วันที่ 1 พฤศจิกายน 2565 เวลา 13.00 น. ที่สำนักงานทนายคู่ใจ ถนนแจ้งวัฒนะ .อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี น.ส.รัตนาภรณ์ สงวนนามสลกุล อายุ 42 ปี ชาวอ.บางใหญ่ อาชีพวิศวะกร หอบเอกสารการรักษาทิพย์ของโรงพบาลเอกชนแห่งหนึ่งย่านบางใหญ่ ร้องทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ให้ช่วยตรวจสอบข้อมูลการรักษาของโรงพยาบาลแห่งนี้มั่วทำเอกสารปลอมนำไปเบิกค่ารักษาพยาบาลกับประกันสังคม ทำให้ตนเองเดือดร้อนถูกบริษัทประกันชีวิต ยกเลิกกรมธรรม์ประกันชีวิต อ้างว่าตนให้ข้อมูลเท็จในการทำประกัน เนื่องจากตนมีประวัติการรักษามาก่อนหน้านี้
น.ส.รัตนาภรณ์ ให้ข้อมูลว่าเมื่อวันที่ 18 พ.ค.61 ตนเข้ารักษาที่โรงพยาบาลดังกล่าวเนื่องจากมีอาการท้องเสียโดยทางแพทย์ให้นอนแอดมิด 1 คืนหลังจากนั้นให้ออกจากโรงพยาบาลแต่กับพบว่าตรวจพบข้อมูลของทางโรงพยาบบาลระบุว่านอนพักรักษาตั้งแต่วันที่ 18-22 พ.ค.61 นอกจากนี้ยังพบข้อมูลอีกว่าตนเข้าไปรักษาที่โรงพยาบาลดังกล่าวในวันที่ 21 มิ.ย.61 ซึ่งประวัติการรักษาแจ้งว่ามีเลือดออกที่ช่องคลอด มีการให้เลือด 6 ถุง ซึ่งเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง ตนไม่ได้เข้าไปรักษาและไม่มีการให้เลือดแต่อย่างใด แต่กับมีประวัติการรักษา
ต่อมาเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 65 ตนเข้าไปตรวจหามะเร็งที่ รพ.แห่งนี้ จนวันที่ 2 กรกฎาคม 65 ได้รับแจ้งจากทางรพ. ว่าผลการตรวจของแพทย์พบก้อนเนื้อร้ายจึงแนะนำให้ตนผ่าตัดทิ้ง ตนจึงเข้ารพ.เพื่อผ่าตัดเนื้อร้ายทิ้งตามแพทย์แนะนำในวันที่ 15 กรกฎาคม 65 หลังผ่าตัดนอนพักฟื้นที่รพ.จนอาการปลอดภัยทางแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้ในวันที่ 17 กรกฎาคม 65 โดยค่ารักษาทั้งหมดตนได้สำรองเงินจ่ายออกไปก่อน
หลังจากนั้นตนได้ทำเรื่องขอเบิกค่าใช้จ่ายไปทางบริษัทประกันชีวิตที่ทำไว้ แต่ปรากฎว่าทางบริษัทประกัน ได้มีหนังสือแจ้งมาที่ตนว่า ขอล้างสัญญา เนื่องจากตรวจพบว่ามีประวัติการรักษามาก่อนหน้านี้ ทั้งที่ตนไม่เคยไปรักษาที่รพ.เอกชนดังกล่าวเลย แต่กับมีประวัติการรักษาได้อย่างไร
ด้านนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร กล่าวว่า อย่างแรกเลยเรื่องเวชระเบียนห้ามมีการแก้ไขตามกฎหมาย และเวชระเบียนก็ถูกปลอมไม่ได้ด้วย ใครรักษาหมอชื่ออะไรลงประวัติไว้อย่างไรต้องเป็นไปตามนั้น ถ้าไม่เป็นไปตามนั้นถือว่ามีความผิดเพราะเวชระเบียนถือเป็นเอกสารทางราชการอย่างหนึ่ง หากมีการปลอมแปลงถือว่ามีความผิดฐานปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม
อย่างครั้งแรกเดือนพฤษภาคม 61 เขานอนรักษาแค่คืนเดียว ทำไมประวัติถึงเป็น 4 คืน และ 4 คืนเอาไปเบิกประกันสังคมด้วยหรือเปล่า เรื่องนี้ประกันสังคมต้องมาตรวจสอบด้วย ต่อมาในเดือนมิถุนายนปีเดียวกัน มีประวัติว่าเข้าไปนอนให้เลือด 6 ถุง มีการสอบถามไปทางแพทย์หญิงเจ้าของไข้ ซึ่งแพทย์หญิงได้แจ้งกลับมาว่า น้องเขาลาออกจากโรงพยาบาลแห่งนี้ แล้วทำเรื่องไปเรียนต่อที่ต่างจังหวัด แล้วช่วงเวลาดังกล่าวไม่อยู่แน่นอน และที่สำคัญหมอยืนยันมาว่า ถ้าเขาให้เลือดใครถึง 6 ถุง เขาต้องจำได้ เพราะทั้งชีวิตที่รักษาคนไข้มาไม่เคยให้เลือดใครถึง 6 ถุงเลย เพราะฉะนั้นเอกสารตัวนี้ต้องมาตรวจสอบกันว่าทำไมถึงเกิดความผิดพลาดขึ้น และใครต้องรับผิดชอบบ้าง อย่างแรกเลยคือหน่วยงานกระทรวงสาธารณสุข สำนักงาน สบส.กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ที่ดูแลโรงพยาบาลเอกชนต้องมาตรวจสอบเรื่องดังกล่าว เพราะไม่ได้รักษาแต่มีประวัติได้อย่างไร
ไม่เคยเจอไม่ได้เข้ารับการรักษาแต่มีประวัติมาแบบนี้ ไม่รู้ว่าเขาทำไปด้วยเรื่องอะไร แต่มุมนึงมองว่ามีการเอาไปเบิกสำนักงานประกันสังคมหรือเปล่า ซึ่งตั้งคำถามไว้ให้ไปตรวจสอบว่าเป็นอย่างไร เบื้องต้นเคยมีคนมาปรึกษาผมเวลาประกันไม่จ่ายเบี้ยไม่จ่ายค่าสินไหม เราก็จะฟ้องบริษัทประกัน แต่รอบนี้ผู้เสียหายเขาบอกว่าอยากเอาเรื่องโรงพยาบาล เพราะโรงพยาบาลทำเอกสารแบบนี้มาได้อย่างไรเพราะเขาไม่เคยไปรักษาแต่มีประวัติการรักษาได้อย่างไร เรามีเอกสารพวกนี้มีรวมทั้งคลิปเสียงด้วยเป็นหลักฐาน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี