9 ตุลาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงาน จากจังหวัดพิจิตร ว่าปริมาณน้ำในแม่น้ำยมในพื้นที่จังหวัดพิจิตร ที่รับจากสุโขทัย และจังหวัดพิษณุโลกยังคงไหลมาสมทบอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำยม ที่จุดวัดน้ำ ที่อำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตร ระดับน้ำ อยู่ที่ 9.25 เมตร ซึ่งเป็นระดับที่สูงเกิดจุดวิกฤตของตลิ่ง 5 เซนติเมตร และเพิ่มขึ้นถึงชั่วโมงละ 1-2 เซนติเมตร ท่วมบ้านเรือนที่แม่น้ำยมไหลผ่าน ใน 4 อำเภอ คืออำเภอสามง่าม โพธิ์ประทับช้าง บึงนาราง และอำเภอโพทะเล
ล่าสุด ที่ตำบลกำแพงดิน อำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตร ซึ่งเป็นด่านแรกจุดรอยต่อ กับทางจังหวัดพิษณุโลก ปริมาณน้ำในแม่น้ำยม ที่เพิ่มอย่างต่อเนื่อง จนล้นตลิ่งไหลเข้าท่วม บ้านเรือนประชาชน ที่อยู่ริมตลิ่งแม่น้ำยมตลอด ทั้งสองฝั่งบ้านประชาชน ในพื้นที่เทศบาลตำบลกำแพงดิน และอบต.กำแพงดิน กว่า 200 หลังคาเรือน ถูกแม่น้ำยมล้นตลิ่งไหลท่วม บางจุดท่วมสูงเกือบ 2 เมตร ชาวบ้านต้องเก็บของไว้บนที่สูง ใช้เรือสัญจร พร้อมซ่อมเรือ ไว้ใช้น้ำท่วมเนื่องจากปริมาณน้ำจะท่วมขังจะมีระยะเวลานานนับเดือน
ขณะที่ ชาวบ้านที่มีผู้สูงอายุ ต้องคอยเฝ้าดูผู้สูงอายุ ที่อาศัยอยู่กับบ้านในช่วงน้ำท่วม เพื่อป้องกันอันตราย ทั้งไฟฟ้า และการจมน้ำ เนื่องจากต้องใช้ชีวิตอยู่กับน้ำท่วม ในบ้าน
ขณะที่ ทางด้านหน่วยกู้ภัยมูลนิธิปอเต็กตึ๊ง ต้องนำอาหารปรุงสุก พร้อมน้ำดื่ม เข้าไปช่วยเหลือชาวบ้านหัวรอ ตำบลหอไกร อำเภอบางมูลนาก จังหวัดพิจิตร มีบ้านเรือนประชาชนที่อาศัยอยู่กลางทุ่งนา กว่า 15 หลังคาเรือน ที่ในขณะนี้ถูกน้ำท่วมล้อมหมู่บ้าน ท่วมถนนเส้นทางเข้าสูงกว่า 3 เมตร รถทุกชนิดไม่สามารถเดินทางเข้าไปในหมู่บ้านได้ ใช้เรือสัญจรเพียงอย่างเดียว ยากลำบากในการออกไปซื้อหาอาหารได้
นอกจากนั้น ทางเจ้าหน้าที่กู้ภัย ต้องนำสิ่งของและอาหารไปให้นางนิ่มมณู เวฬุวราลักษณ์ อายุ 65 ปี ชาวบ้าน ที่ป่วยด้วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงและเส้นเลือดสมองฉีกขาด และอยู่ตามลำพังเพียงคนเดียว
โดยนางนิ่มมณู บอกว่า ในขณะนี้ที่อยู่ได้เพราะมีญาติ ที่คอยหุงหาอาหารมาส่งให้ เพราะไม่สามารถประกอบอาหารเองได้ และเริ่มเดือดร้อนจากน้ำที่ท่วมขังเป็นเวลานาน
สำหรับบ้านหัวรอ ในเขตตำบลหอไกร มีบ้านเรือนประชาชนที่อาศัยอยู่กลางทุ่งนา กว่า 15 หลังคาเรือน ห่างไกลจากชุมชน ที่ในขณะนี้ถูกน้ำท่วมล้อมหมู่บ้าน ทั้งหมด ถนนเส้นทางเข้าสูงกว่า 3 เมตร รถทุกชนิดไม่สามารถเดินทางเข้าไปในหมู่บ้านได้ ใช้เรือสัญจรเพียงอย่างเดียว โดยมวลน้ำเหล่านี้จะท่วมนาน จนกว่าระดับแม่น้ำน่านจะลดลง จะสามารถระบายน้ำได้ ทำให้ชาวบ้านต้องคงต้องอาศัยอยู่ในบ้านที่ถูกน้ำท่วมไปอีกนานจนกว่าแม่น้ำน่านจะลดระดับลง.012
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี