ศาลอุทธรณ์ยืนสั่งจำคุก 12 ปี ไม่รอลงอาญาลูกสาว"อาม่าฮวย"ลักเงิน 24 ล้านโอนเข้าบัญชีตัวเองขณะแม่ป่วย ส่วนอีกคดีลักทรัพย์กว่า 200 ล้านของ"อาม่า"ศาลนัดชี้ชะตาลูกสาวกับพนักงานแบงก์กลางเดือนพ.ย.นี้ ล่าสุดศาลให้ประกันตัวลูกสาวระหว่างฎีกาสู้คดี
1 พ.ย.65 ที่ห้องพิจารณาคดี 41 ศาลอาญาพระโขนง ถ.สรรพาวุธ ศาลได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีดำ อ.1668/2563 ที่นางฮวย ศรีวิรัตน์ หรือ อาม่า ฮวย อายุ 85 ปี มอบอำนาจให้ น.ส.มินตรา ศรีวิรัตน์ หลานสาว เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนางมาวดี ศรีวิรัตน์ อายุ 56 ปี บุตรสาว เป็นจำเลยในความผิดฐานลักทรัพย์ กรณีที่อาม่าฮวย มีบัญชีเงินฝากอยู่ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาบิ๊กซีสวนหลวง และถนนศรีนครินทร์(อุดมสุข) อีกจำนวน 24,000,000 บาท โดยนางมาวดี ได้ถอนเงินจากบัญชีนางฮวย ไปซื้อกองทุนในนามตนเอง ซื้อประกันชีวิตในนามตนเอง และโอนเข้าบัญชีตนเอง เป็นเงินจำนวน 24,000,000 บาท ทำให้นางฮวย ได้รับความเสียหาย จึงนำคดีมาฟ้องขอให้ศาล พิพากษาลงโทษจำเลย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 และมาตรา 334 ด้วย จำเลยให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดี
ต่อมาศาลอาญาพระโขนง พิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายนำสืบหักล้างกันแล้วเห็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 334 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 จำคุกกระทงละ 2 ปีจำนวน 6 กระทง รวมจำคุก 12 ปี
พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว การกระทำความผิดของจำเลยเป็นการกระทำต่อโจทก์ซึ่งเป็นบุพการีโดยใช้โอกาสที่จำเลยเป็นผู้ดูแลระหว่างโจทก์เจ็บป่วย ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ ทั้งเงินที่จำเลยลักไปเป็นเงินจำนวนสูงมาก นับเป็นเรื่องร้ายแรง ดังนั้นแม้ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน กรณีก็ไม่มีเหตุให้รอการลงโทษ” จำเลยยื่นอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือโดยละเอียดแล้ว เห็นว่า จำเลยอาศัยความเจ็บป่วยของโจทก์ พาโจทก์ไปเบิกเงินยังธนาคารต่างๆ โดยที่โจทก์ไม่ยินยอม ทั้งการซื้อกองทุนในนามจำเลย ซื้อประกันชีวิตในนามจำเลย และนำเงินเข้าบัญชีในนามของจำเลยเองการยักย้ายถ่ายโอนเงินของโจทก์เพื่อแสวงหาประโยชน์ส่วนตัว ถือเป็นการทุจริต อีกทั้งผิดวิสัยของผู้เป็นบุตรผู้พึงกตัญญูรู้คุณมารดา แต่กลับลักเอาเงินของโจทก์ ซึ่งเป็นมารดาไปโดยทุจริต และจำเลยนำเงินบางส่วนไปลงทุนในกิจการรีสอร์ทของจำเลยตามภาพถ่ายการก่อสร้างทั้งตั้งรีสอร์ท และสำเนาโฉนดที่ดิน พฤติการณ์จำเลยมีเจตนาเอาเงินของโจทก์ไปโดยทุจริตที่ศาลล่างพิพากษาลงโทษมานั้นเหมาะสมกับความผิดแล้ว อุทธรณ์จำเลยฟังไม่ขึ้นพิพากษายืน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้งนี้ ทนายความของนางมาวดี ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราวระหว่างฎีกา
สำหรับคดีที่ศาลอาญาพระโขนงหมายเลขดำ อ.3228/2562 ฯ ที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ และนางฮวย เป็นโจทก์ร่วม ยื่นฟ้องนางมาวดี กับพวกซึ่งเป็นพนักงานธนาคารรวม 5 คน เป็นจำเลย ที่ถูกกล่าวหาว่า ลักเงินไปจากธนาคารกสิกรไทย จำกัดฯ จำนวนกว่า 200 ล้านบาทนั้น ศาลอาญาพระโขนงนัดฟังคำพิพากษาวันที่ 14 พ.ย.นี้ เวลา 13.30 น.
ต่อมาภายหลังศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำคุก12 ปี นางมาวดี ลูกสาวที่ลักเงินอาม่า ฮวยจำนวน 24 ล้านบาทไปโดยไม่รอลงอาญานั้น ต่อมาทนายความได้ยื่นคำร้องพร้ ม หลักทรัพย์เป็นที่ดินมูลค่ากว่า4 ล้านบาทขอปล่อยชั่วคราวระหว่างฎีกา
นายกฤษฎา อินทามระ ทนายความ นางมาวดี เปิดเผยว่า ศาลอาญาพระโขนงมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว นางมาวดี ระหว่างฎีกา โดยตีราคาประกัน 2.4 ล้านบาท และไม่ได้กำหนดเงื่อนไขใดๆ สำหรับคดีนี้คดีมีอัตราโทษจำคุกกระทงละไม่เกิน 5 ปี หากจะยื่นฎีกาสู้คดีต่อ ก็จะต้องขออนุญาตฎีกาโดยผู้พิพากษาคนใดคนคนหนึ่งที่เคยพิจารณาคดีนี้ทั้งศาลชั้นต้นเเละศาลอุทธรณ์รวมเเล้วมีประมาณ5 คน เป็นผู้ลงชื่ออนุญาตให้จำเลยฎีกาได้ก่อน คดีจึงจะขึ้นสู่การพิจารณาของศาลฎีกาได้
-001
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี