักงานปศุสัตว์อำเภอ หรือศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์ในพื้นที่ ผู้นำชุมชน ผู้นำท้องถิ่น-ท้องที่ หรือติดต่อศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านปศุสัตว์ (ศปภ.ปศ.) กรมปศุสัตว์ กองส่งเสริมและพัฒนาการปศุสัตว์ โทร. 0-2653-4444 ต่อ 3315 และที่ Application DLD 4.0 เพื่อจะได้ให้เจ้าหน้าที่ให้ความช่วยเหลืออย่างทันท่วงทีต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี