ปคม.จับโปรโมเตอร์มวยชาวจีนชื่อดังในไทย หลังถูกซัดทอดเป็นหัวหน้าขบวนการค้ามนุษย์-แก๊งคอลเซ็นเตอร์รายใหญ่ หลอกผู้เสียหายหลายชาติร่วมลงทุนบิทคอยน์ ลวงคนไทยไปทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แฉทำยอดไม่ได้โดนจับโกนผม-ไฟฟ้าช๊อต เข้า‘ห้องดำ’
เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 31 ตุลาคม 2565 พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) แถลงผลการจับกุมนายทุนจีนหัวหน้าขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลังหลอกลวงคนไทยไปทำงานก่อนบังคับให้ทำหน้าที่โทรศัพท์หลอกลวงคนไทยร่วมลงทุนเงินตราดิจิทัล
พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า ผู้ต้องหารายนี้ คือ นายหวง หรืออาหยง อายุ 33 ปี สัญชาติจีน ได้ตั้งขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติร่วมกับคนจีน ไทย มาเลเซีย เมียนมา และฟิลิปปินส์ รวมกัน 19 คน ได้ร่วมกันกระทำความผิดในลักษณะค้ามนุษย์ และหลอกร่วมลงทุนในเงินตราดิจิทัลผ่านโซเชียลมีเดียหรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์
ทั้งนี้ เหตุเกิดเมื่อช่วงเดือนมกราคมถึงพฤษภาคมปีที่แล้ว มีพฤติการณ์หลอกลวงคนไทยโดยการลงโฆษณาจัดหางานผ่านทางอินเทอร์เน็ตในลักษณะเปิดรับสมัครมาทำงาน บริเวณชายแดนไทย-เมียนมา ฝั่งแม่สอด เมื่อเหยื่อหลงเชื่อ ขบวนการจะนัดเหยื่อไปพบที่แม่สอด ก่อนบังคับพาข้ามฝั่งไปยังเมียวดี ประเทศเมียนมา โดยใช้เส้นทางธรรมชาติเดินเท้าผ่านป่าข้ามแม่น้ำเมย หลังจากนั้นจะบังคับให้ผู้เสียหายโทรศัพท์หลอกลวงเหยื่อคนไทยด้วยกันเองเข้าร่วมลงทุนเงินดิจิทัลหรือบิทคอยน์ แต่ระหว่างผู้เสียหายถูกบังคับให้ทำงาน ได้ติดต่อขอความช่วยเหลือจากทางการไทย ซึ่งเจ้าหน้าที่ไทยประสานความช่วยเหลือกับเมียนมา จนสามารถช่วยเหลือคนไทยที่ตกเป็นเหยื่อได้ทั้งหมด 7 คน เป็นผู้หญิง 5 คน และผู้ชาย 2 คน
ผู้เสียหายที่ถูกหลอกไปทำงานให้การว่า ขบวนการนี้จะใช้วิธีการ Scammer โดยการปลอมโปรไฟล์ของผู้เสียหายแต่ละคนในแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ เช่น Tinder , Badoo เป็นต้น แล้วนำแอปเหล่านี้ติดต่อกลุ่มคนที่เป็นเป้าหมายเพื่อหลอกลวงชักชวนให้ลงทุน เมื่อมีคนสนใจและหลงเชื่อให้ข้อมูล ก็จะส่งข้อมูลของเหยื่อให้คนมาเลเซียและคนฟิลิปปินส์ในขบวนการดำเนินการต่อ
ส่วนพวกตนถูกบังคับให้ทำงานวันละ 12 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุด และถูกบังคับให้ทำงานตามยอดที่ตั้งเอาไว้ หรือจำนวนคนที่สามารถชักชวนได้ โดยข้อมูลตรงนี้ผู้เสียหายไม่ได้ให้การโดยละเอียด หากไม่ทำงานหรือไม่สามารถทำงานได้ถึงเป้า จะถูกส่งเข้าห้องขังหรือ “ห้องดำ” บางคนถูกทำร้ายร่างกาย จับโกนผม บางรายถึงขนาดถูกไฟฟ้าช็อต และหากจะเดินทางกลับประเทศ ต้องจ่ายเงิน 50,000 บาท เพื่อไถ่ตัวเองกลับประเทศ บางคนทนไม่ไหวถึงขนาดติดต่อให้ญาตินำรถ นำที่ดิน มาจำนอง เพื่อหวังว่าจะได้กลับบ้าน จึงเป็นที่มาของการร้องขอความช่วยเหลือกับทางการไทย
พล.ต.ท.จิรภพ ระบุว่า หลังจากทั้ง 7 คนถูกส่งตัวกลับไทย ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) ได้เฝ้าติดตามจนสามารถออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการทั้ง 19 คน ประกอบด้วย คนจีน 3 คน มาเลเซีย 1 คน ฟิลิปปินส์ 1 คน เมียนมา 3 คน และคนไทย 11 คน โดยมีนายอาหยงเป็นหัวหน้าขบวนการและนายทุนรายใหญ่ของขบวนการนี้ จนกระทั่งสืบทราบว่านายอาหยง เดินทางกลับเข้าไทยในเดือนพฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมา โดยนำเงินที่ได้มาจากการหลอกลวงมาทำธุรกิจเปิดค่ายมวยชื่อดัง และเป็นโปรโมเตอร์ในการจัดการแข่งขันต่อยมวยตามเวทีต่างๆในประเทศ ซึ่งเป็นการฟอกเงิน
ทางตำรวจ ปคม.จึงเสนอศาลอนุมัติหมายจับนายอาหยงใน 2 ข้อหา ได้แก่ 1.สมคบกันตั่งแต่สองคนไปกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ และ2.ร่วมกันตั้งแต่สามคนขึ้นไปหรือโดยสมาชิกองค์กรอาชญากรรมกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ ด้วยการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบจากการบังคับใช้แรงงาน โดยสามารถจับกุมตัวได้บริเวณลานจอดรถหลังสนามมวยลุมพินี ย่านรามอินทรา เมื่อวันเสาร์ที่ 29 ตุลาคม ที่ผ่านมา โดยนำผู้ต้องหามาสอบปากคำ เบื้องต้นให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
อย่างไรก็ตาม ขบวนการค้ามนุษย์กลุ่มนี้ มีผู้ร่วมขบวนการ 19 คน สามารถตามจับกุมได้แล้วก่อนหน้านี้ 7 คน เป็นคนไทยทั้งหมด รวมนายอาหลงเป็น 8 คน ยังเหลือผู้ร่วมขบวนการอีก 11 คนที่ยังจับตัวไม่ได้ ส่วนผู้เสียหายที่ถูกหลอกไปทำงาน แม้จะเป็นผู้เสียหาย แต่จะถูกดำเนินคดีในข้อหาเข้าเมืองผิดกฎหมาย ตามพ.ร.บ.คนเข้าเมือง
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี